ลูกค้ามาแวะดื่ม ร้านกาแฟ Starbucks (สตาร์บัคส์) ที่สาขา Colonia del Valle ใกล้กับ Mexico City มักจะอมยิ้ม ประทับใจบริการของพนักงานในร้านแห่งนี้เสมอ ก็เมื่อพบว่าพนักงานทุกคนในร้าน (มีทั้งหมด 7 คน ) ล้วนแต่สูงวัย สิริอายุรวมกันเกิน 400 ปี (แต่ละคนน่าจะเกินกว่า 55 ปี)
ที่นี่เป็นสตาร์บัคส์สาขาแรกของประเทศและในลาติน-อเมริกา ที่มีการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ เกิดจากความร่วมมือของสตาร์บัคส์ กับ The National Institute for the Elderly (องค์กรเพื่อผู้สูงอายุแห่งชาติ) เม็กซิโก โดยคาดหวังให้มีการจ้างแรงงานในกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบุกเบิกของสตาร์บัคส์ที่ให้โอกาสผู้สูงอายุได้ทำงาน ด้วยเงื่อนไขพนักงานต้องถูกจำกัดชั่วโมงทำงานสูงสุดอยู่ที่วันละ 6 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมได้รับประกันมีวันหยุดสองวันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ก็ได้รับสวัสดิการเรื่องค่ารักษาพยาบาล
มร.คริสเตียน เกอร์เรีย (Christian Gurría) ซีอีโอของสตาร์บัคส์ เม็กซิโก บอกว่า สาขานี้เป็นเพียงสาขาทดลองเท่านั้น แต่ถ้าประสบผลสำเร็จ พนักงานวัยคุณลุงคุณป้าสามารถดูแลลูกค้าได้ตรงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สตาร์บัคส์ก็วางแผนว่าจะขยายการจ้างงานในกลุ่มผู้สูงวัยเป็น 120 คน ในปีหน้า ปัจจุบัน เม็กซิโกมีประชากรผู้สูงอายุราว 12 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด
พนักงานในร้านล้วนแต่พูดเป็นเสียงเดียวว่า “รู้สึกมีความสุขสุดๆ กับการที่ได้กลับมาทำงานอีก แถมยังได้เรียนรู้อะไรที่ใหม่ๆ ซึ่งแตกต่างออกไปจากยุคก่อน"
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ “ผู้สูงอายุ” เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อแรงงานในระบบเศรษฐกิจของประเทศ แบรนด์ต่างๆ พยายามเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อทำให้เกิดการจ้างงาน จึงไม่ใช่ตอบโจทย์เฉพาะในด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์ องค์กรและแรงงานในธุรกิจเท่านั้น แต่การเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุอย่างกรณีนี้ช่วยให้พวกเขาได้เห็นถึงคุณค่าในตัวเอง นับว่าเป็นการเสริมสร้างพลังใจที่ช่วยต่อเติมไฟในการมีชีวิตให้กับคนในสังคมได้อย่างดี
ข้อมูลอ้างอิง
http://blue-chip.info/2018/09/a-starbucks-in-mexico-city-is-run-by-senior-citizens-thanks-to-a-partnership-with-the-national-institute-for-the-elderly/
https://www.wpxi.com/news/starbucks-staffs-cafe-with-only-senior-citizens/826948327
