-ชื่อของ “แม็คโคร”ตลอดเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ย้ำให้คู่ค้า ลูกค้า เข้าใจชัดเจน ว่าคือร้านค้าส่งที่ขายสินค้าราคาไม่แพง แถมซื้อได้ครบจบในที่เดียว
-ความสำเร็จที่กว่าจะมาเป็น “มิตรแท้โชห่วย” นั้นเริ่มต้นจากความใส่ใจที่ดีต่อพนักงาน โดยสร้าง “7 ค่านิยมสมเป็นคนแม็คโคร” ขับเคลื่อนไปตามเป้าหมาย
ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่แม็คโครเดินเครื่องธุรกิจนั้นต้องเผชิญการแข่งขันสูงขึ้นของโมเดิร์นเทรดที่มีคู่แข่งใหม่ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้ามาหลายราย แต่แม็คโครที่มีจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์การตลาด (Positioning) ที่มุ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการรายย่อย จึงวางกลยุทธ์ในการสนับสนุนความรู้ และเป็นพี่เลี้ยงเพื่อไปช่วยเสริมธุรกิจของลูกค้าให้ดีขึ้น ทำให้แม็คโครพัฒนาไปสู่การเป็น คู่คิดธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อย สมกับคำกล่าวที่ว่า A Partnership for Your Business
ปลูก 7 ค่านิยมคนแม็คโคร
สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมที่เริ่มจากภายใน คือพนักงานขององค์กรถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาธุรกิจ เพราะเราเชื่อว่าองค์กรจะเติบโตแข็งแกร่งได้นั้นต้องเริ่มจากพนักงานมีความรักในองค์กร ร่วมแรงร่วมใจ และต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จ
แม็คโครจึงมีค่านิยมองค์กรที่ชัดเจน เรียกว่า “7 ค่านิยมสมเป็นคนแม็คโคร” อันประกอบไปด้วย มองการณ์ไกล ใจซื่อสัตย์ ตอบรับสิ่งใหม่ๆ ทำงานเป็นทีม มีความรับผิดชอบ ให้บรรลุถึงเป้าหมาย ทุกอย่างเราทำได้ อันนี้ก็เป็นภายในเป็นการสนับสนุนพฤติกรรมที่ดีอยู่แล้วของพนักงาน สร้างความความภูมิใจ และส่งเสริมพฤติกรรมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเป็นการปลูกฝังให้พนักงานปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน
เธอเล่าถึงแนวทางการปฏิบัติดูแลพนักงานของแม็คโครจำนวนหลายหมื่นคนทั่วประเทศ ว่าภายใต้หลักปรัชญา ครอบครัวเดียวกัน สนับสนุนให้พนักงานทุกระดับอยู่ร่วมกันได้ด้วยความจริงใจ และใส่ใจต่อกันเสมือนคนในครอบครัว และยังตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความก้าวหน้าในการทำงานต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ แม็คโครยังปฏิบัติตัวเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (Good Corporate Citizenship)ในทุกๆ พื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ตลอดจนส่งเสริมไปพนักงานของเรามีจิตสำนึกที่ดีต่อชุมชน เช่น การดำเนินนโยบายเพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนที่สาขาแม็คโครตั้งอยู่ เช่น การชำระภาษีต่างๆ ให้กับท้องถิ่น การจ้างพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่น ช่วยทำให้คนในพื้นที่มีโอกาสได้ทำงานอยู่ในพื้นที่ของเขา
มีการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่โดยการนำสินค้าเกษตรเข้ามาจำหน่ายในสาขา รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพสังคมในอื่นๆ เช่น ให้ความรู้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้านการบริหารจัดการร้านค้าที่ดี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการวางรากฐานสร้างแบรนด์ของแม็คโครให้เข้มแข็งจากภายใน
มองข้างหน้า เคียงข้างโชวห่วยแบบยั่งยืน
การสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคตนั้น สุชาดา กล่าวว่า “จะต้องอยู่เคียงข้างไปกับผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ร้านค้าย่อยหรือโชห่วย ร้านอาหาร โรงแรม ภัตตาคารต่างๆ ในเรื่องนี้แม็คโครยึดมั่นในปรัชญาการเป็น “คู่คิดธุรกิจคุณ” โดยนำมาใช้กับทุกๆ กิจกรรมและโครงการที่ดำเนินอยู่ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ซึ่งการเป็นคู่คิดที่ดีหมายถึงมุ่งสร้างความแข็งแกร่งและความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับคู่ค้าของเราได้อย่างต่อเนื่อง และในที่สุดสิ่งที่เราทำจะเกิดประโยชน์ด้วยกัน”
จากความตั้งใจดังกล่าว แม็คโครจึงได้ริเริ่มโครงการ “มิตรแท้โชห่วย” ขึ้น เพื่อสนับสนุน และให้ความรู้กับโชห่วย ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าแม็คโครไม่ได้เป็นเพียงคนค้าขาย หรือขายของแล้วก็ลืมกันไป ไม่ใช่ต่างคนต่างไป สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างแบรนด์โดยการใช้ลูกค้าเป็นตัวตั้ง หรือที่เรียกว่า Customer Centric
เธอย้ำว่า “ไม่ว่าเราจะทำอะไรทำต้องถามตัวเองก่อนว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์ไหม หากลูกค้าไม่ได้ประโยชน์ก็อย่าทำ”
ประเด็นต่อมาที่แม็คโครเองจะต้องตระหนักถึงความสำคัญอยู่ตลอดเวลาก็คือ การทำในสิ่งที่ถนัด และต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรูปแบบของการค้าขาย ทุกวันนี้แม็คโครมีลักษณะสาขาถึง 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย สาขาค้าส่งดั้งเดิม สาขาเฉพาะโรงแรมร้านอาหารและจัดเลี้ยง และสาขาขนาดเล็กที่เน้นขายสินค้าแช่แข็ง ตามความเหมาะสมของพื้นที่และกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้แม็คโครยังพัฒนาไปสู่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยมีเวปไซท์ Makro Click ให้เป็นอีกช่องทางการจำหน่ายสินค้าและอำนวยความสะดวกสบายกับลูกค้า ตลอดจนการขยายสาขาเพื่อรองรับกับความต้องการที่มีมากขึ้นในอนาคต
นอกจากกลยุทธ์ทางการแข่งขันและพัฒนาธุรกิจแล้ว แม็คโครยัง สนับสนุนเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่าทุกธุรกิจหากจะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวนั้น ต้องใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กันกับการพัฒนาธุรกิจ แม็คโครริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้แก่ การพัฒนาศูนย์จำหน่ายสินค้าสีเขียว, การพัฒนาสินค้ากลุ่ม “Quality Pro”การส่งเสริมนโยบาย 3R, การเผยแพร่การผลิต EM สู่ชุมชน, โครงการปันยิ้ม 1 บิล 1 บาทเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน และกิจกรรมเพื่อสังคมอีกมากมาย
“ถึงตอนนี้แม็คโครไม่ได้เป็นเพียงคนค้าขาย เราไม่ได้ขายสบู่ยาสีฟัน หรือข้าวสารอาหารแห้งอย่างเดียว แต่เราพร้อมที่จะให้บริการที่จะทำให้ธุรกิจของลูกค้าของเราดีขึ้นด้วย” สุชาดา กล่าวในที่สุด
ความสำเร็จของแม็คโครในวันนี้
เมื่อไม่นานนี้ แม็คโครได้รับการยืนยันด้วยรางวัล Thailand’s Top Corporate Brand Rising Star 2014 มีอัตราการเติบโตของมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในหมวดอุตสาหกรรมบริการ ประจำปี 2557
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม็คโคร “สุชาดา อิทธิจารุกุล” ยืนยันว่า เราจะยังมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรให้เป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภคระบบสมาชิก ในราคาขายส่งภายใต้ข้อเสนอทางการค้าที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการ ตลอดจนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนร่วมกันต่อไปทุกภาคส่วนในอนาคต
