xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลัง สามพราน ริเวอร์ไซด์ คว้ามาตรฐาน ฟู้ดเวสท์ โรงแรมแรกในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สสปน.และ ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมไลท์บลู ยกย่อง สามพราน ริเวอร์ไซค์ เป็นตัวอย่างธุรกิจเอาจริงลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นโรงแรมแรกในประเทศไทยที่สามารถก้าวข้ามความท้าทายและข้อจำกัด จนได้รับรองมาตรฐานการลดของเสียจากการให้บริการอาหาร หรือมาตรฐานฟู้ดเวสท์ (Food Waste Prevention)
เผยเพียง 1 ปี ประหยัดต้นทุนจัดซื้ออาหารราว 2 ล้านบาท ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
รับมอบใบรับรองมาตรฐานจาก สสปน.
อรุษนวราช พาชม และอธิบายขั้นตอน ณ จุดรับผลไม้จากเกษตรกรต้องจดบันทึก
ชั่งน้ำหนักเพื่อจดบันทึก ก่อนนำไปแปรรูปตามจุดต่่างๆ

ความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน คำนึงความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และการมุ่งสู่การเป็นโรงแรมคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง ทำให้สามพราน ริเวอร์ไซด์ ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการลดของเสียจากการให้บริการอาหาร (Food Waste prevention) กับบริษัท LightBlue Environmental Consulting ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สสปน. เพื่อลดปริมาณขยะที่เกิดจากการให้บริการอาหารของโรงแรม และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการจดบันทึกข้อมูลในทุกขั้นตอนของกระบวนการลดปริมาณขยะ
“เราเริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ปี 2559 ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างจิตสำนึก และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนร่วมกันปฏิบัติตามแนวทางของโครงการฯ ซึ่งเป็นการทำทั้งระบบนิเวศน์ และเชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำไว้แล้วก่อนหน้า” อรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ สามพราน ริเวอร์ไซด์ กล่าว

ชี้พนักงานคือหัวใจสู่ความสำเร็จ
1 ปี ประหยัดต้นทุนร่วม 2 ล้านบาท

อรุษ นวราช  เล่าว่า ในช่วง 1 ปีจากการดำเนินโครงการนี้ ปรากฎว่าได้ผลดีเกินคาด พนักงานเกิดความตื่นตัว และเห็นคุณค่าของทรัพยากรอาหาร ส่งผลทำให้ช่วยลดปริมาณการสูญเสียทางอาหารและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนในการซื้ออาหารประมาณ 2 ล้านบาท ขณะเดียวกันสามารถจัดการขยะที่เกิดขึ้นภายในโรงแรมได้หมด 100 % โดยนำไปเพิ่มมูลค่า ด้วยการนำไปเลี้ยงไส้เดือน เลี้ยงหมูเลี้ยงเป็ด ทำปุ๋ยหมักใช้ในแปลงเกษตรอินทรีย์ และใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลให้กับพาหนะของโรงแรม ทำให้ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินท์อีกด้วย
ความท้าทายของ โครงการนี้มีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ และเป็นขั้นเป็นตอนนั้น ทำอย่างไรเราจะสามารถสร้างการมีส่วนร่วมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคลากรทั้งองค์กรได้ จะทำอย่างไรที่จะทำให้หัวหน้าส่วนงานห้องอาหารและเครื่องดื่ม ที่ดูแลการจัดการอาหารของโรงแรมทั้งหมดซื้อไอเดีย เห็นคุณค่า และ มาเป็นมันสมองสำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับองค์กรและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ทำให้โรงแรมสามารถทำเรื่องนี้ได้ในที่สุด คือการที่เรามีนโยบายเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และทำเรื่องนี้อย่างจริงจังมาต่อเนื่องภายใต้โครงการสามพรานโมเดลที่สร้างระบบอาหารปลอดภัยตั้งแต่ ต้นน้ำ มีการดึงพนักงานเข้ามามีส่วนร่วม เมื่อมาถึงงานปลายน้ำ ที่เป็นเรื่องการจัดการขยะ เมื่อทุกคนได้เห็นถึงความเชื่อมโยงของคุณค่าที่จะเกิดขึ้น ก็ทำให้สามารถเริ่มต้นโครงการนี้ได้ แม้ในช่วงแรกจะยุ่งยากมากมายก็ตามแต่ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ
จดบันทึกก่อนเตรียมปรุงทำอาหาร
อรุษ ย้ำว่า เราต้องเริ่มทำเข้าใจถึงความหมายของ “ขยะอาหาร” ว่าหมายถึงอาหารที่ควรจะกินได้ แต่กลายเป็นขยะอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจากการเก็บข้อมูลทำให้เรารู้ว่า ขยะอาหารเหล่านั้นเกิดจาก 4 สาเหตุใหญ่ คือ 1. เศษอาหารเน่าเสียจากการเก็บรักษา เนื่องจากหมดอายุ หรือซื้อมาไว้มากเกินไป 2. เศษอาหาร ที่ต้องทิ้งจากการเตรียมทำอาหาร เช่นการหั่น การเด็ด การตัด พืชผัก ผลไม้ 3. เศษอาหารที่เหลือจากจานลูกค้า เพราะตักปริมาณเยอะไป และกินไม่หมด และ 4. เศษอาหารที่เหลือจากบุฟเฟต์ไลน์ เนื่องจากทำอาหารมากเกินไป โดยที่ปริมาณขยะอาหารในส่วนที่ 3 จากจานลูกค้านั้นมีมากถึง 60% และ ส่วนที่ 4 นั้นก็มากถึง 30 % ซึ่งโดยเฉลี่ยมีขยะอาหารของโรงแรมถูกทิ้งไปมากถึง 140 กิโลกรัมต่อวัน
“ในช่วงแรกมีอุปสรรค์ในการทำงานบ้าง ต้องใช้การสร้างความเข้าใจ ตอกย้ำ และติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการปรับเปลี่ยนการทำงานภายในครัวซึ่งเป็นความเคยชิน จะถูกมองเหมือนเป็นภาระ หรือเป็นงานงอกในช่วงแรก แต่เมื่อพนักงานเข้าใจและใส่ใจในคุณค่า เรื่องการแยกขยะอาหาร ก็กลายเป็นงานประจำปกติที่เขาทำ รวมถึงการสร้างแรงจูงใจที่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากตัวเงิน แต่เป็นการให้เกียรติ การแชร์ข้อมูล และการชื่นชมเมื่อมีความสำเร็จ การสื่อสารคุณค่าที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กร”
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินงานนี้ต่อไป อรุษ กล่าวว่า จะทำการลดปริมาณขยะทั้ง 3 จุดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อสำคัญจะต้องให้มีความต่อเนื่อง และจะเริ่มทำในจุดที่ 3 คือลดปริมาณขยะจากจานลูกค้า ซึ่งยอมรับว่ายากและท้าทาย แต่เราก็จะเริ่มสร้างด้วยการให้ผู้บริโภครับรู้ว่า โรงแรมเข้าร่วมโครงการนี้ และเขาสามารถมีส่วนร่วมช่วยลดได้ซึ่งจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน เช่น มีการทำการ์ดวางตามโต๊ะอาหาร โดยสื่อสารคุณค่าของปริมาณขยะที่ลดลง และสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้มากกว่า 140 คนต่อวัน เป็นต้น

จุดทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ
สามพราน ริเวอร์ไซค์ เป็นต้นแบบขยายผลฟู้ดเวสท์
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า สามพราน ริเวอร์ไซค์ เป็นโรงแรมแรกและโรงแรมเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ เป็นตัวอย่างของภาคธุรกิจที่หันมาสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ซึ่งผลจากการได้มาตรฐานนี้ก็จะช่วยเสริมจุดแข็ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับโรงแรมได้เป็นอย่างดี อันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งสสปน.จะนำความสำเร็จนี้ไปขยายผลต่อ

ด้าน Mr.Benjamin Lephilibert กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมไลท์บลู กล่าวว่า จากความสำเร็จของสามพราน ริเวอร์ไซด์ ที่สามารถปฏิบัติตามแนวทางการจัดการของเสียจากกระบวนการให้บริการอาหาร จนเกิดผลเป็นรูปธรรม ไม่เฉพาะต่อสิ่งแวดล้อม และเห็นตัวเลขต้นทุนที่ปรากฎชัดเจน แต่ยังเกิดผลดีต่อพนักงานในองค์กร มีจิตสำนึก มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนจนเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาคธุรกิจและโรงแรมอื่นๆ มีความมั่นใจในมาตรฐาน และได้รับการยอมรับจากองค์กรสำคัญๆ ของโลกรวมถึงองค์การสหประชาชาติน และมีต้นแบบในการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถลดปริมาณขยะอาหารจากการบริการอาหารได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า โรงแรมใหญ่ๆ หลายแห่งหากสามารถทำตามมาตรฐานนี้ได้ ก็จะช่วยลดต้นทุนได้หลายล้านบาทต่อปี และเงินส่วนนี้ยังสามารถนำไปพัฒนาองค์กรได้อีก
ขณะที่ วลิต สิทธิพันธ์ ผู้จัดการอาหารและเครื่องดื่ม สามพราน ริเวอร์ไซด์ ซึ่งเขานั้นคือกลไกขับเคลื่อนคนสำคัญ บอกว่า “ในตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ เพราะเรามองเหมือนต้องทำงานเพิ่ม อาจจะเสียเวลาเปล่า และไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงการทำงานที่เร่งรีบอยู่แล้วในการทำอาหารให้ลูกค้า แต่นี่ต้องมาจัดการกับขยะอาหารอีก แต่พอค่อยๆ ได้เรียนรู้ มีการจดบันทึก จึงเห็นด้วยตนเองว่า เราสร้างปริมาณขยะอาหารเยอะมากเพียงใด และการริเริ่มแยกขยะ โดยจัดการให้ได้ทุกวัน ทำให้ลดปริมาณขยะได้จริงๆ สำหรับแรงจูงใจของพนักงาน ส่วนใหญ่มองไปที่การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งโรงแรมเราทำมาตลอด และมองถึงประโยชน์ที่จะเกิดต่อองค์กรในระยะยาว”
อนึ่ง สามพราน ริเวอร์ไซค์ ก่อตั้งมาเมื่อปี 2505 และ 7 ปีที่ผ่านมา โรงแรมได้ขับเคลื่อนสามพรานโมเดล ภายใต้มูลนิธิสังคมสุขใจ โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยรับซื้อข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ จากเกษตรกรในเครือข่าย ที่ผลิตในระบบอินทรีย์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70 % ของอาหารที่ปรุงให้กับแขกผู้มาใช้บริการและพนักงาน ซึ่งโครงการฟู้ดเวสท์ ได้เสริมจุดแข็งให้กับสามพรานโมเดล สะท้อนให้เห็นถึงการใช้วัตถุดิบอินทรีย์อย่างคุ้มค่า เพราะการทำเกษตรแบบอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี และมีการซื้อวัตถุดิบตรงจากเกษตรกร ขณะเดียวกันโรงแรมไม่มีเศษอาหารเหลือขายออกไปข้างนอก ทำให้ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในระบบขนส่ง ซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินท์ อีกด้วย
ทั้งนี้ สามพราน ริเวอร์ไซด์ ยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นต้นแบบถ่ายทอดโมเดลการทำ “ฟู้ดเวสท์” ให้โรงแรมอื่นได้มาศึกษาเรียนรู้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของ สสปน. ที่สนับสนุนโรงแรมโลว์คาร์บอนอย่างครบวงจร ให้เป็นจุดขายของการจัดประชุมนิทรรศการในเมืองไทย รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝายขายและการตลาด โทร (034) 322 588 - 93
กำลังโหลดความคิดเห็น