พม. ดึงภาคธุรกิจร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคม

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิด Kick off กิจการเพื่อสังคม Social Enterprise : SE เพื่อประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนงานกิจการเพื่อสังคมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อีกทั้งสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในการดำเนินงานกิจการเพื่อสังคม ร่วมด้วย ปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) คณะผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และสื่อมวลชน จำนวน 300 คน เข้าร่วมงาน ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

พลเอก อนันตพร กล่าวว่า กิจกรรม Social Enterprise : SE จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ พม.โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนงานกิจการเพื่อสังคมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในการดำเนินงานกิจการเพื่อสังคม ร่วมถึงเป็นการเริ่มต้นเปิดรับสมัครภาคเอกชนให้เข้าร่วมโครงการ หลัง พม.ได้รับมอบหมายให้ดูแล กิจกรรม Social Enterprise : SE จากรัฐบาล ตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ.2554 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )2560 ซึ่งเป็นไปตามมติการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยจะเปิดให้ภาคเอกชน ธุรกิจ ยื่นแบบคำขอหนังสือรับรองกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อเข้าร่วม กิจกรรม Social Enterprise : SE กับ พส.ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถติดต่อดาวน์โหลดข้อมูลได้ทาง www.dsdw.go.th หรือ www.csv.dsdw.go.th ซึ่งขณะนี้มีภาคเอกชนให้ความสนใจเบื้องต้น 43 ราย และตั้งเป้าหลังจากนี้คาดว่าจะไม่น้อยกว่า 100 ราย
อย่างไรก็ตาม พม.ดูต้องแลกลุ่มเป้าหมายทางสังคม ประกอบไปด้วย ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สตรี เด็ก เป็นต้น รวมกว่า 48 ล้านคน ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานดูแลคนกลุ่มนี้ทั่วประเทศเพียง 20,000 คน และมีวงเงินงบประมาณแต่ละปีเพียง 1.2 หมื่นล้าน ถือเป็นสัดส่วนปริมาณงานที่มาก ขณะที่กำลังคนและงบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด ยากต่อการขับเคลื่อนงานไปถึงเป้าหมาย ดังนั้น ความร่วมมือของภาคเอกชน ที่จะเข้ามาร่วมในกิจกรรม Social Enterprise:SE จะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความเลื่อมล้ำของคน สังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจในประเทศได้มากขึ้น ตามเจตนารมของนายกฯ ที่อยากให้มีกิจการเพื่อสังคมมากขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสู่ความยั่งยืนของประเทศ