xs
xsm
sm
md
lg

NIA ดึงอิสราเอลพัฒนานวัตกรรม หนุนธุรกิจเกษตร – ไซเบอร์ – ไอโอที โกอินเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติฯ จับมือสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอลพัฒนาระบบนวัตกรรม มุ่งสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการพัฒนาเทคโนโลยีผ่านกลไกการให้ทุน พร้อมเตรียมนำต้นแบบการพัฒนานวัตกรรมจากอิสราเอลมาสู่ประเทศไทย และผลักดันให้สตาร์ทอัพและธุรกิจนวัตกรรมไทยเข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร อาหาร ความมั่นคงทางไซเบอร์ และ IoT

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า เอ็นไอเอได้มุ่งสร้างเครือข่ายนวัตกรรมในระดับประเทศ เพื่อสนับสนุนให้ระบบนวัตกรรมไทยได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆ ความร่วมมือในการต่อยอดธุรกิจ การร่วมลงทุน ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายที่จะผลักดันให้เกิดสตาร์ทอัพเนชั่น (Startup Nation) และธุรกิจนวัตกรรมให้ขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติ เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ให้กับสินค้าและบริการ อีกทั้งยังจะช่วยเปิดมุมมองให้ผู้พัฒนานวัตกรรมได้มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น และตอบสนองได้ตรงกับตลาดผู้ใช้นวัตกรรมในระดับโลกได้อย่างตรงจุด
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ  NIA ร่วมลงนามกับ ดร.อามี แอปเปิลโบม หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และผู้บริหาร IIA
ล่าสุด NIA ร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล (Israel Innovation Authority หรือ IIA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับองค์กรเพื่อส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างบริษัทไทยกับบริษัทอิสราเอล ผ่านกลไกการให้ทุนของ NIA และ IIA โดย NIA จะเป็นผู้ให้ทุนแก่ผู้ประกอบการไทย ขณะที่ IIA เป็นผู้ให้ทุนแก่บริษัทอิสราเอลที่จับคู่ทำโครงการกับบริษัทไทย นอกจากนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แลกเปลี่ยนความรู้ เข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะสาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านการเกษตร ด้านอาหาร ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cyber Security) และ Internet of Things (IoT)

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า อิสราเอลยังมีความน่าสนใจในการพัฒนาสตาร์ทอัพและสามารถนำมาต้นแบบในการส่งเสริมสตาร์ทอัพและธุรกิจนวัตกรรมไทยได้ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น วิธีการในการเข้าถึงกลุ่มเงินทุน การจัดการทรัพยากรและการสร้างผลลิตที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยเฉพาะประชากรที่ทำงานเกี่ยวกับเกษตรกรรม การสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคการศึกษาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การสนับสนุนการเงินจากภาครัฐสู่ภาคธุรกิจ การดึงดูดให้บริษัทข้ามชาติระดับโลกมาตั้งศูนย์วิจัยเพื่อทำงานร่วมกับนักวิจัยและสถาบันการศึกษา ตลอดจนวิธีการผลักดันจำนวนสตาร์ทอัพต่อจำนวนประชากรที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 8,000 ราย และมีสัดส่วนความสำเร็จ 1 : 10 ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับในประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีความโดดเด่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับไซเบอร์ ซึ่งไทยจะต้องนำต้นแบบการสนับสนุนระบบนิเวศมาพัฒนา โดยมี 4 ส่วนที่จำเป็น คือ 1) ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อก่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนา การสร้างประสบการณ์ในการพัฒนา และการสร้างมาตรฐานของการวิจัยด้านไซเบอร์ 2)กระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรมไซเบอร์ โดยเน้นในเรื่องนโยบาย และกฏระเบียบต่างๆ 3)เทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่พร้อมจะนำไปสู่กระบวนการใช้งานได้จริงในเชิงพาณิชย์ และ 4) บุคลากรด้านไซเบอร์ ที่จะต้องสร้างให้เกิดผู้เชี่ยวชาญ และการสร้างองค์ความรู้ด้านไซเบอร์พร้อมด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น
ฯพณฯ ดร.เมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย
ปัจจุบันอิสราเอลเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางนวัตกรรมสูงระดับต้นๆ คืออยู่ในอันดับที่ 11 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในหลากหลายด้าน ได้แก่ การเชื่อมโยงทางนวัตกรรมระหว่างองค์กร ความสามารถในงานวิจัยทางธุรกิจ นักวิจัย การส่งออกสินค้า ICT กองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ (Venture Capital : VC) และยังอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ความคิดสร้างสรรค์ในธุรกิจบริการและการต่อยอดทางวัฒนธรรม และการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO:9001

ด้าน ฯพณฯ ดร.เมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า “หากประเทศไทยซึ่งกำลังก้าวสู่ยุค 4.0 และอิสราเอลในฐานะชาติแห่งสตาร์ทอัพร่วมมือกัน จะต้องเกิดผลดีอย่างมากตามมาอย่างแน่นอน ข้าพเจ้าเชื่อว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งของความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศไทยและอิสราเอล”

ขณะที่ ดร.อามี แอปเปิลโบม หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และผู้บริหาร สำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล กล่าวว่า “การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ความร่วมมือในระดับต่อไป ซึ่งความสำเร็จจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเราสร้างเครือข่ายไปทั่วโลก”


กำลังโหลดความคิดเห็น