xs
xsm
sm
md
lg

SCG ล้างภาพขนส่งตีนผี สร้างระบบ Green Logistics / ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเปิดแนวทางกลยุทธ์ธุรกิจโลจิสติกส์ ล่าสุดได้เห็นความก้าวหน้าของธุรกิจบริหารการจัดส่งให้ลูกค้าทุกขนาดด้วยเครือข่ายการขนส่ง ทั้งรถและเรือทั่วอาเซียน ที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทาง และแอปพลิเคชันติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ 24 ชม.
นิธิ ภัทรโชค
นิธิ ภัทรโชค ผู้บริหารสายงาน เอสซีจี ซิเมนต์ - ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจการกระจายสินค้า เปิดเผยว่า “เอสซีจีโลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัทในเครือสายงานนี้ ที่สั่งสมพัฒนาการมากว่า 12 ปี ยุคนี้ความต้องการของตลาดและผู้บริโภคที่มีการเติบโตสูงขึ้นมาก รวมถึงบทบาททางธุรกิจยังช่วยผลักดันศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจแก่ลูกค้าองค์กรหรือ B2Bในกว่า 8 กลุ่มอุตสาหกรรมทั้งไทยและอาเซียนด้วยบริการขนส่งมาตรฐานสูงที่เน้นความรวดเร็ว แม่นยำและปลอดภัยของเอสซีจี โลจิสติกส์ โดยปี 2560สามารถสร้างรายได้รวมกว่า16,000 ล้านบาท (โตขึ้นราว 7% เทียบจากปี 2559) ซึ่งมียอดการให้บริการกว่า 1.7 ล้านเที่ยว และยอดการส่งสินค้า 3.6 ล้านตัน
กลยุทธ์สำคัญด้านการบริการโลจิสติกส์ สำหรับปี 2561ก็คือ ช่วยส่งมอบความสำเร็จด้วยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจให้แก่ลูกค้าทุกระดับ เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์สู่ระบบการติดตามการขับเคลื่อน (Track & Trace) ที่จะช่วยให้ลูกค้าองค์กรและผู้ประกอบการ SMEs สามารถติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าและวัสดุต่างๆ ได้ตามสถานการณ์ที่เป็นจริงผ่านแอปพลิเคชัน
ขณะที่มีทีมงานมืออาชีพที่ใส่ใจติดตามทุกขั้นตอนของการจัดส่งของรถขนส่งในเครือข่ายทั้ง 7,000 คัน
ตลอด 24 ชั่วโมง ทุก7 วัน ผ่านศูนย์ควบคุมระบบโลจิสติกส์ (Logistic Command Center) โดยระบบอัตโนมัติจะส่งสัญญาณจากรถเข้าศูนย์ควบคุม เมื่อรถมีเหตุ ให้เจ้าหน้าที่สอบถามกับคนขับรถในลักษณะเสี่ยง 5 ประเด็น ได้แก่ 1.ใช้ความเร็วเกินที่กำหนด 2.จอดรถในไหล่ทาง 3.ขับรถในเขตชุมชน 4.ขับต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง 5.ขับต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าสินค้าจะถูกส่งมอบถึงมือผู้รับปลายทางด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย และสามารถดูแลคุณภาพสินค้า รวมถึงลดความเสียหายระหว่างการจัดส่งได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการครบวงจรสำหรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ตั้งแต่การเริ่มต้นออกเอกสาร จองสายเรือ พิธีการศุลกากรบริการด้านการจัดการและจัดส่งสินค้าและคลังสินค้าล้วนเป็นงานด้านโลจิสติกส์ ซึ่งแม้รถและคนขับเป็นของบริษัทที่เข้าเป็นเครือข่ายภายใต้ชื่อ เอสซีจี จึงต้องมีการพัฒนามาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (ผู้มีส่วนได้เสีย) และสิ่งแวดล้อม จึงประกาศเป็น Green Logistic เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เอสซีจี โลจิสติกส์ ใช้วิธีการ
1.ลดการใช้เชื้อเพลิงและลดมลพิษทางอากาศ เช่นใช้พาหนะที่กินน้ำมันน้อย เช่น ใช้รถไฟหรือเรือร่วมกับรถบรรทุกในกระบวนการขนส่ง
2.ลดการวิ่งเที่ยวเปล่า ทั้งการขนสินค้าในเครือและลูกค้านอกเครือ มีการหาลูกค้าเพิ่ม โดยบริหารให้รถบรรทุกได้ขนส่งสินค้าทั้งเที่ยวขาไปและขากลับ เพื่อจะได้ใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการช่วยลดต้นทุนการเดินรถต่อเที่ยวได้ด้วย
3.จัดคิวขนส่งสินค้ารวมเที่ยว โดยรวบรวมสินค้าของลูกค้าหลายๆ รายในพื้นที่ใกล้เคียง แล้วใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ส่งไปยังศูนย์กระจายสินค้า แล้วจัดส่งด้วยรถบรรทุกเล็กไปยังลูกค้าปลายทาง
นี่เป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง คำนึงถึงความปลอดภัย
นอกจากมีระเบียบการบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งให้อยู่ในสภาพการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนาพนักงานขับรถ ก็เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของธุรกิจการขนส่ง
จึงมีการจัดตั้ง “โรงเรียนทักษะพิพัฒน์” ที่สระบุรี มีการพัฒนาหลักสูตรและการอบรมพนักงานขับรถในระดับต่างๆ อย่างเอาจริงเอาจัง พร้อมกับสร้างค่านิยมให้มีความภูมิใจในอาชีพที่ดีว่าเป็น “สุภาพบุรุษนักขับรถ” ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและห่วงใยครอบครัว ล้างภาพเสียที่เคยถูกมองว่าเป็น “ตีนผี”
นอกจากนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังมีการสร้างศูนย์พักรถกระจายตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ เพื่อให้พนักงานขับรถที่ขับรถทางไกลได้พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมขับต่ออย่างปลอดภัย
สำหรับการบริการขนส่งพัสดุด่วนหรือ SCG Express ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอสซีจี และ Yamato Asia Pte. Ltd. หรือแมวดำ ซึ่งครองตลาดญี่ปุ่น 40% ขณะนี้เริ่มเอาบริการมาใช้ในเมืองไทยบ้างแล้วนั้น นิธิเปิดเผยว่า
“ตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อ 3 ม.ค.60 SCG Express มีกระแสตอบรับที่ดี เพราะมาตรฐานการให้บริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว เอาใจใส่ในทุกขั้นตอนการจัดส่ง เป็นรายแรกในตลาดที่มีนวัตกรรมการจัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ Cool TA-Q-BIN บริการขนส่งที่ดูแลคุณภาพสินค้าที่มีมูลค่าสูง และมีการขยายการให้บริการไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทำให้มียอดการใช้บริการทั้งปีเพิ่มสูงขึ้น 4 เท่า เทียบกับตอนเปิดตัวในช่วงต้นปี 2560"
ทั้งนี้ SCG Express ได้ขยายจุดบริการรวมแล้วกว่า 500 สาขา และมีแผนจะขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศในช่วงกลางปีนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ e-commerce รวมทั้งยังเตรียมเพิ่มบริการใหม่สำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น บริการจัดส่งกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์กีฬาที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และบริการ “Farm to table” ขนส่งสินค้าการเกษตรออร์แกนิกจากฟาร์มส่งตรงไปยังผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย ก็ช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสขาย ทำรายได้ได้มากขึ้น

วันนี้ธุรกิจโลจิสติกส์ เอสซีจี มุ่งโซลูชั่นครบวงจร ใส่ใจทุกขั้นตอนการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทาง และแอปพลิเคชันติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ 24 ชม.
ข้อคิด....
จากข้อมูลความเคลื่อนไหวเดินหน้าของสายธุรกิจโลจิสติกส์ หรือบริการการจัดการส่งวัตถุดิบหรือสินค้าเครือ SCG ใส่กระบวนการบริหารจัดการพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคดิจิทัลเข้าไปในระบบการจัดการขนส่งตามแนวทางของค่านิยมองค์กร หรือ “อุดมการณ์ 4” ของเอสซีจี

ตั้งมั่น ในความเป็นธรรม
มุ่งมั่น ในความเป็นเลิศ
เชื่อมั่น ในคุณค่าของคน
ถือมั่น ในความรับผิดชอบต่อสังคม
นี่คือ รากฐานสำคัญของการวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ที่เป็นรากฐานสำคัญของ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
เมื่อระบบและผู้บริหารตั้งแต่คณะกรรมการบริษัท ส่งต่อมาถึงผู้นำฝ่ายจัดการจนถึงผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ ต่างคิด พูดและกระทำ ทัศนคติและพฤติกรรมที่เป็นวัฒนธรรมองค์กรในการมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่มี “ความแตกต่างอย่างโดดเด่น” เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดี (Output) ทั้งยอดขายและกำไร
ขณะเดียวกัน ก็คำนึงถึงการสร้างคุณค่าต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลลัพธ์ (Outcome) ที่เกิดขึ้นก็คือ ความเชื่อถือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า คู่ค้าและชุมชน ทุกกลุ่มก็อยากคบ อยากสนับสนุนร่วมมือด้วย
ยิ่งในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยเอื้อสำคัญที่พลิกโฉมการค้าแบบเดิมไปสู่ E-Commerce และผู้ประกอบการมิติใหม่ (Start-up) เริ่มได้รับโอกาสง่ายขึ้น ระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ก็ยิ่งจำเป็น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้แข็งแกร่งและมีความพร้อมด้านกลยุทธ์
suwatmgr@gmail.com


กำลังโหลดความคิดเห็น