อีกกิจกรรมซีเอสอาร์ที่สอดคล้องกับกิจการ ด้วยการสร้างสุขภาวะทางโภชนาการแก่เยาวชนที่อยู่อาศัยใกล้โรงงานก่อน เป้าหมายของโครงการ “ซีกัลช้อนความสุข” ให้เด็กๆ บริโภคอาหารครบ 5 หมู่ พร้อมมีเครื่องครัวและอุปกรณ์ปรุงอาหารที่ถูกสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์ของไทยสเตนเลสสตีล จึงเข้ามาเติมเต็มได้ไม่ยาก
“เหตุผลแรกที่เลือกโรงเรียนไผ่แถวอนุสรณ์ ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เป็นโรงเรียนนำร่อง เนื่องจากโรงงานของเราตั้งอยู่ที่นี่ เรามองว่าโรงงานก็ควรจะทำอะไรดีๆ ให้กับชุมชนของเราซึ่งได้พึ่งพาอาศัยกันอยู่เสียก่อน ส่วนอีกเหตุผล เป็นการเลือกจากโรงเรียนที่ยังขาดแคลน ทั้งยังเห็นอีกว่าโรงเรียนแห่งนี้มีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา สมควรให้การส่งเสริม และเราไม่ต้องการเข้าไปช่วยเพียงแค่การบริจาคของ หรือแจกทุนแล้วกลับ แต่เราจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาพอสมควร” อรุณ เรืองจรุงพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล และเครื่องครัวนอนสติ๊ก ตรา "ซีกัล” และ “จรวด” กล่าว
ด้วยเป้าหมายของโครงการที่ตั้งไว้ไม่ยากจนเกินกำลัง การสนับสนุนของเราจึงเป็นการเข้าไปสมทบทุนอาหารกลางวันเพื่อให้เด็กๆ ได้กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่หลัก และทางโรงเรียนก็มีเครื่องครัวและอุปกรณ์ที่ถูกสุขอนามัยไว้สำหรับปรุงอาหาร ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อในโรงเรียนอันเนื่องมาจากการใช้อุปกรณ์ในการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ล้าง หรือใช้อุปกรณ์ครัวเตรียมอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
เบื้องหลังกว่าจะเป็นโครงการ “ซีกัลช้อนความสุข” เนื่องจากอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารหลักของคนไทย คือ “ช้อน” แต่ก็อาจส่งต่อเชื้อไวรัสที่พบในน้ำลายหากมีการใช้ร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันเด็กตามโรงเรียนชนบทจำนวนมากยังพบว่ามีช้อนไม่เพียงพอกับจำนวนคน จึงเกิดการใช้ช้อนร่วมกัน ทำให้เสี่ยงต่อโรคติดต่อทางน้ำลาย เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไข้หวัดใหญ่ คางทูม โรคมือเท้าปากที่พบมากในเด็กเล็ก และโรคติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำเป็นสื่อ เช่นไวรัสตับอักเสบ ชนิดเอ
อรุณ บอกว่าก่อนตัดสินใจเลือกโรงเรียนไผ่แถวอนุสรณ์ เป็นโรงเรียนนำร่องในโครงการนี้ก็ให้ทางโรงงานช่วยสรรหาโรงเรียนบริเวณโดยรอบว่ามีโรงเรียนใดที่เข้าตามเกณฑ์ และก็พบว่าที่นี่เหมาะสมแล้ว เราไม่ใช่แค่จัดกิจกรรมให้เด็กสนุกสนานแค่วันเดียว หรือมอบอุปกรณ์แล้วกลับ การที่เราให้ทุนสนับสนุนอาหารกลางวันเป็นการช่วยดูแลอย่างต่อเนื่อง เราทราบว่าที่นี่เขามีงบประมาณจำกัด คิดเป็นเงินก็ 20 บาทต่อคนต่อวันเท่านั้น
“ที่จริงสิ่งที่เราช่วยเหลือเด็กๆ ก็ไม่ได้มากมายนัก คิดว่าหากมีพันธมิตรอื่นๆ มาร่วมด้วยเราก็ยินดีเพื่อจะได้ช่วยเหลือเด็กๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการช่วยเหลือแต่ละโรงเรียนไม่ใช่เป็นการช่วยครั้งเดียว ส่วนการจัดโครงการนี้ในครั้งต่อไป ผมตั้งเป้าไว้ปีละ 3 โรงเรียน ในปีหน้าคงอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ส่วนอีกสองแห่งยังไม่เลือกว่าจังหวัดใด” อรุณ กล่าวทิ้งท้าย