xs
xsm
sm
md
lg

เอกชน-รัฐตื่นตัวมุ่งนโยบาย Zero Waste to Landfill ส่งผล“อินทรีอีโคฯ”โต30%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปลี่ยนวิธีกำจัดขยะอุตสาหกรรม!? เลิก“ฝังกลบ” หันใช้“เตาเผาอุณหภูมิสูง” ล่าสุดอินทรีอีโคฯ จับมือกรมศุลกากรทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและของกลางอื่นๆ ด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ปกครอง มีจินดา Head of Commercial บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซิเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการให้บริการด้านการจัดการของเสียและการบริการภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย โดยสนับสนุนและเป็นพันธมิตรด้านความยั่งยืนด้วยการเปลี่ยนของเสียให้เป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบทดแทน พร้อมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการตั้งแต่การทำความสะอาดอุตสาหกรรมไปถึงการจัดการของเสีย

ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถให้บริการทำความสะอาดในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างครอบคลุมทั้งการทำความสะอาดโดยใช้เคมี (Chemical Cleaning) และการทำความสะอาดด้วยการใช้เครื่องจักร (Mechanical Cleaning) ซึ่งทำให้สามารถนำเสนอบริการแบบ“one-stop-services” โดยมีพื้นที่บริการครอบคลุมทั้งประเทศ และการบริการภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานในกลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจ ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีโรงเตรียมเชื้อเพลิงและวัตถุดิบทดแทน 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรีและชลบุรี และมีบริการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง รวมทั้งได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพมาตรฐาน ISO9001:2015 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมมาตรฐาน ISO14001:2015 และระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมาตรฐานOHSAS18001:2007
กระบวนการจัดการของเสียหรือกากอุตสาหกรรมของอินทรี อีโคไซเคิล
สำหรับการจัดการของเสียหรือกากอุตสาหกรรมด้วยการเผาร่วมกับเชื้อเพลิงหลักที่เตาเผาปูนซิเมนต์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,800 องศาเซลเซียสในระบบปิด นับเป็นเทคโนโลยีที่ความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการล้างเครื่องจักรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น โดยมีอัตราการเติบโตปีละ 30% ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนมากเป็นบริษัทที่เน้นนโยบาย Zero Waste to Landfill คือการกำจัดกากหรือของเสียโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และหันมานิยมการกำจัดของเสียด้วยวิธีเผาในเตาที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่าการฝังกลบแบบเดิมๆ ที่สร้างปัญหาผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมกับฝ่ายเก็บรักษาและจำหน่ายของกลาง สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร รับผิดชอบในการทำลายของกลาง อาทิ เสื้อผ้า ตุ๊กตา รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น รวมน้ำหนัก 300 ตัน หรือ 300,000 กิโลกรัม โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ โดยกำหนดระยะเวลาทำลายไม่เกิน 15 วัน คือให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้ โดยกระบวนการทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางมีการควบคุมในระดับสูงสุด

เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา มีการจัดพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดฯและของกลางอื่นๆ ที่คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 39 ล้านบาท โดยมีการดำเนินการปล่อยขบวนรถบรรทุกสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 6 คัน ณ สนามฟุตซอล กรมศุลกากร เพื่อนำไปเผาทำลายที่บริษัท อินทรีอีโคไซเคิล จำกัด จังหวัดสระบุรี

สำหรับของกลางดังกล่าวจะถูกขนส่งผ่านรถขนส่ง ซึ่งมีระบบ GPS ติดตามตลอดเวลา เพื่อนำไปผ่านกระบวนการคัดแยกประเภท ตัด บด ย่อยให้เป็นแผ่นประมาณ 3- 5 ซม. และควบคุมคุณภาพก่อนที่โรงเตรียมเชื้อเพลิงและวัตถุดิบทดแทน ( AFR Platform ) จังหวัดสระบุรี จากนั้นจะนำไปเผาร่วมกับเชื้อเพลิงหลักที่เตาเผาปูนซิเมนต์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,800 องศาเซลเซียสในระบบปิด จึงไม่มีการปล่อยสารก่อมะเร็ง เช่น ไดอ็อกซิน และเถ้าลอยออกสู่อากาศ นับเป็นวิธีการจัดการของเสียหรือกากอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งกระบวนการนี้จะไม่มีของเสียเหลืออีกเลย จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพชุมชนและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นการลดของเสียหรือกากอุตสาหกรรมสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ ( Zero Waste to Landfill )


กำลังโหลดความคิดเห็น