แนวเกม แอ็คชั่นผจญภัยเอาตัวรอด
แพลตฟอร์ม PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ถึงคราวแล้วที่ชาวพีซีทุกท่านจะได้ผจญภัยต่อสู้เพื่อคิดบัญชีแค้นและปกป้องอนาคตของโลก ซึ่งมีเพียงเหล่า LGBTQ เท่านั้นที่จะอยู่รอด
นี่นับเป็นรอบที่สามแล้วกับการรีวิวตัวเกม The Last of Us Part II ตั้งแต่ต้นฉบับออริจินอลที่วางจำหน่ายครั้งแรกลงบนเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 4 มารอบสองที่ปัดฝุ่นรีมาสเตอร์ใหม่ลงให้กับเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 5 จนกระทั่งมารอบล่าสุดนี้ที่คาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วละ กับการหยิบนำตัวเกมภาครีมาสเตอร์เพิ่มเติมเนื้อหาดังกล่าวมาจับพอร์ตลงสู่เครื่องพีซี ฉะนั้นด้วยความที่เนื้อหาภายในแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราจึงขออนุญาตรีวิวแบบรวบรัดไม่เจาะลึกลงรายละเอียดมาก เพื่อเอาเวลาไปเน้นเรื่องประสิทธิภาพและความโดดเด่นที่แตกต่างออกไปในเวอร์ชันพีซีเป็นสำคัญ
เรื่องราวในภาคสองนี้ดูเหมือนเป็นผลกรรมที่ดำเนินสืบเนื่องต่อจากการกระทำของเราในภาคแรก เมื่อสองตัวละครหลัก "โจเอล" และ "เอลลี่" ได้ย้ายมาอาศัยในเมืองแจ๊คสันอันแน่นหนาและปลอดภัยจากพวกซอมบี้เชื้อรา ทว่ายังไงบาปในอดีตก็ได้ตามมาหลอกหลอนพวกเขาถึงที่ในค่ำคืนอันเหน็บหนาวจากการปรากฏตัวของ "แอ๊บบี้" สาวบึกบึนกล้ามแน่นผู้มีความสัมพันธ์กับหมอคนหนึ่งในโรงพยาบาล จนนำไปสู่ภาพเหตุการณ์สุดช็อคมิอาจให้อภัยได้สำหรับทั้งผู้เล่นและตัวเอลลี่เองที่จำต้องจรลีจากบ้านอันแสนสุขเพื่อมุ่งสู่เส้นทางอำมหิตแห่งการล้างแค้นที่เต็มไปด้วยฉากนองเลือดในสังคมที่ชายจริงหญิงแท้มักชิงตายก่อนเพื่อนเสมอเหมือนจงใจ
เกมเพลย์จะเป็นแนวแอ็คชั่นเซอร์ไววอลมองผ่านหลังตัวละครที่พยายามท้าทายกดดันบีบคั้นผู้เล่นด้วยจำนวนกระสุนและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จะคราฟต์ชุดปฐมพยาบาล ระเบิดเพลิง หรือกับดักอะไรขึ้นมาใช้งานแต่ละที ต้องคิดบริหารให้ดีๆ เช่นเดียวกันการอัปเกรดเสริมประสิทธิภาพอาวุธปืนแต่ละกระบอกที่ถูกแชร์วัสดุร่วมกัน จะเลือกอัปเกรดปืนใดก่อน-หลังล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นเอง ส่วนฟังก์ชัน "เงี่ยหูฟัง" เพื่อระบุตำแหน่งศัตรูทะลุกำแพงยังคงมีบทบาทสำคัญยิ่งยวดต่อการเล่นสไตล์ลอบเร้น โดยภาคนี้นอกจากที่กำบังหลบซ่อนตัวตามซากตึกอาคารแล้ว ในพื้นที่เปิดโล่งกว้างเรายังสามารถกด "หมอบคลานต่ำ" เพื่อเลี่ยงสายตาศัตรูตรงจุดที่มีต้นหญ้าขึ้นสูงๆได้อีกด้วย แต่วิธีดังกล่าวจะไม่ได้ผลกับพวกสุนัขดมกลิ่นที่ทีมพัฒนาใส่เข้ามาเพื่อให้ผู้เล่นขยันเปลี่ยนที่ซ่อนบ่อยๆมิให้เกมมันดูง่ายดายจนเกินไป
สำหรับเนื้อหาคอนเทนต์ในเวอร์ชันพีซีนี้ จะมีทุกอย่างเหมือนกับเวอร์ชันรีมาสเตอร์บน PS5 ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นโหมดเล่นกีตาร์อิสระ, สามด่านลับที่โดนตัดออกจากแคมเปญเพราะยังสร้างไม่เสร็จ Lost Levels รวมถึงโหมดเสริมใหม่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญอย่าง No Return โหมดการเล่นสไตล์โร้กไลค์ที่ให้เราเลือกตัวละครแล้วออกไปตะลุยเผชิญสถานการณ์รูปแบบต่างๆและกำจัดบอสตัวสุดท้ายที่จะสุ่มมาไม่เหมือนกันในแต่ละรอบ สามารถเล่นวนซ้ำไปได้เรื่อยๆเพื่อปลดล็อคอุปสรรคและตัวละครหน้าใหม่ๆที่มีความพิเศษแตกต่างกันไป เรียกได้ว่ามีอะไรให้ทำเยอะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแน่นอน
เนื่องด้วยมันเป็นเกมเก่าที่ออกมาในช่วงท้ายปลายยุค เพลย์สเตชัน 4 คุณภาพกราฟิกและรายละเอียดพื้นผิวจึงดูด้อยกว่าหลายเกมดังในยุคปัจจุบัน ซึ่งคำว่ารีมาสเตอร์นั้นมันก็เป็นแค่การปรับปรุงความละเอียดของภาพให้คมชัด รวมถึงจัดแสงเงาใหม่ให้มันดูดีสมจริงสมจังขึ้นเท่านั้น ถามว่าสวยมั้ย? มันก็สวยแหละแต่ยังไม่ถึงกับที่สุดของแจ้ เท่าที่พอสะดุดตาเราคงเห็นเป็นเรื่องการรองรับอัตราส่วนจอกว้างระดับ Ultrawideมากกว่าที่มอบประสบการณ์เสมือนจริงพาเราถลำดำดิ่งสู่โลกล่มสลายภายในเกมได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แม้ฉากมูวี่คัตซีนดั้งเดิมจะยังคงเป็น 16:9 แต่ตัวเกมก็พยายามเปลี่ยนถ่ายตัดเข้าสู่ฉากเกมเพลย์อัลตร้าไวด์ได้อย่างสมูทลื่นไหล จากฉากมูวี่จอแคบธรรมดามีแถบดำประกบซ้ายขวา มันจะค่อยๆขยายกินพื้นที่แสดงผลออกด้านข้างจนกระทั่งเติมเต็มทั่วทั้งจอ เรียกว่าเป็นการตัดสลับขนาดภาพสองอัตราส่วนที่แตกต่างได้อย่างแนบเนียนเอามากๆจนคุณแทบไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ
สำหรับสเปคเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ในการทดสอบ ต้องขอบคุณทางบริษัท AMD ที่ให้ความอนุเคราะห์อัพเกรดจัดการ์ดจอ AMD Radeon RX 7800 XT 16GB มาให้เราได้ใช้ในการเล่นและรีวิวเกมนี้ โดยที่ตัวซีพียูนั้นยังคงเป็น AMD RYZEN 5 5500, แรม G.SKILL SNIPER-X 16GB BUS3600 และติดตั้งลงบนเมนบอร์ด ASUS TUF GAMING A520M-PLUS
จากการทดสอบรันเกมที่ความละเอียดภาพ 3440x1440p ปรับกราฟิกทุกอย่างเอาไว้ที่ระดับ High พร้อมกับเปิดใช้งานฟีเจอร์ AMD FSR 3.1 ร่วมด้วย ตัวเลขเฟรมเรตจะวิ่งขึ้นลงอยู่ที่ราวๆ 60-70fps ส่วนค่าเฟรมเรตหลังเปิดฟังก์ชัน AI ช่วยแทรกเฟรมอย่าง AMD Fluid Motion Frames 2 นั้นจะพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 130fps กว่าๆ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าบางจังหวะจะรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเล็กๆนั่นเป็นเพราะว่าตัวเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์นี้จัดหนักจัดเต็มในเรื่องแสงเงาตกกระทบบนฉากสภาพแวดล้อม ถ้าอยากเล่นแบบสมูทลื่นไหลจริงๆคงต้องเข้าไปปรับลดพวกลูกเล่นแสงเงาหรือปิดมันไปเลย แต่ก็ต้องทำใจแลกกับคุณภาพกราฟิกที่อาจย้อนกลับไปสู่ยุค PS4 ล่ะนะ
เมื่อดูชื่อสตูดิโอผู้รับผิดชอบพอร์ตเกมนี้ คุณจะเห็นชื่อของ Nixxes Software ทีมพัฒนาเดียวกันที่เคยพอร์ตตัวเกม Marvel's Spiderman 2 ลงเครื่องพีซีไปหมาดๆ กลับมาผงาดโชว์หราให้คุณได้หวาดผวาตุ้มๆต่อมๆกันอีกครั้ง ซึ่งปัญหาที่เราพบเจอมันก็เป็นเรื่องเดิมเลยคือบัคการแสดงผล คุณอาจเห็นตัวละครโผล่แวบไปแวบมาหรือทำอะไรแปลกประหลาดในฉากคัตซีน รวมถึงมีอาการหน่วงกระตุกขัดใจคนเล่นเป็นพักๆ แม้ว่าเราจะพยามยามอัปเดตไดร์เวอร์การ์ดจอให้ล้ำทันสมัยนำหน้าสักเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ The Last of Us Part I เวอร์ชันพีซีที่ออกมาย่ำแย่จนแทบเล่นไม่ได้แล้ว ยังไงตัวเกมพาร์ทสองนี้มันก็มีประสิทธิภาพที่ดีเหนือกว่าเห็นๆ
"ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนที่ถูกบังคับให้รีวิวเกมเดียวกันนี้ซ้ำถึงสามรอบ แน่นอนมันต้องมีอารมณ์เบื่อๆเฉยชาบ้างเป็นธรรมดา แต่สำหรับผู้เล่นชาวพีซีที่ไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ยังไงเราก็ต้องขอเชียร์ตัวเกม The Last of Us Part II Remastered แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะนี่คือเกมเวอร์ชันเดอะเบสต์ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วระหว่างสามแพลตฟอร์ม แม้การพอร์ตมันอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบเพอร์เฟกต์ ทว่าด้วยราคาและคุณภาพเนื้อหาภายในก็เด็ดดวงมากพอให้คุณมองข้ามให้อภัยมันได้"
เกมเพลย์ | 10 |
เนื้อเรื่อง | 6 |
กราฟิก | 9 |
Performance | 7 |
ความคุ้มค่า | 9 |
ภาพรวม | 8.2 |
ข้อดี: งานภาพสวยละเอียดคมชัดกว่าต้นฉบับ, รองรับจออัลตร้าไวด์ขยายกว้างได้เต็มที่ถึง 48:9, เทคนิคตัดสลับฉากคัตซีนจอบีบกับเกมเพลย์จอกว้างที่แนบเนียนตา, แปลภาษาไทยมาให้พร้อมเสร็จสรรพ, ไม่บังคับผูกบัญชี PSN อีกต่อไป, เกมเพลย์เซอร์ไววอลที่สนุกลุ้นระทึกทุกวินาที, โหมดเสริมโนรีเทิร์นชวนติดพันเล่นได้นาน, เนื้อหาคอนเทนต์อัปเดตเท่าทันคอนโซล, ประสิทธิภาพต่างจากภาคแรกราวเหวกับฟ้า และราคาที่ถูกมากจนน่าตกใจแค่พันกว่าๆเท่านั้น
ข้อเสีย: บทที่อวยปกป้องอุ้มชูตัวละคร LGBTQ มากเกินไป, มีปัญหาแสดงผลเหมือนเกมไอ้แมงมุมภาคสอง และถ้าอยากให้ภาพสวยจริงต้องใช้สเปคแรงกว่าที่ตัวเกมแนะนำโดยเฉพาะแรมกับซีพียู
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*