xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวชมวิถีชุมชนครบสูตร สัมผัส “ชีวิตเดินช้า” ที่ลุ่มน้ำตาปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชฟรอนประเทศไทย ชวนไปสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวมิติใหม่ใน 6 ชุมชนต้นแบบของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชูความเรียบง่ายตามวิถีชนบท พร้อมนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นสุราษฎร์ธานีอีกด้านที่นักท่องเที่ยวไม่เคยเห็น
นับเป็นการสนับสนุนแนวคิดการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการรักษาและจัดการทรัพยากรชุมชนโดยเครือข่ายประชารัฐ สร้างสมดุลความสุขให้คนในชุมชนและผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึง “อิ่มตา-อิ่มใจ-อิ่มท้อง-อิ่มบุญ”
พระบรมธาตุไชยา ศูนย์รวมจิตใจชาวสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในตำบลเลม็ด หนึ่งในชุมชนริมอ่าวบ้านดอน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาสักการะโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแล้ว ยังสามารถแวะซื้อของฝากขึ้นชื่อของที่นี่คือ ไข่เค็มไชยาและข้าวหอมไชยา ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วย
ล่องเรือชมวิถีชีวิตและธรรมชาติริมฝั่งคลองเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ของผู้มาเยือนชุมชนบางใบไม้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีต้นจากขึ้นเรียงรายสองฝั่ง แผ่กิ่งก้านโน้มเข้าหากันจนกลายเป็นอุโมงค์ธรรมชาติ เป็นเส้นทางสั้นๆ ที่แสนรื่นรมย์
หทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า “จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจากเกาะและทะเลที่สวยงาม แต่ในความเป็นจริง ที่สุราษฎร์ธานียังมีสิ่งน่าสนใจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกมาก ทั้งศิลปะวัฒนธรรมพื้นถิ่น และวิถีชีวิตที่ผสมผสานระหว่างชุมชนลุ่มน้ำและชายฝั่งทะเล ด้วยเหตุนี้ เชฟรอนจึงร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเริ่มต้นจากชุมชนรอบอ่าวบ้านดอน เพื่อให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วไปมากขึ้น และมีการดูแลจัดการให้เกิดความยั่งยืน”

โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย เชฟรอนประเทศไทย และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และกลุ่มชุมชน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างรอบด้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี รองรับการขยายตัวทางการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และโอกาสในการจ้างงานให้กับสมาชิกชุมชนไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรรมอันดีงามของท้องถิ่น
อีกหนึ่งเสน่ห์ของการมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่โฮมสเตย์ในชุมชนคลองน้อย คือการได้ลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่น ซึ่งจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารใต้ และยังใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่หาได้ในชุมชน
การปลูกมะพร้าวเป็นกิจกรรมลำดับแรกที่ชาวพุมเรียงต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเกาะเสร็จ เกาะสันดอนเล็กๆ กลางอ่าวบ้านดอน ซึ่งเปรียบเสมือนป่าชายเลนกลางทะเล เป็นแหล่งวางไข่อนุบาลสัตว์น้ำมากมาย
ชุมชนต้นแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในโครงการนี้มีจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ชุมชนบางใบไม้ ชุมชนคลองน้อย ชุมชนลีเล็ด ชุมชนพุมเรียง ชุมชนท่าฉาง และชุมชนเลม็ด ทั้งหมดเป็นชุมชนชายฝั่งทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและตอบโจทย์กระแสนิยมด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสวิถีชีวิตที่แท้จริงของท้องถิ่นมากขึ้น โดยแต่ละชุมชนมีจุดเด่นอันเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างในแบบเฉพาะตน เริ่มต้นเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จาก “ดินแดนคลองร้อยสาย” ซึ่งเกิดจากคลองธรรมชาติสาขาแม่น้ำตาปีนับไม่ถ้วน ที่ผู้คนยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม โดยมีชุมชนบางใบไม้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น แม้ความสะดวกของถนนหนทางในปัจจุบันจะทำให้การสัญจรทางเรือลดบทบาทลงไป แต่ที่บ้านบางใบไม้ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตแบบเนิบช้าและรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวและจาก โดยมีศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนสินค้าและพบปะสังสรรค์อยู่ที่ตลาดประชารัฐบางใบไม้
นอกจากนี้ยังมี “อุโมงค์จาก” เส้นทางเดินเรือที่สวยงามแปลกตา ถัดไปคือ ชุมชนคลองน้อย ที่มีโรงเรียนฝึกลิงแบบชาวบ้าน และสินค้าหัตถกรรมจากกะลามะพร้าวและใบจาก ที่นี่ยังมีโฮมสเตย์มาตรฐานสำหรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

ไม่ไกลจากบริเวณคลองร้อยสาย คือป่าชายเลนของชุมชนลีเล็ด ซึ่งมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จนถูกขนานนามว่าเป็น “อเมซอนเมืองไทย” ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเริ่มพบเห็นวิถีประมงพื้นบ้านที่มีการวางอวนจับปลา การทำปากช้อนเพื่อดักกุ้งเคย ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับทำกะปิของดีแห่งบ้านลีเล็ด เมื่อแล่นเรือหางยาวออกสู่ทะเลอ่าวบ้านดอน จะพบกับเกาะเสร็จ เกาะเล็กๆ ที่ชาวชุมชนพุมเรียง ใช้เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ที่นี่มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิ การปลูกป่ามะพร้าว การคราดหาหอยตลับ การสาธิตวิธีการทำประมงชายฝั่ง และปิดท้ายด้วยการชิมเมนูเด็ดประจำถิ่นของชาวมุสลิมแห่งพุมเรียง คือ น้ำพริกปูและไข่หมก
ที่ชุมชนพุมเรียง ยังมีการสาธิตการคราดหาหอยขาวหรือหอยตลับ ซึ่งมีอยู่มากตามหาดทราย รวมทั้งการสาธิตวิธีการทำประมงชายฝั่งโดยการลากอวนคู่ เพื่อจับปลาน้ำตื้น
ชุมชนลีเล็ด เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่คงรูปแบบวิถีประมงพื้นบ้านที่หลากหลายทั้งการวางอวน จับปลา รวมถึงการทำปากช้อน (ลักษณะคล้ายยอ) เพื่อดักกุ้งเคย อันเป็นวัตถุดิบสำหรับทำสุดยอดกะปิของดีแห่งลีเล็ด
ชุมชนท่าฉาง มีชื่อเสียงในการผลิตหอยแครงด้วยวิธีการทำฟาร์มธรรมชาติ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะพักมานอนเล่น ตกปลา กินอาหารซีฟู้ดสดๆ ก่อนกลับยังสามารถแช่น้ำร้อนในบ่อน้ำธรรมชาติ
ถัดจากพุมเรียงยังมีชุมชนชาวประมงอีกแห่งคือ ชุมชนท่าฉาง ซึ่งเป็นฟาร์มหอยแครงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ชุมชนนี้ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวจากการอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการยกเลิกการลากอวนและเปลี่ยนมาเป็นการทำฟาร์มหอยแบบธรรมชาติแทน ทำให้ทรัพยากรในท้องทะเลไม่ถูกทำลาย ภาพของขนำน้อยใหญ่เรียงรายกลางทะเล ซึ่งส่วนหนึ่งได้เปิดเป็นฟาร์มสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวแวะพักมานอนเล่น ตกปลา กินอาหารซีฟู้ดสดๆ อิ่มท้องกันแล้ว ก่อนกลับแวะซื้อของฝากเลื่องชื่อของสุราษฎร์ธานีที่ชุมชนเลม็ด ว่ากันว่าถ้านึกถึงไข่เค็มไชยาและข้าวหอมไชยา ต้องมาที่นี่เท่านั้น เสร็จแล้วเข้าไปสักการะพระบรมธาตุไชยา หรือจะเผื่อเวลามาปฏิบัติธรรมให้อิ่มบุญกันที่สวนโมกขพลารามของท่านพุทธทาสภิกขุ

“อ่าวไทยเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเชฟรอน เพราะฉะนั้นพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีก็คือเพื่อนบ้านของเรา เราจึงทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ได้เข้ามาสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในชุมชนชายฝั่งทะเลอ่าวบ้านดอนจนเกิดผลเป็นที่น่าพอใจ เราเชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชนและภาคส่วนต่างๆ และหวังว่าจากชุมชนต้นแบบกลุ่มเล็กๆ จะสามารถขยายผลไปยังพื้นที่ต่างๆ ในการพัฒนาการท่องเที่ยวในเชิงเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ จนสามารถสร้างรายได้ในครัวเรือน และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น” หทัยรัตน์ กล่าวในที่สุด

โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย ได้ดำเนิน "โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี" มาตั้งแต่ปี 2558 โดยร่วมกับองค์กรพันธมิตรในพื้นที่ 8 หน่วยงานเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน 6 ชุมชนพี่ 4 ชุมชนน้อง อย่างรอบด้าน จากภายใน ได้แก่ การพัฒนาคน การอบรมผู้นำ การบริหารจัดการกลุ่ม การบริหารจัดการเชิงธุรกิจ การพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรชุมชน ซึ่งเป็นฐานรากของการท่องเที่ยวโดยชุมชน สู่ภายนอก การอบรมการสื่อสาร การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เช่น ความรู้ด้านการตลาด การตลาดออนไลน์ การส่งเสริมด้วยสื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ และการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมพัฒนาต่อยอด โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับการขยายตัวทางการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และโอกาสในการจ้างงานให้กับสมาชิกชุมชน ไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรรมอันดีงามของท้องถิ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น