สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) ติดอันดับ ESG 100 ปี 61 เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
นับตั้งแต่ที่สถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือ ที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน หน่วยงาน ESG Rating ได้ Spin-off ออกมาตั้งเป็นบริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด เพื่อให้บริการด้านข้อมูลการประเมินและดัชนีการลงทุนที่ยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ
การจัดอันดับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 รอบนี้ ถือเป็นปีที่สี่ของการประเมินโดยทีม ESG Rating ในสังกัดสถาบันไทยพัฒน์ ด้วยการคัดเลือกจาก 683 บริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 12,648 จุดข้อมูล ตามที่บริษัทเผยแพร่ไว้ต่อสาธารณะ
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธาน สถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “การประเมินในปีนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ได้พิจารณาข้อมูลทั้งการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน โดยใช้เรตติ้งโมเดลที่พัฒนาขึ้นจากหลักการแนวทางตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของ GISR (Global Initiative for Sustainability Ratings) ทำให้หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ตอบโจทย์ทั้งผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน”
ผลการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่เข้าอยู่ใน Universe ของ ESG100 ประจำปี 2561 มีบริษัทจดทะเบียนที่ติดอันดับ จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 8 กลุ่ม ประกอบด้วย
•กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (Agro & Food Industry) 10 บริษัท
•กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) 6 บริษัท
•กลุ่มธุรกิจการเงิน (Financials) 12 บริษัท
•กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) 14 บริษัท
•กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) 10 บริษัท
•กลุ่มทรัพยากร (Resources) 16 บริษัท
•กลุ่มบริการ (Services) 23 บริษัท
•กลุ่มเทคโนโลยี (Technology) 9 บริษัท
สำหรับบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการมากสุด คือ 23 บริษัท รองลงมาเป็นกลุ่มทรัพยากร 16 แห่ง กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 14 แห่ง และมีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด mai เข้าอยู่ใน ESG100 จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ D, ITEL, JUBILE, MOONG, PPS, SPA, SWC, TACC, TPCH, WINNER
ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) รวมกันของหลักทรัพย์ ESG100 มีมูลค่าราว 12.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 69.4 เมื่อเทียบกับมาร์เกตแคปรวมของตลาด (SET+mai) ที่ 17.9 ล้านล้านบาท
พร้อมออกดัชนี ESG รับการลงทุนที่ยั่งยืน กลางปีนี้
ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่าราวกลางปี 2561 นี้ บริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด จะเริ่มให้บริการข้อมูลการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ที่เรียกว่า ESG Report ของบริษัทจดทะเบียนที่มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านรายงานแห่งความยั่งยืน รายงานประจำปี หรือในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ด้วยการวิเคราะห์ ESG Factors ใน 3 มิติ (ได้แก่ Topic-specific, Industry-specific, Company-specific) ที่ให้ภาพครบถ้วนสมบูรณ์กว่าการวิเคราะห์ในแบบทั่วไป (Generic ESG Factors) ซึ่งมิได้สะท้อนปัจจัยในระดับอุตสาหกรรมและปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อตัวกิจการ (ผลประกอบการของแต่ละกิจการจะขึ้นกับ ESG Factors ที่แตกต่างกัน)
นอกจากนี้ บริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด จะมีการเผยแพร่ ESG Index เพื่อใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับเป็นทางเลือกของการลงทุนที่ยั่งยืนในตลาดทุนไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยในต่างประเทศ มีดัชนีประเภทดังกล่าวใช้อ้างอิงอยู่อย่างแพร่หลาย อาทิ S&P Global 1200 ESG Factor Weighted Index, FTSE ESG Indexes, MSCI ESG Leaders Indexes, Russell 1000 ESG Index เป็นต้น
ผู้ลงทุนสนใจข้อมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในกลุ่ม ESG100 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.esgrating.com