“เคเอฟซี” เป็นธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนเจ้าแรกในไทย ที่ตั้งเป้า CSR ด้วยการพัฒนาร้านสร้างใหม่ในปี 2559 ทุกร้านให้เป็นอาคารเขียว โดยเน้นการออกแบบและก่อสร้างด้วยวัสดุช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design)
มร.ซาเมียล์ อัคคาวอล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เคเอฟซี ประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงนโยบาย CSR ปี 2559 ซึ่งใช้เป็นจุดเด่นของร้านทั่วประเทศว่า “เมื่อราว 4-5 ที่แล้ว เคเอฟซีที่อเมริการิเริ่มนำระบบการพัฒนาอาคารเขียว ที่เรียกว่า LEED จาก USGBC (United Stated Green Building Council) เข้ามาใช้สร้างร้านค้า และนำไปพัฒนาต่อให้เหมาะสมกับการก่อสร้างร้านอาหารบริการด่วน ที่เรียกว่า Blueline ขึ้นมาใช้กับร้านเคเอฟซีทั่วโลก”
“สำหรับร้านเคเอฟซีในประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เริ่มนำ LEED เข้ามาใช้กับการก่อสร้างร้านใหม่ตั้งแต่ปี 2557 โดยเลือกนำร่อง 11 สาขา ณ ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ จนได้รับใบรับรอง (LEED Certificate) เรียบร้อยและได้เปิดการขายครบทุกสาขาแล้ว โดยเคเอฟซีเป็นแบรนด์ร้านอาหารรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานนี้”
มาตรฐาน LEED มี 4 ระดับ คือ Certified, Silver, Gold และ Platinum โดยร้านเคเอฟซีที่ได้รับ LEED Certificate ระดับ Gold มี 8 สาขา ได้แก่ เพียวเพลส ราชพฤกษ์, เพชรเกษม เพาเวอร์ เซ็นเตอร์, รามคำแหง, โลตัส พัฒนาการ, เทพารักษ์, ถนนมหิดล (เชียงใหม่), พาซิโอ กาญจนาภิเษก และเดอะมู๊ด นครชัยศรี ส่วนระดับ Certified มี 3 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี กาญจนบุรี, อยุธยา ซิตี้พาร์ค และเดอะ อัพ พระราม 3 ส่วนร้านที่ได้มาตรฐาน Blueline มี 3 สาขา ได้แก่ โลตัส คลองหลวง, อัศวรรณ 2 (หนองคาย), และเดอะวัน บางใหญ่ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอีก 1 สาขา คือ สุวินทวงศ์
เขาอธิบายว่า “ร้านที่ออกแบบและก่อสร้างตามแนวทางของ LEED ส่วนใหญ่เป็นร้านแบบไดร์ฟทรู สแตนด์อะโลน ซึ่งเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดไฟ LED ทั้งไฟส่องสว่างภายในร้านและป้ายร้าน รวมทั้งวัสดุตกแต่ง สี และกาว ที่มีส่วนประกอบสารระเหยต่ำ การใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดน้ำ มีที่แยกทิ้งขยะและเตรียมพื้นที่คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล การใช้กระจก Low-E ช่วยลดความร้อนที่เข้ามาภายในอาคาร การเลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้แผ่นหลังคาที่ลดการสะท้อนของรังสีจากแสงอาทิตย์ เป็นต้น โดยวัสดุที่เลือกใช้ต้องเน้นสิ่งที่หาได้จากภายในท้องถิ่น”
ผลที่ได้จากการพัฒนาร้านเป็นอาคารเขียวดังกล่าว ปรากฏว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคาร 40% (เทียบกับเกณฑ์เฉลี่ยสากลของอาคารประเภทเดียวกัน) ลดการใช้น้ำ 60% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 40% ลดขยะจากการก่อสร้าง 75% ช่วยให้คุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคาร และลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในระหว่างการก่อสร้าง
“เราตั้งเป้าไว้ว่า ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป จะออกแบบและก่อสร้างทุกร้านที่สร้างใหม่ให้เป็นอาคารเขียว โดยมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง Leed Store เมื่อเทียบกับร้านปกติ สูงกว่า 5-10 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง Leed Store แต่ละร้านโดยเฉลี่ย สำหรับร้านที่สร้างภายในศูนย์การค้า/คอมมูนิตี้มอลล์ อยู่ที่มูลค่า 15-16 ล้านบาท และแบบ Drive Thru มูลค่า 35-40 ล้านบาท” เขากล่าว
โดยเคเอฟซีจะทำการก่อสร้างอาคารเขียวให้ครบทุกสาขาทั่วโลก เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในนโยบายเพื่อสังคม ที่มุ่งเน้นให้เป็นร้านอาหารที่ก่อสร้างและตกแต่งแบบประหยัดพลังงาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งนำไปสู่ความยั่งยืนของชุมชนอย่างแท้จริง
อาคารเขียว มาตรฐาน LEED
LEED : ย่อมาจาก Leadership in Energy and Environmental Design เป็นระบบประเมินการออกแบบและก่อสร้างอาคารในแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการประหยัดพลังงานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล ที่เรียกกันว่า “อาคารเขียว” หรือ Green Building มีองค์ประกอบสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ การใช้ประโยชน์จากสถานที่ตั้งอย่างยั่งยืน, ประสิทธิภาพการใช้น้ำ, พลังงานและบรรยากาศ, วัสดุและทรัพยากร, คุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร, นวัตกรรมในการออกแบบ และลำดับความสำคัญของท้องถิ่น