เริ่มกันมาแล้วตั้งแต่ต้นปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์โรงแรมใหญ่แบรนด์แรกๆ ที่ออกมาประกาศยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกในทุกโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั่วเอเชีย ยิ่งกว่านั้นยังมีแผนจะขยายนโยบายนี้สู่โรงแรมแห่งอื่นๆ ในออสเตรเลีย ยุโรป และตะวันออกกลางภายในปลายปีนี้
ท่ามกลางขุนเขาอันแสนเงียบสงบในภาคเหนือของไทย อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท (Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort) ได้ร่วมมือกับ ‘คำจันทร์ ยาโน’ ศิลปินพื้นบ้าน ผู้ที่ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากปราชญ์ชาวบ้านในการหาวิธีที่ทำให้ประดิษฐ์หลอดไม้ไผ่ ซึ่งมีจำนวนมากมายในพื้นที่ ให้อยู่ทนทาน และมั่นใจได้ว่าถูกสุขลักษณะและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
กลายเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่นอกจากจะผลิตหลอดไม้ไผ่ให้กับทางรีสอร์ทแล้ว ยังทำให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นอีกด้วย ทั้งนี้ อนันตรา พีซ เฮเวน แทงเกล รีสอร์ท (Anantara Peace Haven Tangalle Resort) ในประเทศศรีลังกา ได้เริ่มปลูกไผ่ในบริเวณสวนออร์แกนิกของรีสอ์ทซึ่งได้รับการดูแลโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ไม้ไผ่ที่ปลูกจะเจริญเติบโตพร้อมกับชา พริกไทยดำ อบเชย กานพูล และข้าว ถือเป็นอีกการเริ่มต้นหลักการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจ
มร. วิลเลียม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้ง และประธาน ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งประกอบด้วยทั้งแบรนด์โรงแรมอนันตราและโรงแรมอวานี กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมด้านการโรงแรม เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราที่จะต้องเข้าไปมีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยลดการบริโภคและการใช้พลาสติกอย่างสิ้นเปลืองทั่วโลก ประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อคุณภาพของมหาสมุทร ทำให้การลดการใช้พลาสติกเป็นเรื่องที่ทั้งในมุมของธุรกิจและสิ่งแวดล้อม การเลิกใช้หลอดพลาสติกของโรงแรมในเครือทั่วทั้งทวีปเอเชีย จะสามารถช่วยลดการใช้หลอดพลาสติกได้มากถึง 2.5 ล้านชิ้นภายในปีแรก”
ส่วนตัวเขาเองนั้นให้ความใส่ใจเกี่ยวกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ และความยั่งยืนขององค์กรมายาวนานหลายทศวรรษ ในขณะที่พลาสติกเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใช้กันอย่างแพร่หลาย
เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพลาสติกได้ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม ทั่วโลกมีการผลิตพลาสติกจำนวน 300 ล้านตันในแต่ละปี และประมาณ 8.8 ล้านตัน ถูกทิ้งลงมหาสมุทร การทิ้งหลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย กลับเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษหนึ่งในสองอันดับแรกที่พบมากในมหาสมุทร
และหลอดพลาสติกแต่ละหลอดต้องใช้เวลาในการย่อยสลายมากถึง 500 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า จำนวนหลอดพลาสติกที่ใช้กันทุกวันมีจำนวนมากจนไม่สามารถบันทึกเป็นตัวเลขได้ในระดับโลก แต่แค่ชาวอเมริกันก็ใช้หลอดถึงวันละ 500 ล้านหลอดแล้ว
แขกผู้เข้าพักที่โรงแรมอนันตราและโรงแรมอวานี ต่างเพิ่มความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและความต้องการทางเลือกการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจหยุดใช้หลอดพลาสติกจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง นโยบายนี้ยังนับเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่กว้างขึ้น และยังเป็นการสนับสนุนการปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อีกหลายชนิด
เครือโรงแรมอนันตราและโรงแรมอวานี หวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการด้านงานบริการในการร่วมปฏิบัติตามแนวทางนี้ รวมถึงส่งเสริมให้แขกผู้เข้าพักได้นำประสบการณ์นี้กลับไปใช้และเลิกใช้หลอดพลาสติกในชีวิตประจำวัน แบรนด์โรงแรมอื่นๆ ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ทั้ง โอ๊คส์ (Oaks) และทิโวลี (Tivoli) ในเอเชีย ได้เตรียมจะปฎิบัติตามนโยบายการเลิกใช้หลอดพลาสติกนี้ โดยหลังการนำร่องของโรงแรมในเครือทั่วเอเชีย ดิ เอเลวาน่า คอลเลคชัน (The Elewana Collection) ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมนอกทวีปเอเชีย ก็มีแผนที่จะหยุดการใช้หลอดพลาสติกเช่นเดียวกัน
การประกาศเลิกใช้หลอดพลาสติก เป็นอีกหนึ่งโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ทั่วโลก ซึ่งมีทั้งโครงการอนุรักษ์พะยูนที่ อนันตรา สิเกา รีสอร์ท (Anantara Si Kao Resort) มูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเลหาดไม้ขาว ของ อนันตรา รีสอร์ท ในจังหวัดภูเก็ต ฟาร์มปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน (Hydroponics) ที่ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท (Anantara Riverside Bangkok Resort) และงานอนุรักษ์ทางทะเลอย่างต่อเนื่องของนักชีววิทยาทางทะเลที่ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ (Anantara Kihavah Maldives)
ชวนผู้เข้าพักร่วมปล่อยลูกเต่าคืนสู่ท้องทะเล
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เข้าพัก ณ อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท (Anantara Layan Phuket Resort) และอนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่าส์ (Anantara Mai Khao Phuket Villas) ได้เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยลูกเต่าคืนสู่ท้องทะเล ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ของมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเลหาดไม้ขาว (MKMTF) และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (PMBC) โดยได้มีการปล่อยเต่าตนุจำนวน 50 ตัว ที่มีอายุระหว่าง 12-15 เดือน บนชายหาดลายันและไม้ขาวของภูเก็ต โดยหวังให้เต่าเหล่านี้กลับมาวางไข่ในอีกหลายปีข้างหน้า
วันนี้ทางมูลนิธิฯ ขยายโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่การอนุรักษ์เต่าทะเลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งได้ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานราชการ โดยกิจกรรมของมูลนิธิมีทั้งการทำความสะอาดชายหาดและปะการัง การฝึกอบรมให้ความรู้ โครงการรีไซเคิล การปลูกต้นไม้ การช่วยเหลือและปล่อยเต่าคืนสู่ท้องทะเล และให้การสนับสนุนองค์การอนุรักษ์สัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งผู้เข้าพักในรีสอร์ตสามารถเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้
นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถสนับสนุนโครงการของมูลนิธิฯ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการบริจาคเงินจำนวน 30 บาทต่อคืนระหว่างการเข้าพัก ภายใต้โครงการอนันตราดอลลาร์ฟอร์ดีดส์ (Anantara’s Dollars for Deeds)
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เต่าทะเลจะกลับสู่ชายหาดเพื่อวางไข่ ซึ่งจำนวนของเต่านั้นลดลงอย่างมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และชาวบ้านบริเวณหาดไม้ขาวและลายันได้พยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องเต่าทะเลที่งดงามเหล่านี้ พวกเขานำไข่ไปฟัก ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่ซึ่งลูกเต่าทะเลจะได้รับการปกป้องจากปัจจัยของธรรมชาติและการหาประโยชน์ของมนุษย์ โดยจะทำการดูแลเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอด
สำหรับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเลหาดไม้ขาว ก่อตั้งโดย ไมเนอร์ โฮเต็ลส์ (Minor Hotels) (บริษัทแม่ของเครือโรงแรมอนันตรา) เพื่อช่วยฟื้นฟูจำนวนประชากรเต่าทะเลในประเทศไทย โดยตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปล่อยเต่าคืนสู่ทะเลไปแล้วกว่า 7,000 ตัว
โดยที่จังหวัดภูเก็ตนั้นก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของเต่าตนุ เต่ามะเฟือง เต่ากระ และเต่าหญ้า โดยเฉพาะเต่าหญ้าได้ถูกจัดอยู่ในรายชื่อสิ่งมีชีวิตใกล้หรือเสี่ยงสูญพันธุ์ในบัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://ichiangmaipr.com
