แนวเกม แอ็คชั่นเอาตัวรอดโอเพ่นเวิลด์
แพลตฟอร์ม PS5
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
***รูปประกอบทั้งหมดถ่ายมาจากเครื่อง PS5 Pro***
หนึ่งในเกมเสียงแตกกระจุยจากยุคสมัยเครื่องเล่น เพลย์สเตชัน 4 ที่หวนรีเทิร์นกลับมาใหม่เพื่อหวังแก้มือลบคำสบประมาทเมื่อ 6 ปีก่อน
Days Gone เกมแอ็คชั่นผจญภัยโอเพ่นเวิลด์ที่บอกเล่าติดตามการเดินทางของ Deacon St. John ไบเกอร์หนุ่มผู้พลัดพรากจากหญิงสาวคนรักในระหว่างเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แล้วต้องพยายามดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อออกตามหาเธอคนนั้นเคียงข้างไปด้วยกันกับเพื่อนซี้ของเขา เรื่องราวการต่อสู้ ความผูกพัน และความหวังอันริบหรี่ในโลกที่ล่มสลายเต็มไปด้วยอสูรกายนับร้อยพันเหล่านั้น มันได้กลับมาเยือนพวกเราอีกครั้งแล้วบน เพลย์สเตชัน 5
สำหรับใครที่ยังไม่เคยสัมผัสตัวเกม Days Gone ต้นฉบับมาก่อน ระบบเกมเพลย์ของมันจะมีความคล้ายคลึงใกล้เคียงกับซีรีส์เกม The Last of Us ในค่ายเดียวกันเป็นอย่างมาก ทั้งการเก็บทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อคราฟต์ยาคราฟต์อุปกรณ์ขึ้นมาใช้งาน รวมถึงเรื่องความดังของเสียงที่สามารถดึงดูดล่อหลอกเหล่าฝูงผีดิบได้เป็นอย่างดี เพียงแต่แอ็คชั่นกันเพลย์ในเกมนี้นั้นจะมีความว่องไวกระฉับกระเฉงมากกว่า จำนวนยูนิตศัตรูก็มีปริมาณเยอะกว่าหลายร้อยเท่า และตัวเลือกกลยุทธ์ในการกำจัดพวกมันก็หลากหลายอิสระกว่ามาก เนื่องจากแนวเกมที่เป็นโอเพ่นเวิลด์นั่นเอง
เนื้อเรื่องของเกมจะถูกถ่ายทอดผ่านชีวิตในแต่ละวันของพระเอกหนุ่มสิงห์นักบิดผู้ต้องขับมอเตอร์ไซค์คันโปรดออกตะลุยท่องโลกกว้างสำรวจสถานที่รกร้างต่างๆเพื่อหาคนหาสิ่งของตามภารกิจที่เขาได้รับมา พอพลบค่ำตะวันตกดินก็ต้องมองหาที่ปลอดภัยซุกหัวนอนรอให้ถึงเช้าวันใหม่ เพราะพวกผีร้าย Freakers จะชอบออกจากรังมาหากินตอนกลางคืน ดังนั้นรูปแบบการเล่นจึงดำเนินวนเวียนอยู่กับการเดินทางกลับไปกลับมาระหว่างฐานที่มั่นกับมิชชั่นเป้าหมายไปเช้าเย็นกลับแบบพนักงานออฟฟิศ ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นที่แอนตี้ไม่ชอบความจำเจของเกมแนวโลกอิสระรู้สึกเหนื่อยหน่ายเอาได้ง่ายๆ
ด้วยความที่ยานพาหนะคู่ใจของตัวเอกคือ มอเตอร์ไซค์ มันจึงเหมาะสมไปด้วยกันได้ดีกับเหล่าฟีเจอร์ลูกเล่นบนคอนโทรลเลอร์ DualSense อย่างระบบสั่น Haptic Feedback ที่มอบฟีลอารมณ์ความสมจริงที่แตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับแบบรู้สึกได้ ทั้งตอนต่อสู้เวลาที่ตัวละครฟาดท่อนไม้ใส่ศัตรู เวลาอยู่ท่ามกลางดงผีแล้วโดนรุมขย้ำ ยามขับรถฝ่าสายฝนกระแทกเฉี่ยวชนอุปสรรคตามรายทาง อีกทั้งยังมีลูกเล่น Adaptive Triggers แรงต้านสู้นิ้วเวลาเหนี่ยวไกปืนหรือบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ ทำให้ประสบการณ์อะไรเดิมๆที่เคยผ่านตา มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หากจำกันได้เกม Days Gone สมัยเครื่องเล่น เพลย์สเตชัน 4 มันถูกจำกัดเฟรมเรตเอาไว้เพียงแค่ 30fps บอกตามตรงมันดูไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่เวลาตัวละครออกแอ็คชั่นยิงฟันเหล่าซอมบี้ แต่มาในเวอร์ชันรีมาสเตอร์ใหม่นี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะมีโหมดกราฟิกแบบ Performance เน้น 60 เฟรมฯนิ่งๆมาให้ได้เลือก ยิ่งถ้าใครมีเครื่องคอนโซลตัวท็อปอย่าง เพลย์สเตชัน 5 โปร มันจะมีโหมดกราฟิกพิเศษเพิ่มเข้ามาให้อีกหนึ่งอันที่ชื่อ Enchanced ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี PSSR มาช่วยอัปสเกลภาพ 1584p ให้คมชัดขึ้นไปแตะระดับน้องๆ 4K ในขณะที่ยังคงรักษาเฟรมเรตเอาไว้ที่ 60fps แน่นอนว่าภาพที่เห็นมันไม่ใช่ 4K แท้ แต่ดูด้วยตาเปล่าคุณจะรู้สึกได้ทันทีว่าภาพมันคมกริบกว่าโหมด Performance ปกติอย่างเห็นได้ชัด
นอกเหนือจากเนื้อหาแคมเปญแล้ว ภายในเกมยังบรรจุโหมด Challenge เอาไว้ทดสอบทักษะฝีมือของผู้เล่นในรูปแบบต่างๆเหมือนอย่างที่เคยเห็นในเกมต้นฉบับ แต่คอนเทนต์พิเศษใส่ไข่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญจริงๆของเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์นี้มันอยู่ตรงที่ Horde Assault โหมดใหม่แกะกล่องที่ให้เราต่อสู้เอาชีวิตรอดในสถานการณ์ต่างๆ ทำภารกิจกำจัดกองทัพฝูงซอมบี้ที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อนเพื่อสะสมแต้มสกอร์ให้ได้มากที่สุด มีการปลดล็อคด่าน ตัวละคร และสกิลอบิลิตี้ใหม่ๆที่ช่วยบูสต์เพิ่มพูนคะแนนของเราให้สูงขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งโหมดที่สนุกเล่นซ้ำฆ่าเวลาไปได้เรื่อยๆเหมาะสำหรับคนที่เล่นเคลียร์สตอรี่จบหมดแล้วน่ะนะ
เหมือนกับเกมรีมาสเตอร์อื่นๆก่อนหน้านี้ ลูกค้าเก่าที่เป็นเจ้าของตัวเกม Days Gone อยู่แล้วจะสามารถเลือกอัปเกรดเป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์ได้ในราคาประหยัดจ่ายเพิ่มเพียง 10 เหรียญเท่านั้น มองยังไงมันก็เป็นราคาที่คุ้มค่าน่าคบหาไม่ได้ขูดรีดผู้เล่นจนเกินไป แถมมันจะยิ่งคุ้มเพิ่มมากขึ้นไปอีกถ้าหากคุณเป็นพวกสายดองเกมที่เล่นทิ้งค้างเอาไว้ยังไม่จบ เพราะการหวนกลับมาสานต่อภารกิจในรอบใหม่นี้คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด จนสามารถเปลี่ยนความคิดแย่ๆและลบภาพจำอันเลวร้ายที่คุณเคยมีต่อเกมๆนี้เมื่อหลายปีก่อนได้เลยทีเดียว
"Days Gone Remastered ถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานเกมรีมาสเตอร์ของ โซนี่ ผ่านเกณฑ์หมดทุกอย่างทั้งเรื่องภาพ เนื้อหาที่เพิ่มเข้ามา ไปจนถึงราคา ฉะนั้นแล้วหากใครเคยรู้สึกไม่ปลื้มไม่ประทับใจในสมัยตอนที่ตัวเกมออกใหม่ๆ นี่จึงถือเป็นโอกาสที่คุณจะได้ลองเปิดใจเล่นมันดูอีกสักตั้ง รับรองเลยว่าครั้งนี้มันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง"
เกมเพลย์ | 7 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
เนื้อเรื่อง | 9 |
ความคุ้มค่า | 8 |
ภาพรวม | 8 |
ข้อดี: เรื่องราวมิตรภาพ ความรัก ความหวังราวกับดูหนังชั้นดี, ภาพสุดคมเฟรมเรตลื่นไหลโดยเฉพาะเมื่อเปิดรันบน PS5 Pro, โหลดวัตถุฉากหลังสิ่งปลูกสร้างต่างๆได้อย่างไวว่อง, ประยุกต์ใช้ลูกเล่น DualSense เต็มที่เสริมความฟินเวลาขี่มอเตอร์ไซค์, ปัญหาบัคข้อผิดพลาดลดน้อยลงมากจากต้นฉบับ, ราคาไม่แพงนักแถมยิ่งคุ้มค่าหากเลือกอัปเกรด และโหมดอาร์เขตใหม่แข่งสะสมสกอร์ที่มีอะไรให้คุณเล่นต่อหลังจบเกม
ข้อเสีย: กราฟิกต่างจากเดิมแค่เรื่องแสงเงากับความคมชัด, กิจวัตรในแต่ละวันของตัวเอกค่อนข้างจำเจไปหน่อย, ศัตรู AI ทั้งผีทั้งคนยังคงฉลาดน้อยเหมือนเก่า และหยิบเอามาขายใหม่ทั้งทีแต่กลับไม่มีภาษาไทย
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*