แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี / โซลไลค์ / โร้กไลต์ / แบทเทิลรอยัล / กาชา
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ตำนานบทใหม่ของเอลเดนริงที่ขอฉีกลองทำอะไรใหม่ๆ ฝืนไปในเส้นทางที่ตนไม่ถนัดแทบไม่รู้จัก หยิบจับอะไรได้ก็คว้าหมับขยำผสมใส่แบบรัวๆ ราวดั่งหญิงสาวใจแตกที่พร้อมคั่วกับผู้ชายแปลกหน้าทั่วทั้งอำเภอ
ต้องบอกก่อนว่า Elden Ring Nightreign มันมิใช่ผลงานการกำกับดูแลของพี่เทพ "ฮิเดทากะ มิยาซากิ" ที่พวกเราคุ้นชินเหมือนเช่นตัวเกมภาคหลัก หากแต่เป็นคุณ "จุนยะ อิชิซากิ" ผู้เป็นลูกมือของมิยาซากิอีกทีหนึ่ง ซึ่งขออาสาหยิบนำผลงานของลูกพี่ใหญ่มาฉีกแนวสานต่อด้วยตนเองโดยมีขอบเขตระยะเวลาการพัฒนาเพียงแค่หนึ่งปีเศษๆ พร้อมกับทุนสร้างและความพยายามทุ่มเทที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดในประวัติศาสตร์ของสตูดิโอ FromSoftware ฉะนั้นแล้วพวกเราทุกคนจงปลดปล่อยสมองให้ว่าง ลบลืมภาพความทรงจำ ละทิ้งอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ แล้วมาเริ่มต้นใหม่กับ***อะไรไม่รู้ไปด้วยกัน
สำหรับเรื่องราวคร่าวๆพอสังเขป ตัวเกมภาคไนท์เรนจะบอกเล่าเหตุการณ์ในดินแดนมัชฌิมาภายหลังบัญญัติทองล่มสลาย เมื่อไร้สิ่งปกปักษ์รักษาความมืดมิดในรูปของเมฆฝนห่าใหญ่จึงแผ่ขยายเข้าปกคลุมและทำลายกัดกร่อนทุกสิ่งอย่าง ท่ามกลางภัยพิบัติที่รุกคืบคลานกลับมีกลุ่มวีรชนผู้ห้าวหาญที่ถูกขนานนามว่า "นักล่ารัตติกาล" (Nightfarers) จับอาวุธลุกขึ้นมาต่อสู้ยืนหยัดขัดขวางความชั่วร้ายนั้น โดยพวกเขาแต่ละคนล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นคือการกำจัดโค่นล้มเหล่าราชารัตติกาลผู้นำพาความมืดย่างกรายเข้ามาสู่ดินแดนแห่งนี้ และจากภาพที่ทุกคนได้เห็นตัวเกมภาคแยกเดี่ยวสแตนด์อโลนนี้มันได้แปลภาษาไทยมาให้พร้อมเสร็จสรรพเหมือนอย่างเกมเอลเดนริงต้นฉบับ
รูปแบบเกมเพลย์จะผสมผสานรวมกันระหว่างเกมแนวโซลไลค์ โร้กไลต์ และแบทเทิลรอยัลอย่างละนิดอย่างละหน่อย กล่าวคือผู้เล่นจะได้โดดร่มลงไปในแม็พแผนที่ขนาดใหญ่ไล่ฆ่าเหล่าศัตรูเพื่อฟาร์มเลเวลตามเก็บอาวุธทรงพลังที่จะสุ่มไม่ซ้ำกันในแต่ละรอบ พยายามทำทุกสิ่งให้ตัวละครแข็งแกร่งขึ้นในระยะเวลาจำกัดเนื่องจากวงเปลวไฟสีน้ำเงินริมขอบรอบนอกจะค่อยๆบีบหดกระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ หากพลาดตายในช่วงเวลากลางวันแล้วเพื่อนมาช่วยชุบไม่ทันตัวละครของเราจะเกิดใหม่ด้วยระดับเลเวลที่ลดลงค่าประสบการณ์หายหมดเสียเวลากลับไปฟาร์มใหม่ ทว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืนยามที่บอสใหญ่ปรากฏกายการตายหมู่แบบยกตี้มันจะนับว่าเป็นจุดจบเกมโอเวอร์ทันทีไม่มีโอกาสเกิดใหม่ได้อีก
การเล่นแต่ละครั้งตัวเกมจะให้เวลาเรามา 3 วัน สองวันแรกจะมุ่งเน้นการฟาร์มแบบเต็มที่ โดยมีจุดแลนด์มาร์คสำคัญๆอย่างโบสถ์ที่เราสามารถเข้าไปเก็บเพิ่มเติมจำนวนครั้งในการใช้น้ำยาฟื้นฟูเลือด มีจุดพรให้เราได้แวะพักเติม พลังและอัปเกรดเลเวล มีดันเจี้ยนให้เราเข้าไปกำจัดศัตรูเก่งๆหาของเทพๆมาสวมใส่ ซึ่งเราต้องบริหารเวลาวางแผนเส้นทางสำรวจกันดีๆเพราะวงเปลวไฟสีน้ำเงินมันบีบไวไม่หยุดรอใครทั้งนั้น เมื่อฟันฝ่าเอาตัวรอดมาได้จนสิ้นสุดวันเราก็จะได้สู้กับบอสประจำวัน หลังจากทำซ้ำแบบนี้ครบสองวัน วันที่สามก็ถึงคราวมุ่งขึ้นสู่บัลลังก์ไปท้าชนกับบอสราชารัตติกาล และไม่ว่าผลสรุปจะออกมาชนะหรือแพ้ ยังไงเราก็จะได้ของรางวัลติดไม้ติดมือกลับมา อย่างแรกคือผลึกสมบัติตกทอดที่สามารถนำไปติดตั้งเสริมประสิทธิภาพแบบถาวรทำให้ตัวละครมีข้อได้เปรียบเล็กๆน้อยๆเมื่อลงเล่นรอบถัดไป กับอีกอย่างคือสกุลเงินเมิร์กเพื่อเอาไว้ช็อปปิ้งซื้อของปลดล็อคสิ่งต่างๆในร้านค้า
เริ่มต้นมาตัวเกมจะมีตัวละคร 6 คลาสให้คุณได้เลือก แน่นอนว่าทั้งอาวุธ สกิลพิเศษ และสไตล์การเล่นจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่าง Wylder ตัวละครคลาสพื้นฐานถือดาบโล่เน้นสมดุลที่เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะสามารถโกงความตายได้หนึ่งหน, Guardian สายแทงค์วิหกที่สามารถพุ่งทะยานขึ้นฟ้าโดดลงมาโจมตีเหยื่อด้านล่าง, Ironeye พลธนูผู้มีความปราดเปรียวว่องไวสามารถชุบเพื่อนจากระยะไกล, Raider นักรบสายบ้าพลังเน้นอาวุธหนักสามารถอัญเชิญแท่งเสาขึ้นมาปกป้องเป็นที่พักพิงได้, Recluse แม่มดพลังเวทย์สายเทคนิคที่แอบเล่นยากกว่าใครๆ และสุดท้าย Executor สายซามูไรนักดาบผู้สามารถกลายร่างเป็นอสูร แถมตั้งท่ายกดาบขึ้นมาตวัดปัดป้องโช้งเช้งได้แบบเกม Sekiro ส่วนตัวละครลับพิเศษที่เหลืออีกสองคลาสนั้นจะทยอยปลดล็อคตามมาภายหลังเมื่อคุณและผองเพื่อนเริ่มสะกดคำว่า "ชนะ" เป็นน่ะนะ
ด้วยความที่ตัวเกมรีไซเคิลหยิบยืมสินทรัพย์ทั้งหมดมาจากเอลเดนริงภาคหลัก งานภาพกราฟิกจึงดูเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่ได้สวยขึ้นและก็ไม่ได้แย่ลงเมื่อเทียบกับเกมเก่าแก่ดั้งเดิมสมัยสามปีที่แล้ว แถมที่สำคัญมันยังคงเป็นเกมที่ไม่ผ่านกระบวนการอัปเกรดเสริมประสิทธิภาพ PS5 Pro Enchanced อยู่เหมือนเดิม จากการทดสอบเปิดรันบนเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 5 โปร โหมดภาพกราฟิกก็ยังคงใส่มาให้เลือกเพียงแค่ 2 ออพชั่น ระหว่างโหมด Quality กับโหมด Performance ไม่แตกต่างอะไรจากตอนเปิดเล่นบนเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 5 รุ่นธรรมดาปกติ เลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าถามเรื่องความยากง่าย เราว่าเกม Nightreign นี้มันยากกว่า Elden Ring ภาคหลักกับภาคเสริมมัดรวมกันเสียอีก ที่ว่ายากนี่เราไม่ได้หมายถึงพวกบอสและศัตรูมันจะโหดเก่งกาจขึ้นนะ เพราะยังไงมันก็เป็นศัตรูหน้าเดิมๆที่พวกเราเคยปราบรู้ทางกันดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ดูเล่นยากเข้าถึงลำบากมันอยู่ตรงที่การดีไซน์ออกแบบระบบเกมเพลย์ เอาง่ายๆแค่เรื่องการแม็พปุ่มก็น่าปวดหัวแล้ว เนื่องจากมันยกปุ่มกดจากภาคหลักมาใช้ทั้งดุ้น L2 R2 L1 R1 ทุกปุ่มล้วนมีหน้าที่ประจำของมันอยู่แล้ว พอจะเพิ่มลูกเล่นใหม่อย่างการใช้สกิลทักษะและศาสตร์ท่าไม้ตายเฉพาะของตัวละครลงไป งานนี้จึงต้องอาศัยพึ่งพาปุ่มสามเหลี่ยมเข้ามาช่วยดูสับสนวุ่นวายไปหมด อีกทั้งระบบการชุบชีวิตเองก็ยังทำมาแปลกๆ เราต้องเข้าไปตีสร้างแดเมจกับศพเพื่อนที่นอนปางตายอยู่กับพื้น ต้องคอยเปลี่ยนสลับเป้าหมายจากศัตรูไปล็อคที่เพื่อน ตีๆหลบๆจนสตามิน่าหมดหลอด แถมแดเมจค่าพลังโจมตีตัวละครบางคลาสก็น้อยต้องขยันตีบ่อยกว่าคลาสอื่นๆเพื่อนถึงจะฟื้น สุดท้ายต้องจำใจเก็บท่าไม้ตายอัลติเมทแรงๆเอาไว้ชุบเพื่อนแทนที่จะไปใช้กับบอส หรือแม้กระทั่งระบบวงไฟที่ขยันบีบไล่หลังจนเราไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้เป็นชิ้นเป็นอัน กำลังตีมอนสเตอร์เมามันส์อยู่ดีๆใกล้ปราบมันได้แล้วกลับต้องเผ่นหนีไปกลางคันเพราะโดนวงบีบ เห็นของดร็อปเทพๆท่ามกลางเปลวไฟห่างออกไปไม่กี่เมตรก็ต้องจำใจสละทิ้ง จะลงสำรวจดันเจี้ยนก็กล้าๆกลัวๆหวั่นโดนวงบีบแล้วหาทางออกกลับขึ้นมาไม่ทัน ถึงแม้ตัวละครของเรานั้นจะมาพร้อมกับพลังอาชาสามารถวิ่งไวระยะไกลๆได้ไม่มีเหนื่อย สามารถกระโดดสองขั้นไต่ผนังปีนหน้าผาสูงชันขึ้นไปได้ หรือตามฉากจะมีแท่นลมเอาไว้ส่งตัวพุ่งทะยานขึ้นสู่ด้านบน มีนกให้เกาะโบยบินพุ่งข้ามแม็พมาให้บริการสักแค่ไหน แต่ด้วยขนาดแผนที่ที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ผนวกกับความไวของวงเปลวไฟสีน้ำเงิน สุดท้ายเราก็ไม่ทันมันอยู่ดี
ระบบเกมเพลย์ต่างๆช่างเข้ากับเพลง "ช่วยชุบกูที" มากๆ
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่ทำเอาหลายคนยอมแพ้ นั่นคือการเล่นที่เอนเอียงไปทางออนไลน์กับเพื่อนสนิทเป็นหลัก ใครซื้อเกมมาเพื่อหวังสุ่มหาเพื่อนเอาดาบหน้านี่บอกเลยว่าโอกาสชนะแทบเป็นศูนย์เพราะจะผ่านได้ต้องอาศัยทีมเวิร์คความเข้าขารู้ใจและเปิดไมค์พูดคุยสื่อสารกัน หนำซ้ำการสุ่มจับคู่ผู้เล่นออนไลน์ในเกมนี้ยังไม่รองรับฟีเจอร์ครอสเพลย์ข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้บางทีใช้เวลาค่อนข้างนานในการหาตี้ให้ครบทีม 3 คนและจะหาคนเก่งที่เป็นงานด้วยยิ่งยากขึ้นไปอีก แถมการจับคู่ผู้เล่นที่อยู่ห่างไกลกันมากๆก็เสี่ยงเกิดปัญหาแลคปัญหาวาร์ปเล่นได้ไม่สนุก แม้ว่าในแพทช์อัปเดตล่าสุดทางทีมผู้พัฒนาจะพยายามปรับแก้ไขเพื่อเอาใจผู้เล่นสายโซโลด้วยการมอบสิทธิ์ฟื้นคืนชีพอัตโนมัติได้ฟรีหนึ่งครั้ง แต่สุดท้ายเมื่อต้องเจอกับกองทัพฝูงมอนสเตอร์ปริมาณเท่ากับตอนเล่น 3 คน จะฟื้นขึ้นมาใหม่สักกี่ครั้งยังไงก็โดนแร้งรุมทึ้งกลับลงไปนอนเหมือนเดิม
"จากป้ายราคาเกม Elden Ring Nightreign ที่ตั้งขายแพงพอๆกับภาคเสริม Shadow of the Erdtree จึงไม่แปลกที่ผู้เล่นจำนวนมากจะคาดหวังถึงคุณภาพในระดับที่สูงส่งใกล้เคียงกัน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับสวนทางเหมือนเกมทดลองตลาดที่ยังขัดเกลาไม่เสร็จ คิดมาไม่รอบคอบถ้วนถี่ดีนัก ระบบต่างๆที่ยัดใส่เข้ามาล้วนไปคนละทิศคนละทางดูขัดแย้งหักล้างกันเอง นี่ถ้าไม่อาศัยชื่อเสียงพึ่งใบบุญเก่าที่เอลเดนริงเคยทำไว้ มันคงได้ติดอยู่ในลิสต์รายชื่อเกมคว่ำประจำปี 2025 อย่างไม่ต้องสงสัย"
เกมเพลย์ | 6 |
กราฟิก | 7 |
เล่นกับเพื่อน | 8 |
เล่นคนเดียว | 4 |
ความคุ้มค่า | 5 |
ภาพรวม | 6 |
ข้อดี: มีตัวละครให้เล่นหลากหลายแต่ละคลาสโดดเด่นชัดเจน, อุดมไปด้วยเหล่าบอสใหญ่บอสรองแวะเวียนกันมาต้อนรับ, เอฟเฟกต์สกิลท่าไม้ตายสุดจัดเวอร์วังอลังการ และถ้ารอบไหนดวงดีทุกอย่างคลิกเข้าทางเรามันจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกทีเดียว
ข้อเสีย: ระบบชุบเพื่อนห่วยแตกที่สุดในบรรดาเกมที่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต, จังหวะสปีดเกมเพลย์ที่ดูร้อนรนเร่งรีบเพราะโดนวงบีบทำให้ฟาร์มสำรวจอะไรได้ไม่เต็มที่, การเล่นในแต่ละรอบเน้นวัดดวงลุ้นของดร็อปมากกว่าฝีมือ, ขาดช่องทางการสื่อสารดีๆในกลุ่มปาร์ตี้, ไม่มีฟีเจอร์ครอสแพลตฟอร์มแบบเกมออนไลน์สมัยใหม่, ปริมาณศัตรูไม่ปรับเปลี่ยนตามจำนวนผู้เล่นกลายเป็นนรกสำหรับสายโซโล, ยิ่งอัพแพทช์แก้ไขตัวเกมยิ่งผุดช่องโหว่ทั้งแลคทั้งบัคใหม่ๆ, อยากเป็นโร้กไลต์แต่ของรางวัลความคืบหน้าไม่ดึงดูดใจมากพอให้อยากเล่นซ้ำ และราคาขายที่ตั้งแพงเกินไปเหมือนเกมออกใหม่ทั้งที่เป็นได้แค่โหมดเสริม
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโค Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*