xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟ ต่อยอดหนุนพนักงานปลดหนี้ รู้วิธีบริหารจัดการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พุทธชาติ ไผ่พุทธ รองกรรมการผู้จัดการ  จิตภินันท์ รัตนชัยสุวรรณ  รองกรรมการผู้จัดการ ด้านบริหารงานพนักงานสัมพันธ์  ซีพีเอฟ และ 3 พนักงานตัวอย่างในฟาร์มสุกร ที่เข้าร่วมโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออมของซีพีเอฟ
ซีพีเอฟมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขในการทำงานให้พนักงานและครอบครัว สานต่อโครงการปลดหนี้และส่งเสริมการออมแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบ พร้อมส่งเสริมความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน ขยายโครงการปลดหนี้ฯ ให้ครอบคลุมพนักงานทุกสายธุรกิจและบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์
พุทธชาติ ไผ่พุทธ
พุทธชาติ ไผ่พุทธ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟได้จัดโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม เพื่อช่วยปลดหนี้ให้แก่คนงานและพนักงาน ริเริ่มโดยสายธุรกิจสุกรมาตั้งแต่ปี 2558 โดยในปี 2560 จะเร่งขยายโครงการฯ ให้ครอบคลุมทุกฟาร์มในสายธุรกิจสุกร ซึ่งทำไปแล้ว 43 ฟาร์ม เหลืออีกประมาณ 40 ฟาร์ม และขยายโครงการฯไปยังสายธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์

สำหรับปีนี้ ซีพีเอฟจะสานต่อสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น ถ่ายทอดความรู้เรื่องสุขภาพด้านการเงินให้แก่พนักงาน ติดตามเรื่องการทำบัญชีค่าใช้จ่ายครัวเรือนเพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่าย เก็บข้อมูลเรื่องการออมภายในฟาร์มหลังจากที่ได้รณรงค์ให้พนักงานรู้จักเก็บออม ซึ่งจากการสอบถามบุคลากรภายในฟาร์มตั้งแต่ระดับผู้จัดการฟาร์มลงมา สิ่งที่เราภาคภูมิใจมากจากโครงการนี้ คือ สร้างความสุขในการทำงานให้คนในฟาร์ม รวมทั้งครอบครัวของพนักงานด้วย

“ปัญหาที่ผ่านมาคนในฟาร์มรู้เรื่องการเงินน้อยมาก ใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายไปวันๆ ดังนั้นเมื่อได้รับความรู้เรื่องบริหารการเงิน ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าจะใช้เงินอย่างไร เก็บออมอย่างไร แบ่งเงินอย่างไร ถือว่าเป็นการสร้างอนาคตที่ดี ตัวอย่างจากได้ไปสัมภาษณ์คนงานในฟาร์มบางแห่งที่ยื่นกู้ในโครงการฯ หลังจากที่เราได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องการบริหารการเงินแล้ว เหลือจำนวนคนที่ยื่นกู้ลดลง เพราะคนงานมีความเข้าใจเรื่องการเงินมากขึ้น จึงมีการเก็บเงินบางส่วน จัดสรรเงินโบนัสบางส่วนที่ได้รับไปปลดหนี้ของตัวเอง ” พุทธชาติ กล่าว
จิตภินันท์ รัตนชัยสุวรรณ
จิตภินันท์ รัตนชัยสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านบริหารงานพนักงานสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า หลังจากที่ซีพีเอฟจัดโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม โดยสายธุรกิจสุกรเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันขยายโครงการครอบคลุมสายธุรกิจไก่ ธุรกิจขายเวชภัณฑ์สัตว์บก ธุรกิจอาหารสัตว์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงโครงการสินเชื่อบุคคลสำหรับพนักงานในโครงการพิเศษกับสถาบันการเงิน โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารสายงานด้านบัญชีและการเงินทำหน้าที่ประสานงานกับสถาบันการเงินให้

ทั้งนี้ ซีพีเอฟดำเนินโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม โดยสายธุรกิจสุกรริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 นำร่องใน 12 ฟาร์ม 5 จังหวัดทั่วประเทศ รวมไปถึงการสร้างองค์ความรู้ในการบริหารจัดการเงินแก่พนักงาน ด้วยเล็งเห็นว่าความไม่เข้าใจเรื่องการบริหารการเงิน ปัญหาหนี้สินที่พอกพูน จากภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ สาเหตุทางด้านครอบครัว ลูกเรียนหนังสือสูงขึ้น ซ่อมแซมบ้าน รวมทั้งช่วยเหลือพ่อแม่ เมื่อมีปัญหาการเงินเกิดขึ้นทำให้การดำเนินชีวิตมีแต่ความเครียด ประสิทธิภาพการทำงานลดลง จึงเกิดโครงการดังกล่าวฯขึ้น ซึ่งผลการดำเนินโครงการจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 มีผู้เข้าร่วมโครงการและผ่านการกู้แล้วรวม 274 ราย
ขั้นตอนสำรวจข้อมูล คัดกรองพนักงาน ในโครงการปลดหนี้สร้างสุขแก่พนักงานซีพีเอฟ
พนักงานซีพีเอฟ ขานรับ
โครงการปลดหนี้ สร้างสุขให้ครอบครัว
สิทธิ์ อ่อนน่วม พนักงานขับรถ ฟาร์มคำพราน จ.สระบุรี เคยมีหนี้สินบัตรเครดิต พอมีโครงการเข้ามาก็ดีใจที่มาช่วยเหลือด้านการเงิน ดีขึ้นกว่าก่อนมาก หลังๆ เริ่มมีเงินออม หนี้ตอนนั้นมีหลายหมื่นบาท เพราะกู้มาสร้างบ้านด้วย พอเขามาปลดให้ก็มีเงินออมเงินเก็บ ฟื้นตัวได้ เข้ามาร่วมได้ 2 ปีแล้ว วันนี้หมดหนี้แล้ว ทำให้เรารู้จักใช้ มีบัญชีครัวเรือนจดบันทึกอย่างที่ได้รับคำแนะนำมา

“เรารู้ว่าวันนี้ใช้เงินไปเท่าไร ใช้อะไรไปบ้าง จากที่เมื่อก่อนเราไม่รู้เลย ใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้เงินขนาดไหน ใช้เงินเกินค่าแรงที่เราได้ต่อวัน แต่หลีงจากที่เราทำบัญชีครัวเรือน สามารถรู้ได้ว่าใช้น้อยหรือมาก ถ้าใช้มากก็ลดให้มันน้อยลงให้พอกับรายรับที่ได้ต่อวัน ชีวิตมีความสุขขึ้น แรกๆ ก็ไม่กล้าบอก กลัวเขาจะไม่ให้กู้ เคยอิจฉาเพื่อนร่วมงานหลายคนที่บอกว่ารอเงินอยู่ เลยตัดสินเข้าร่วมโครงการ เมื่อก่อนผมเคยซื้อหวยเดือนละเป็นพัน ตอนนี้ก็ลดลงมาเหลือหลักร้อย เหล้าก็เลิกเลย บุหรี่ก็ลดลงมา”

ธนาชัย ไวพระไฉน และ บัวลี บัวรินทร์ คนงานทั่วไป ฟาร์มฉะเชิงเทรา ที่เข้าร่วมโครงการนี้เช่นเดียวกัน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ก่อนเข้าโครงการ ในแต่ละวันตอนทำงานมักมีความวิตกกังวล รู้สึกได้ว่าไม่ค่อยมีความสุขในการทำงาน”

ธนาชัย เล่าว่า เพราะหนี้บัตรเครดิต ไหนจะค่าผ่อนรถจักรยานยนต์ พอเข้าโครงการนี้ ได้รับความรู้เรื่องการใช้เงิน สอนให้รู้จักออม ซึ่งหลังจากนั้นชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันมีเงินเก็บ รู้จักการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ได้เห็นว่าแต่ละวันควรใช้เงินเท่าไร ผมว่าอีกไม่นานก็ปลดหนี้ได้ ตอนนี้เหลือแค่ส่งธนาคารออมสิน 3 ปี เดือนละ 3,000 กว่าบาท ซึ่งดีกว่าไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตซึ่งเราหมุนไม่ทัน ดอกเบี้ยก็สูง พอเห็นเงินมีเหลือเก็บไว้มากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น ไม่รู้สึกเครียดเหมือนเมื่อก่อน
ทุกวันนี้พอเงินเดือนออกมา ผมรู้แล้วว่ามีรายจ่ายตรงไหน บางสิ่งบางอย่าง ของที่เคยซื้อ อาจจะลดลง เลือกซื้อแต่ที่จำเป็นครับ ผมมีลูก 2 คน อายุ 4 และ 5 ขวบ ตอนนี้ก็เข้าโรงเรียนด้วย อย่างการซื้อรถใหม่ถึงจะชอบก็จะต้องสะสมเงินเก็บไว้ก่อน แล้วคงต้องดูว่าเรามีรายรับมากแค่ไหน มีรายจ่ายแค่ไหน ถ้าเราไม่พร้อมก็ยังไม่ออกรถใหม่ครับ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ลดลงไป ก็มีเรื่องซื้อหวย ดื่มเหล้า และสูบบุหรี่

ขณะที่ บัวลี บัวรินทร์ เล่าว่า เมื่อก่อนทำงานไม่มีเงินเหลือเก็บ ทั้งยังไปกู้เงินนอกระบบ เขาคิดดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน แล้วก็มีหนี้บัตรเครดิต ทำให้ผมหมุนเงินไม่พอจ่าย พอมาโครงการนี้ได้โปะหนี้ ตอนนี้เหลืออีกเพียงปีเดียวก็ปลดหนี้ได้ทั้งหมดครับ เมื่อก่อนชีวิตแต่ละวันไม่มีความสุขเลย ไม่อยากรับโทรศัพท์เลยเพราะกลัวเขาทวงหนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น