พพ. เร่งเครื่องเอกชนติด “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง”

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ออกมาส่งเสริมภาคเอกชนให้มีการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยเดินหน้าโครงการ “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง” ซึ่งในปีนี้ ได้มีการติดฉลากเพิ่มอีก 3 ผลิตภัณฑ์
ประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดี พพ.กล่าวว่าเดินหน้าโครงการฯ ในปี 2561 พพ. ได้มีการติดฉลากเพิ่มอีก 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องเชื่อมไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องทอดน้ำมันท่วม รวมเป็น 19 ผลิตภัณฑ์ พร้อมตั้งเป้าการติดฉลากประมาณ 7 ล้านใบ นอกจากนี้ พพ. ได้มีการปรับปรุงตัวฉลากใหม่ เพิ่ม QR Code สะดวกต่อการรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทาง QR Code ในอนาคตคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก ทางผู้บริโภคจะมีทางเลือกในการเลือกใช้อุปกรณ์ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ พพ.เดินหน้าโครงการ “บ้านประหยัดพลังงาน” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องบ้านประหยัดพลังงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบัน พพ. มีแบบบ้านประหยัดพลังงานที่เผยแพร่ฟรีแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างจำนวน 12 แบบ สามารถดาวน์โหลดแบบบ้านทั้ง 12 แบบ ได้ทาง https://www.facebook.com/notes/dede-home

พร้อมกันนี้ พพ.ได้แนะนำพรีเซ็นเตอร์ใหม่ของ “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง” และ “บ้านประหยัดพลังงาน” คือ ดาราจากซิทคอมสุดฮิตในอดีต “3 หนุ่ม 3 มุม” ประกอบด้วย กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และ มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกับผลิตภัณฑ์ที่ติด “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง” ที่เป็นสิ่งของที่ใช้กันหลากหลายวัย หลากหลายอาชีพ หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัยและรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่าง รวมไปถึง “บ้านประหยัดพลังงาน” ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายวัย คาดว่าจะเป็นตัวแทนที่สามารถสื่อความเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น และขอให้อดใจรอพบกับภาพยนตร์โฆษณา, สารคดีสั้น และสปอตวิทยุ ของ “3 หนุ่ม 3 มุม” ที่จะออกอากาศพร้อมๆ กันทั่วประเทศได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับผลการดำเนินงานตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยพพ.ได้เริ่มออกฉลากครั้งแรกเมื่อปี 2550 ให้กับผลิตภัณฑ์แรก คือ เตาแก๊สหุงต้มในครัวเรือน จากข้อมูลของ พพ. ณ สิ้นปี 2560 พบว่า ติดฉลากไปแล้วกว่า 30 ล้านใบ และโครงการนี้สร้างผลประหยัดพลังงานสูงกว่า 739 พันตันน้ำมันดิบ (Ktoe) คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดกว่า 23,000 ล้านบาท ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 3.8 ล้านตัน