เส้นทางของเหล่า Challengers กำลังเปลี่ยนไป Riot Games ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Challengers Path to Champions ที่จะพลิกโฉมการแข่งขันของลีก Challengers ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
เส้นทางใหม่ของทีม Challengers
จากเดิมที่ทีมต้องผ่านรอบ Ascension เพื่อเข้าสู่เวทีระดับนานาชาติ ตอนนี้ Challengers teams จะได้มีโอกาสต่อสู้เพื่อคว้าสิทธิ์เข้าสู่รอบ Stage 2 Playoffs ของลีกระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ Champions
ในปี 2026 แต่ละลีกระดับนานาชาติจะมอบ 4 สิทธิ์ให้กับทีมจาก Challengers และสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การแบ่งสิทธิ์จะเป็นดังนี้:
• ทีมอันดับ 1 จาก Southeast Asia, Japan และ Korea จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วม Stage 2 Playoffs โดยตรง
• ส่วนสิทธิ์สุดท้าย (อันดับ 4) จะตัดสินผ่านรอบ Last Chance Qualifier (LCQ) ระหว่างทีมที่ดีที่สุดจาก South Asia, Oceania และทีมอันดับ 2–3 จาก Southeast Asia
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นที่สุดในโลก Riot Games จึงออกแบบระบบใหม่โดยมุ่งสร้างความสมดุลระหว่างการยกย่องภูมิภาคที่มีผลงานแข็งแกร่ง กับการเปิดโอกาสให้ทีมจากภูมิภาคอื่นได้พิสูจน์ตัวเองบนเวทีใหญ่
นอกจากนี้ ทีม Challengers ที่สามารถทะลุเข้าสู่ Stage 2 Playoffs จะได้รับ เงินสนับสนุนมูลค่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2,500,000 บาท เพื่อช่วยเสริมศักยภาพและสนับสนุนการเตรียมทีมให้พร้อมเต็มที่
ทีม Academy จะยังคงอยู่ในลีก Challengers เช่นเดิม แต่จะ ไม่สามารถผ่านเข้าสู่ Stage 2 Playoffs ได้ และตั้งแต่ปี 2026 ระบบ relegation protection สำหรับทีม Academy จะถูกยกเลิก เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม รายละเอียดของรูปแบบการแข่งขันในแต่ละภูมิภาคจะประกาศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
โฉมใหม่ของ Challengers Southeast Asia สร้างเวทีให้ผู้เล่นท้องถิ่นเปล่งประกาย
ปีหน้าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Challengers Southeast Asia ที่ Riot Games ตั้งใจสร้างเวทีการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้กับทีมและผู้เล่นในภูมิภาคมากขึ้นกว่าเดิม โดยการแข่งขันจะเปลี่ยนไปสู่โมเดล ทัวร์นาเมนต์แบบสอง Split ผสานการแข่งขันในระดับประเทศและรอบ pan-regional เข้าด้วยกัน
เส้นทางการคัดเลือก
การแข่งขันจะเริ่มจากรอบ Open Qualifier ในแต่ละประเทศ โดยทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้าสู่ Local Qualifier Tournament ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของทีม Academy ด้วย ทีมอันดับ 1 และ 2 จากแต่ละ Local Qualifier จะได้สิทธิ์เข้าสู่ Challengers Southeast Asia ซึ่งจะมีทั้งหมด 12 ทีมต่อ Split รูปแบบนี้จะดำเนินซ้ำสำหรับทั้งสอง Split ในปีหน้า
ในปี 2026 จะมีการแข่งขันใน ประเทศไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ จะรวมอยู่ใน รอบคัดเลือกสุดท้าย (Final Qualifier) นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถเข้าสู่ลีกผ่านระบบ Premier โดยทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุด 2 ทีมจากแต่ละ Episode จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วม Challengers SEA ในแต่ละ Split
เป้าหมายของรูปแบบใหม่นี้คือการสร้างระบบการแข่งขันที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และสะท้อนพลังของผู้เล่นในทุกมุมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของทีมและแฟน ๆ เราจะ ยกเลิกข้อจำกัดด้านสิทธิ์การสตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับ Challengers SEA ในปีหน้า และร่วมมือกับพันธมิตรในแต่ละประเทศเพื่อจัด ถ่ายทอดสดในภาษาท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนแฟน VALORANT เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
เจค สิน หัวหน้า VALORANT Esports ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยว่า “เราอยากเห็นทีมจากเอเชียแปซิฟิกมีพื้นที่ให้แสดงศักยภาพบนเวทีโลกมากขึ้น การปรับโครงสร้างครั้งนี้คือการเปิดประตูให้เหล่า Challengers ได้พิสูจน์ตัวเองและสร้างตำนานใหม่ในเวที VALORANT Esports”
เตรียมพบกับการต่อสู้ครั้งใหม่ของเหล่า Challengers ที่จะมาสั่นสะเทือนเวที VCT Pacific Stage 2 Playoffs ในปีหน้ากันได้เลย
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับข่าวสารวงการเกมครับ*


