ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ ชูเทคโนโลยี (green technology) ช่วยส่งเสริมการประหยัดพลังงานแบบยั่งยืนทั้งโรงงาน ร่วมแผนปฏิบัติการระดับโลก Schneider Energy Action ซึ่งคือนโยบายการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของชไนเดอร์ อิเล็คทริคทั่วโลก ทำให้ปัจจุบันมีโรงงานผลิตและไซต์งานที่ผ่านมาตรฐาน ISO 50001 ด้วยกัน 47 แห่งทั่วโลก
“เนื่องจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนทั่วโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น เป็นสัญญาณชี้ชัดว่าพวกเราจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะจัดการปัญหาเหล่านั้นให้เบาบางลง ในฐานะที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานระดับโลก เราได้ใช้ความรู้และความสามารถ ตลอดจนการวิจัยผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นเพื่อให้องค์กรต่างๆ ในโลกได้ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากขึ้น” เซดริค ดาร์มัว ผู้อำนวยการโรงงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ กล่าว และว่า
แนวทางลดการปล่อยคาร์บอนริเริ่มจากโครงการของเราเอง เพื่อให้เป็นแบบอย่างนำร่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ชื่อ Schneider Energy Action program หรือ แผนปฏิบัติการด้านพลังงานระดับโลก โดยให้องค์กรของเราที่มีอยู่ทั่วโลก มุ่งเน้นลดการใช้พลังงาน ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นของเราเองมาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วโลก มีโรงงานที่ผ่านการรับรอง ISO 50001 47 แห่งทั่วโลก และโรงงานของชไนเดอร์ อิเล็คทริค บางปู เป็นโรงงานแห่งแรกในเอเชียตะวันออก นำร่องในการรับมาตรฐาน ISO 50001
หลังจากที่ได้ติดตั้งโซลูชั่นด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) ตั้งแต่ปี 2549 เราสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 25.6 % ถือว่าประสบความสำเร็จในการประหยัดพลังงานได้ถึงปีละ 236 เมกกะวัตต์ชั่วโมง เทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากถึง 142 ตัน
“ทำให้เราใช้พลังงานลดลง จึงมีกำไรมากขึ้นจากต้นทุนด้านพลังงานที่ลดลง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ส่วนการผ่านมาตรฐานใบรับรอง ISO 50001 เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่เราจะใช้เป็นกรณีศึกษาให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการนำระบบ ISO 50001 ไปใช้งานจริง รวมถึงการนำโซลูชั่นจัดการพลังงานของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาติดตั้งใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางช่วยเหลือองค์กรอื่นๆ ช่วยสังคม และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มีประสิทธิภาพ” เซดริค ดาร์มัว กล่าว
แนะลู่ทาง ผ่านมาตรฐาน ISO 50001
ด้าน ชาติชาย โพธิวร ผู้จัดการฝ่ายสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพ และความปลอดภัย โรงงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ กล่าวถึงโรงงานที่ผ่านการรับรอง ISO 50001 หรือมาตรฐานสากลด้านการจัดการพลังงาน ว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ทางโรงงานต้องมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านพลังงานภายในองค์กรได้อย่างยั่งยืน และต้องดำเนินการด้านการจัดการพลังงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน รวมถึงจะต้องปรับปรุงการใช้ทรัพยากรด้านพลังงานให้คุ้มค่ากับการลงทุน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ต้องมีการการทดสอบ การวัด การจัดทำระบบเอกสารและการรายงานผลการปรับปรุงด้านพลังงานและการจัดการในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกไป นอกจากนี้ จะต้องมีการจัดกิจกรรมสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการพลังงานอีกด้วย
“โรงงานของเรา แม้ตอนนี้จะยังไม่ติดตั้งโซลูชั่นเต็ม 100 % เราเลือกเพียงสิ่งที่จำเป็นก่อน ตามคำแนะนำของทีมโปรเฟสชั่นนอล เซอร์วิส ชองชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ ซึ่งช่วยให้โรงงานประหยัดพลังงานได้ถึง 25.6 % ต่อปี”
ทั้งนี้ มี 4 ขั้นตอนในการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ (Active Energy Efficiency)
1) ตรวจสอบและวัดค่าการใช้พลังงาน (Measure)
2) แก้ไขเรื่องพื้นฐาน (Fix the basic) เช่น ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานน้อย แก้ไขปัจจัยที่ทำให้เกิดการใช้พลังงานสูง
3) ติดตั้งระบบจัดการพลังงานแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยลดพลังงานและค่าใช้จ่าย (Optimize through automation and regulation) เช่น ติดตั้งระบบควบคุมแสง
4) ตรวจสอบและควบคุม (Monitoring & Control) เช่น การติดตั้งตัววัดการใช้พลังงาน และระบบวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพื่อการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างยั่งยืน
“เราได้มีการลงทุนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการจัดการพลังงานต่างๆ ได้แก่ ตัวพาวเวอร์โลจิค มอนิเตอร์ จะช่วยให้เราสามารถมอนิเตอร์การใช้พลังงานแบบเป็นส่วนๆ การแก้ไขเรื่องพื้นฐาน เช่น เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ ให้มีความสัมพันธ์กับขนาดของห้องแต่ละห้องพร้อมอุปกรณ์ควบคุม นอกจากนี้ระบบควบคุมความเย็นภายในโรงงานเราได้เปลี่ยนเป็นแบบใช้ไฮโดรคาร์บอน ตลอดจนอุปกรณ์ควบคุมระบบปั๊มน้ำเพื่อใช้ในสายการผลิต และอุปกรณ์อื่นๆ เช่นหลอดไฟ เราก็เปลี่ยนมาเป็นแบบ T5 ที่ใช้ไฟน้อย แต่ประหยัดมาก โดยอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดต่อเชื่อมกับระบบ StruxureWare ระบบที่ทำให้เราสามารถมอนิเตอร์ และประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถออกแบบกลยุทธ์ หรือกิจกรรมในการลดการใช้พลังงานงานได้แบบยั่งยืน”
อุปกรณ์และโซลูชั่นใหม่ ยันจุดคุ้มทุนที่ยั่งยืนกว่า
อุปกรณ์และโซลูชั่นที่โรงงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ ใช้ดังกล่าว มีระยะเวลาการคืนทุนที่รวดเร็ว หากมีการใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อุปกรณ์ Power Logic monitors เป็นการลงทุน 1.5 ล้านบาท ช่วยประหยัดพลังงานได้ 2 ล้านบาทต่อปี ระยะการคืนทุนอยู่ที่ 9 เดือน อุปกรณ์แอร์คอนดิชั่นและอุปกรณ์ควบคุม ลงทุน 158,500 บาท ช่วยประหยัดค่าไฟได้ 122,600 บาท ต่อปี ระยะเวลาคืนทุน 16 เดือน หรือระบบการทำความเย็นแบบไฮโดรคาร์บอน ลงทุน เพียง 423,500 บาท ประหยัดพลังงานได้ถึง 488,300 บาทต่อปี ระยะเวลาการคืนทุน 10 เดือน ซึ่งเมื่อเทียบดูแล้วถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสำหรับโรงงานๆ หนึ่ง
“จะเห็นได้ว่าโซลูชั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้โรงงาน สามารถเข้าร่วมและผ่านมาตรฐานกับโครงการประหยัดพลังงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งขณะนี้โรงงานของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ ได้รับใบประกาศนียบัตรด้านพลังงาน ได้แก่ ISO 9002 ,ISO 9001, ISO 14001, OSHAS 18001 และล่าสุด ISO 50001:2011 แห่งแรกในภาคพื้นเอเชียตะวันออก โดยเรายังจะเดินหน้าต่อไปเพื่อเป้าหมายการใช้พลังงานที่ลดลงในทุกๆ ปี และในเฟสต่อไปที่จะติดตั้งเทคโนโลยีโซลาร์ เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยจะติดตั้งที่ลานจอดรถ และต่อไฟฟ้าสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงเวลากลางวัน” ชาติชาย กล่าวในที่สุด