ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นมา หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ขวดน้ำดื่มหลายยี่ห้อตามตู้แช่ร้านสะดวกซื้อ ในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำ ไม่มีพลาสติกหุ้มฝาที่เรียกว่าแคปซิล (Cap Seal) และอาจจะคิดไปว่าบริษัทผลิตน้ำดื่มยี่ห้อที่เห็นมีข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตหรือไม่ อย่างนี้แล้วจะทำให้น้ำดื่มสะอาดเหมือนเดิมหรือเปล่า
ที่จริงแล้ว การยกเลิกใช้แคปซิลเป็นหนึ่งในแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ โดยปี 2559-2564 ที่ผ่านมา พบแคปซิลอุดตันตามท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของสัตว์ทะเล ดังนั้น การยกเลิกการผลิตจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทางกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศนำร่องกับ 5 บริษัทน้ำดื่มชั้นนำ เริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ที่ผ่านมานั่นเอง
เหตุผลของการรณรงค์ และขอความร่วมมือจากผู้ผลิตน้ำดื่มก็คือ ต้องการลดปัญหาขยะ ทั้งทางบกและทะเล เพราะไทยผลิตน้ำดื่มขวดพลาสติก กว่า 4,400 ล้านขวดต่อปี และใช้แคปซีล กว่า 2,600 ล้านชิ้น ซึ่งก่อขยะมากกว่า 520 ตัน ในแต่ละปี ปัญหาที่ตามมา คือ คนส่วนใหญ่แกะออกจากขวดแล้วไม่ทิ้งลงถัง ทำให้กลายเป็นขยะเกลื่อนพื้น เกลื่อนถนน ทั้งไปอุดตันท่อระบายน้ำก่อให้เกิดน้ำท่วมขัง และอีกจำนวนไม่น้อยลงไปอยู่ในทะเล ทำให้สัตว์น้ำหลายชนิด เช่น เต่าทะเล ปลา ต้องตายเพราะกินแคปซิลเข้าไป
ปัจจุบัน หลายๆ ประเทศไม่มีการใช้แคปซีลแล้ว เช่น สิงคโปร์ เกาหลี อิตาลี อังกฤษ เป็นต้น เนื่องจากมีข้อมูลการผ่าซากสัตว์ทะเลที่ตาย พบว่ามีสาเหตุจากการกินพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มซึ่งรวมอยู่กับพลาสติกอื่นๆ
สุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า คณะทำงานขับเคลื่อนการเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม (แคปซีล) แบ่งแผนการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกบริษัทผู้ผลิตนำดื่มอย่างน้อย 50% จะเลิกใช้แคปซีล ภายในปี 2561 และระยะถัดไปภายในปี 2562 บริษัทผู้ผลิตนำดื่มทั้งหมดจะเลิกใช้แคปซีล
สำหรับความคืบหน้าการเลิกใช้แคปซีลขวดน้ำดื่ม มีบริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มบริษัทใหญ่ที่ไม่ใช้แคปซีลแล้ว ได้แก่ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด, บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด, บริษัท ซีโน-แปซิฟิก เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด, บริษัท ทีทีซี น้ำดื่มสยาม จำกัด, บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท ทิพย์วารินวัฒนา จำกัด ส่วนบริษัทและองค์กรที่ดำเนินการเลิกใช้แคปซีล ในปี 2560 ได้แก่ บริษัท คาราบาวแดง จำกัด (น้ำดื่มตราคาราบาว) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งในส่วนที่มหาวิทยาลัยผลิตเองและร้านค้าในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
ขณะที่แผนการดำเนินงานต่อไป คพ.จะนำข้อเสนอของภาคเอกชนบางรายที่ขอยืดระยะเวลาการเลิกใช้แคปซีล มากกว่า 1 ปี โดย คพ.จะร่วมกับสถาบันพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สมาคมอาเซียนไวนิล เคาน์ซิล ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาประกอบการกำหนดระยะเวลาการเลิกใช้แคปซีลให้เหมาะสม
ส่วนในเรื่องความสะอาดและปลอดภัยที่ผู้บริโภคอาจจะกังวลนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยัน การใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ไม่ได้เป็นข้อบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท แต่ผู้ผลิตต้องขออนุญาตผลิต รับเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ และแสดงฉลากให้ถูกต้อง โดยน้ำดื่มที่สะอาดต้องเป็นน้ำที่ผ่านมาตรฐาน
และโดยทั่วไปน้ำดื่มบรรจุขวดจะมีวงแหวนเล็กๆ ด้านล่างฝาติดผนึกอยู่กับฝาขวดอยู่แล้ว หากยังไม่เปิดขวดวงแหวนนั้นจะไม่ขาดจากกัน ผู้บริโภคสามารถสังเกตรอยเชื่อมต่อกันเป็นช่วงๆ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าขวดน้ำดื่มยังไม่มีการเปิดก่อนถึงมือผู้บริโภค
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 11 แห่ง รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มรายใหญ่ 5 ราย ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนการเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม หรือแคปซีล มาตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา