แนวเกม แอ็คชั่นผจญภัย
แพลตฟอร์ม PS5
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ผลงานภาคต่อสืบสานตำนานนักรบปีศาจ ที่เปลี่ยนมาใช้บริการตัวเอกหญิงสาวคนใหม่ผู้ปล่อยให้ความเคียดแค้นกัดกินใบหน้าจนดูแก่เกินวัย
เรื่องราวในเกม Ghost of Yōtei นั้นจะบอกเล่าเหตุการณ์ 300 ปีให้หลังจากเกมภาคแรก เมื่อครอบครัวอันแสนอบอุ่นของสาวน้อย "อัตสึ" ได้ถูกพวกนอกกฎหมายบุกฆ่าล้างบางยามค่ำคืนโดยพวกมันตั้งใจเสียบเธอไว้ให้ตายคาต้นแปะก๊วยที่กำลังลุกไหม้ แต่ด้วยแรงแค้นและจิตใจที่ฮึดสู้เธอจึงยังมีชีวิตรอดเพื่อรอเวลาที่จะกลับมาทวงบัญชีเลือดกับเหล่าอสูรโยเททั้งหกคนในฐานะ "อนเรียว" หรือวิญญาณสาวจอมอาฆาตผู้มีชีวิตอยู่เพื่อการฆ่าฟัน
เนื่องจากเธอต้องต่อสู้เรียนรู้ด้วยตัวเองตามลำพังมาตลอดตั้งแต่ยังเด็กโดยไม่มีใครฝึกสอนชี้นำ ทักษะการใช้ดาบคาตานะของ "อัตสึ" จึงมิอาจชำนาญเทียบเท่า "จิน ซาไก" ดังนั้นภาคนี้ทีมพัฒนาจึงต้องหาระบบใหม่มาทดแทนระบบตั้งท่าแบบเดิมๆ จนเป็นที่มาของระบบเปลี่ยนอาวุธที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถกดสลับอาวุธไปมาได้หลากหลายในระหว่างสู้รบเพื่อแก้ทางศัตรู เจอข้าศึกถือหอกเราก็ต้องงัดดาบคู่ขึ้นมาสู้ ถ้าเจอศัตรูร่างยักษ์ก็ต้องควักดาบใหญ่ขึ้นมาแทน แน่นอนว่าอาวุธชนิดใหม่ๆแต่ละชิ้นกว่าตัวเอกจะใช้เป็นอย่างช่ำชองคล่องแคล่ว ผู้เล่นอย่างเราก็ต้องยอมเหนื่อยออกเดินทางเสาะหาเหล่าปรมาจารย์ตามสถานที่ลับแลต่างๆเพื่อให้เขาช่วยฝึกสอนถ่ายทอดเคล็ดวิชารวมถึงมอบอาวุธชิ้นนั้นให้กับเรา
เหมือนภาคแรก การจะปลิดชีพศัตรูลงได้นั้นผู้เล่นจำเป็นต้องทลายการ์ดป้องกันของพวกมันให้แตกจนผงะเสียก่อน ยิ่งใช้อาวุธที่ชนะทาง ศัตรูก็จะยิ่งเสียหลักง่ายขึ้น โดยในภาคใหม่นี้นอกจากจะต้องคอยสังเกตอาวุธที่ศัตรูถืออยู่ รวมถึงแสงวูบวาบแจ้งเตือนสีฟ้าเพื่อปัดป้องและสีแดงเพื่อหลบหลีกแล้ว เรายังต้องคอยระแวงท่าโจมตีรูปแบบใหม่ของศัตรูที่แสดงโชว์ด้วยประกายแสงสีเหลืองทอง หากเห็นเมื่อไหร่ให้เรากดปุ่มสามเหลี่ยมค้างรอไว้ได้เลย ถ้าปล่อยปุ่มได้ตรงจังหวะเราจะสามารถปลดอาวุธของศัตรูออกจากมือได้ทันที และในทางกลับถ้าเกิดว่ากดพลาดผิดจังหวะอาวุธในมือเราก็จะลอยละลิ่วร่วงหล่นพื้นต้องเหนื่อยไปตามเก็บ โดยวัตถุทุกชิ้นที่ตกอยู่ตามพื้นไม่ว่าจะดาบ หอก หรือแม้แต่ขวดเหล้าเราสามารถคว้าหยิบมันขึ้นมาใช้เป็นอาวุธขว้างปาใส่ศัตรูได้หมด ถือเป็นระบบใหม่ที่ช่วยยกระดับเกมเพลย์ให้สนุกดูมีกลยุทธ์หลากหลายกว่าการฟาดฟันปกติแบบเดิมๆ
ระหว่างเส้นทางแห่งการล้างแค้น ตัวละครเอกอย่าง อัตสึ เธอจะได้พานพบเหล่ามิตรสหายมากหน้าหลายตาที่ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่ใช่เพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเท่านั้นแต่ยังมี เจ้าหมาป่า สัตว์สี่ขาขนฟูที่มีชีวิตอยู่เพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวแก่เหล่ามนุษย์ใจดำอำมหิตผู้สังหารพวกพ้องของมันตายยกรัง เมื่อสิ่งมีชีวิตจิตอาฆาตสองสายพันธุ์ได้ถูกชะตาชักนำพาให้เจอกัน ความมันส์จึงระเบิดเกิดเป็นภาพการปะทะสู้รบและลอบสังหารแบบทีมเวิร์คถ้อยทีถ้อยอาศัย คนหนึ่งฟัน อีกตัวหนึ่งงับสุดประทับใจ
บรรดาลูกเล่นระบบสั่น Haptic Feedback และแรงต้าน Adaptive Trigger ของจอย DualSense มักถูกเปิดใช้งานยามที่เราง้างธนูหรือเหนี่ยวไกปืนจนเป็นเรื่องปกติของเกมฝั่ง โซนี่ ไปแล้ว แต่ที่เราแอบรู้สึกว้าวมากกว่าในภาคนี้มันคือพวกลูกเล่นแผงสัมผัส Touch Pad กับตัวเซ็นเซอร์ Gyroscope ตรวจจับการเอียงที่ทีมพัฒนาตั้งใจหยิบมาประยุกต์ใช้อย่างพิถีพิถัน ทั้งการวาดรูป เขียนตัวหนังสือ จุดไฟปิ้งเห็ดย่างปลา ดีดสายเครื่องดนตรีซามิเซ็น หรือแม้กระทั่งตอนอัพเกรดอาวุธที่เราต้องยกคอนโทรลเลอร์ขึ้นลงเพื่อจำลองท่าทางการตีเหล็กให้เหมือนชีวิตจริง สิ่งเดียวที่อยากติคงมีแค่เรื่องการควบคุมเท่านั้นที่บังคับให้ผู้เล่นต้องตะบี้ตะบันกดปุ่ม L3 กับ R3 จนพังไปข้าง ทั้งเวลาวิ่งเร็ว ควบม้า ย่อตัวหลบในพุ่มหญ้า หรือชะลอเวลา เรียกว่าถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงไม่เกรงใจหัวอกลูกค้าที่ต้องส่งจอยไปซ่อมกันบ้างเลย
กิจกรรมสอดแทรกอย่างปีนเขาไปคารวะศาลเจ้าเอาเครื่องราง, ฟันไม้ไผ่เพิ่มดวงจิตวิญญาณ, แช่บ่อน้ำร้อนขยายหลอดพลังชีวิต, รับจ้างล่าค่าหัวหารายได้เสริม รวมถึงการตามหาปลอกดาบ-เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ล้วนถูกบรรจุใส่กลับมาให้เราต้องทำมันซ้ำเดิมอีกครั้ง เพียงแต่รอบนี้มันจะมีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยเมื่อเราได้แผนที่คำใบ้มาแล้วจะต้องนำมันไปวางทาบกับแม็พใหญ่เพื่อระบุตำแหน่งพิกัดที่แน่ชัดเสียก่อน คล้ายกับมินิเกมจิ๊กซอว์ต่อภาพให้สอดคล้องกัน
ส่วนพวกเครื่องรางที่แจกบัฟต่างๆบางชิ้นเราอาจต้องเคลียร์เงื่อนไขที่กำหนดเพื่ออัพเกรดเสริมประสิทธิภาพ เช่น ทำให้ศัตรูผงะด้วยอาวุธชิ้นนั้นหรือกำจัดศัตรูด้วยอาวุธของพวกมันเองอะไรแบบนี้ อ้อแล้วก็ยังมีอีกอย่างที่ลืมบอกไป แต้มทักษะที่เอาไว้อัพเกรดสายสกิลทรี ในภาคนี้ทางทีมงานได้เอาไปแขวนผูกติดอยู่กับแท่นบูชาแล้วนะ ต่อให้คุณจะไล่ฆ่าศัตรูไปหลายศพตัวละครก็ไม่มีวันเก่งกาจขึ้นจนกว่าคุณจะไปโค้งคำนับสักการะแท่นบูชาเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งแท่นที่วางให้เห็นแบบเปิดโล่งในค่ายของข้าศึกและแท่นที่ซุกซ่อนอยู่ตามที่ลับๆ หากคิดว่าภาคแรกมีอะไรให้สำรวจเยอะแล้ว บอกเลยว่าภาคสองนี้มันจะหนักกว่าเก่าเป็นเท่าตัว
สิ่งที่ภาคสองทำได้ดีเหนือกว่าภาคแรก ผู้เขียนมองว่ามันคือความอิสระเสรีในการเลือกรับเควสต์และดำเนินเรื่องราว เพราะตัวเราสามารถกำหนดเส้นทางการผจญภัยได้เองว่าจะไปไล่ล่ากำจัดสมาชิกคนใดในกลุ่มอสูรโยเทก่อนหลัง จะขึ้นเหนือไปทางซ้าย ฉีกออกไปทางขวา หรือเล่นสลับไปมาพร้อมกันในคราวเดียวล้วนทำได้ทั้งสิ้น โดยอสูรโยเทแต่ละคนต่างกระจัดกระจายแยกย้ายไปอาศัยอยู่ตามโซนของใครของมันภายในดินแดนเอโซะ ไม่ว่าจะเป็นโซนทุ่งหญ้า ที่ราบ สันเขา หรือริมชายฝั่ง ซึ่งในช่วงต้นเกมนั้นหลายโซนพื้นที่จะถูกพล็อตเรื่องล็อคเอาไว้ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องทนขี่ม้าวิ่งวนสำรวจอยู่ภายในพื้นที่ที่ตัวเกมกำหนดให้ไปก่อน ถึงจะดูจำกัดอิสรภาพไปสักหน่อยแต่ตรงจุดนี้เรากลับมองว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากภายในบ่อฟูมฟักตัวอ่อนแห่งนี้เราสามารถท้าตีท้าต่อยกับใครก็ได้เคลียร์ผ่านได้หมดทุกกิจกรรม ดีกว่าปล่อยให้ผู้เริ่มเล่นใหม่ออกสู่มหาสมุทรอันเวิ้งว้างแล้วต้องคอตกกลับมาเพราะไปเจอศัตรูหรือกิจกรรมที่ตัวละครของเรายังไม่พร้อมรับมือ
บรรยากาศญี่ปุ่นยุคโบราณภาคนี้ยังคงนำเสนอถ่ายทอดออกมาได้ดีงดงามราวกับภาพวาดศิลปะ มองเห็นทัศนียภาพได้ไกลแถมโหลดไวไม่ต้องหยุดรอแม้เสี้ยววินาที และมันจะยิ่งสวยขึ้นไปอีกขั้นหากคุณเปิดเล่นเกมนี้บนเครื่อง เพลย์สเตชัน 5 โปร ที่มีโหมดภาพกราฟิก Ray Tracing Pro มาให้เลือกโดยเฉพาะ ซึ่งจะจำลองการสะท้อนและตกกระทบของแสงเงาให้ออกมาดูสมจริง ในขณะที่เฟรมเรตยังคงลื่นไหลไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย
อาจเป็นประเพณีของค่าย โซนี่ ไปแล้วก็ได้ เมื่อมีแฟรนไชส์ใดแฟรนไชส์หนึ่งประสบความสำเร็จดังเป็นพลุแตก ภาคต่อที่ตามหลังออกมาจำต้องพยายามสอดแทรก DEI และความหลากหลายเข้าไปไม่มากก็น้อย ซึ่งเกม Ghost of Yōtei เองก็หนีไม่พ้นชะตากรรมเหล่านั้นโดยสิ่งที่ชวนให้เรารู้สึกสงสัยตะหงิดใจก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก "อัตสึ" ตัวละครเอกหญิงสาวของเกมที่อายุเพิ่งแค่ 28 ปี แต่รูปร่างใบหน้าของเธอกลับดูแก่ราวกับคนวัยเลขสี่ ตลอดทั้งเกมคุณจะได้สัมผัสอภินิหารพลังหญิงของเธอแบบเต็มคาราเบล ไม่ว่าอุปสรรคยากเย็นขนาดไหนก็สามารถเอาชนะผ่านพ้นไปได้ด้วยความหยิ่ง ความมั่น เพราะว่าชั้นนั้นเป็นตัวเอกยังไงล่ะ! ส่งผลให้พล็อตเรื่องในหลายๆจุดของเกมขาดความสมเหตุสมผล มันทั้งดูเหลือเชื่อ เกินจริง และสุดท้ายก็ไม่อินตาม เอาง่ายๆแค่เรื่องการฝึกใช้ดาบยักษ์โอดาจิที่มีน้ำหนักมากขนาดใหญ่เท่าตัวคน สาวหน้าแก่ผู้นี้กลับใช้เวลาเพียง 1 วันก็สามารถเหวี่ยงฟันใช้งานมันได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงต้องใช้เวลาฝึกฝนกล้ามแขนกันนานหลายปี นี่เธอเล่นฝึกคืนเดียวก็สามารถแซงหน้าเหล่าซามูไรชายฉกรรจ์ได้ทั้งกองพัน แถมการที่ตัวเธอพยายามพร่ำโพนทะนาถึงความพ่ายแพ้ในศึกสงครามเซกิงาฮาระและแรงแค้นที่สุมอยู่ในอก มันก็ไม่ได้ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับต้นตอที่มาของพละกำลังอันผิดธรรมชาติของเธอเลยแม้แต่น้อย
"ถึงจะมีส่วนที่ไม่ค่อยถูกใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า Ghost of Yōtei นั้นมันมีพัฒนาการต่อยอดจาก Ghost of Tsushima ในหลายๆแง่มุมทั้งด้านลูกเล่นที่ดูแปลกใหม่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่า เอาเป็นว่าหากคุณไม่ได้ซีเรียสยึดติดกับเรื่องเพศสภาพหรือใส่ใจในเรื่องความสมจริงทางประวัติศาสตร์ นี่ถือเป็นเกมแอ็คชั่นซามูไรที่เล่นได้สนุกเพลิดเพลินมากเกมหนึ่งเลยทีเดียว"
เกมเพลย์ | 10 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 10 |
เนื้อเรื่อง | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ภาพรวม | 9 |
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*