มิตซุย ฟูโดซัง ผนึกอนันดาฯ ชูพัฒนาโครงการแนวรถไฟฟ้า ช่วย “เมืองลดมลพิษ”

กลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง จับมืออนันดาฯ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า ด้วยแนวคิดรักษ์โลก ช่วยลดมลพิษ หวังให้เมืองเติบโตอย่างยั่งยืน
เมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจและจำนวนประชากร หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจจะทำให้เมืองเติบโตอย่างไร้ทิศทาง ที่สำคัญอาจจะสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หรือสร้างมลพิษให้กับเมืองนั้นๆ ด้วย ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองให้ขยายตัวอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
กลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายลงทุนก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมระหว่างเมือง เป็น 222 สถานี ภายในเวลา 5 ปี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 67 สถานี จึงมีแนวคิดว่า น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า เพราะการพักอาศัยตามแนวรถไฟฟ้า นอกจากจะมีความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังพักอาศัยอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากไม่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ ช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ยังทำให้เมืองเดินได้ มีความคึกคัก กระตุ้นให้คนต้องการเดินเท้าหรือขี่จักรยานแทนการใช้รถยนต์มากขึ้น
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ร่วมทุนกับบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง เรสซิเด็นเชียล จำกัด (MFR) ภายใต้ชื่อบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย จำกัด (Ananda MF Asia) เพื่อพัฒนาโครงการอาคารสูงตามแนวรถไฟฟ้า ที่สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มมิตซุยและอนันดา ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งทำเลที่ตั้งและภายในโครงการ


เห็นได้จากการพัฒนาโครงการIdeo MOBI (ไอดีโอ โมบิ) ทั้ง 4 ทำเล มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย Ideo MOBI สุขุมวิท, Ideo MOBI สาทร, Ideo MOBI พญาไท และ Ideo MOBI พระราม 9 ภายใต้เกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ของสถาบันอาคารเขียวไทย ซึ่งโครงการใหม่ที่จะลงทุนร่วมกันอีก 5 โครงการ จำนวนยูนิตรวมกว่า 4,200 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาตามแนวคิดดังกล่าว ตามเป้าหมายอยู่ร่วมกันอย่างรักษ์โลก และช่วยลดการใช้พลังงาน
“นโยบายสำคัญที่ดำเนินการควบคู่ไปกับแผนธุรกิจ คือ ความมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบโครงการ เพื่อคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน เช่น การเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นวัสดุทดแทน ออกแบบโครงการให้มีพื้นที่โล่ง มีสวนสาธารณะเพิ่มพื้นที่สีเขียวทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะเพื่อลดการใช้รถส่วนบุคคล เป็นต้น
เริ่มต้นจากการออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน มีพื้นที่เปิดโล่งเชิงนิเวศมากกว่า 60% ของพื้นฐานอาคาร รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวบนหลังคา และต้นไม้แนวตั้งเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งจะเห็นว่าโครงการได้ปลูกต้นไม้ใหญ่
ภายในโครงการมากกว่า 30 ต้น สร้างร่มเงา และยังช่วยฟอกอากาศและระบายอากาศได้ดี ที่สำคัญยังช่วยนำอากาศที่ดีเข้าสู่ตัวอาคาร ทั้งนี้ คัดสายพันธุ์ต้นไม้ที่ไม่ไปทำลายระบบนิเวศ
ส่วนในขั้นตอนการก่อสร้างมีการบริหารจัดการขยะที่เกิดจากการก่อสร้างก็นำไปจัดการอย่างถูกวิธี ช่วยลดปริมาณขยะ และผลกระทบจากการทิ้งขยะ มีห้องคัดแยกขยะภายในโครงการ สามารถคัดแยกขยะได้สะดวก และนำไป Reuse หรือ Recycle ต่อได้ง่าย

นอกจากนี้ ยังเลือกใช้วัสดุที่มีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิลและผลิตภายในประเทศ เพื่อลดปริมาณการใช้วัสดุตั้งต้น และลดพลังงานจากการขนส่ง เลือกใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดน้ำ ช่วยลดการใช้น้ำในโครงการ เลือกใช้สารเคมีในระบบดับเพลิงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยไม่ใช้ สาร CFC หรือ HCFC ในระบบดับเพลิง
ขณะที่พื้นที่ภายในโครงการซึมน้ำได้ ลดปัญหาน้ำท่วมขังภายในพื้นที่ รวมถึงมีที่จอดรถสำหรับรถที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ เช่น Eco Car, Hybrid Car, EV และที่จอดรถจักรยานภายในโครงการ ช่วยลดการใช้พลังงานจากการขนส่ง ติดตั้งตำแหน่งเครื่องระบายความร้อนของเครื่องปรับอากาศ ห่างจากที่ดินข้างเคียงไม่น้อย กว่า 8 เมตร ไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อสภาพแวดล้อมใกล้เคียง อีกทั้งยังมีความส่องสว่างของพื้นที่ภายในอาคารผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน และเกณฑ์อาคารเขียว