แนวเกม แอ็คชั่นชูตติ้งโอเพ่นเวิลด์
แพลตฟอร์ม PC
เรตเกม ESRB: M เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป
เกมโอเพ่นเวิลด์สิงห์ปืนไวที่ปล่อยให้แฟนคลับชาวพีซีอดทนรอคอยข้ามทศวรรษ แถมพอได้สัมผัสเป็นต้องหลั่งน้ำตาเพราะว่าภายในนั้นมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
Red Dead Redemption ผลงานเกมลำดับที่สองในแฟรนไชส์คาวบอยตะวันตกแดนเถื่อนที่ได้ฤกษ์ออกวางจำหน่ายครั้งแรกย้อนกลับไปไกลในยุคสมัยเครื่องเล่น เพลย์สเตชัน 3 ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาตัวเกมทั้งคลอดผลงานภาคต่อ ทั้งผ่านกระบวนการรีมาสเตอร์ปัดฝุ่นขายใหม่ หรือแม้กระทั่งย้ายมาลงให้กับเครื่องเล่นเกมสเปคต่ำเหมาะสำหรับเด็กอย่าง นินเทนโด สวิตช์ ก็เคยทำมาแล้ว แต่ก็ยังคงไร้วี่แววว่าจะมาลงบนแพลตฟอร์มสตีม จนในที่สุดเหมือนฟ้าเปิดสวรรค์โปรดเมื่อทางค่าย Rockstar Games ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชาวเกมเมอร์ลูกเมียน้อยและจัดส่งเกม Red Dead ภาคที่ทุกคนรอคอยมาให้ได้สัมผัสกันเสียที
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี เหตุการณ์ของเกมภาคนี้จะเป็นเรื่องราวของ "จอห์น มาร์สตัน" (John Marston) อดีตโจรนอกกฎหมายที่ถูกฝ่ายรัฐบาลบังคับให้ทำงานเพื่อแลกกับอิสรภาพของครอบครัว โดยงานที่เขาต้องทำนั่นคือการไล่ล่าติดตามเหล่าเพื่อนสมาชิกแก๊งโจรทั้งหมดมารับโทษทัณฑ์ ซึ่งมันไม่ใช่งานง่ายๆเลยสำหรับอดีตโจรหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา และพ่อหนุ่มหัวใจเสือรายนี้คงได้ไปเฝ้ายมบาลแล้วถ้าหากไม่ได้พันธมิตรหน้าใหม่ระหว่างทางที่คอยให้ความช่วยเหลือรวมถึงแนะนำเคล็ดวิชาการเอาตัวรอด ณ ดินแดนไกลปืนเที่ยงแห่งนี้
ระบบการเล่นจะมีความคล้ายคลึงกับซีรีส์ Grand Theft Auto ที่เป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์โลกเสรีที่ผู้เล่นสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระไร้กำแพงขวางกั้น สามารถเลือกเรียงลำดับการรับเควสต์ก่อน-หลังได้ตามสะดวก ทุกสิ่งอย่างแทบถอดแบบกันมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันเพียงแค่เรื่องเดียวคือช่วงเวลายุคสมัยที่แปรเปลี่ยนจากการขโมยรถยนต์มาขับกลายเป็นการปล้นชิงม้าชาวบ้านมาขี่แทน โดยนอกเหนือจากภารกิจหลักเล่นสั่งสมชื่อเสียงไปตามเนื้อเรื่อง ภายในเกมยังอุดมไปด้วยเหล่าภารกิจรอง มินิเกมสนุกๆมากมาย ไปจนถึงกิจกรรมหลากหลายให้คุณได้ทำฆ่าเวลา เช่นเป็นต้นว่า ล่าค่าหัวอาชญากรในใบประกาศจับเพื่อไปขึ้นเงินรางวัลหรือบางทีอาจเป็นเราที่ถูกไล่ล่าเสียเอง ถ้าหากว่าพลั้งเผลอไปทำอะไรไม่ดีไม่งามเข้าต่อหน้าธารกำนัล
ยามปะทะเปิดศึกดวลปืนต่อสู้กับศัตรู ผู้เล่นสามารถกดปุ่ม RB เพื่อสั่งให้ตัวละครเข้าหลบหลังที่กำบังในบริเวณใกล้เคียงเช่นกำแพงหรือก้อนหินแล้วโผล่หัวขึ้นมายิงสวนกลับไปในจังหวะเหมาะๆได้ แต่ถ้าใครอยากเท่อยากคูลเหมือนสิงห์คะนองนาไม่ชอบหลบๆซ่อนๆก็สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Dead Eye ชะลอเวลาลากเป้าเป่าสมองได้อย่างง่ายดายตามสูตรสำเร็จของซีรีส์ Red Dead
และเมื่อพูดถึงสูตรแล้วในหน้าจอเมนูยังมีตัวเลือก Cheats ให้เราได้ใส่สารพัดสูตรโกงเกมทั้งกระสุนไม่จำกัด เป็นอมตะ ปลดล็อคชุด ปลดล็อคปืน ปลดล็อคพื้นที่ หรือเพิ่มเงินในบัญชีได้โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ เพียงแค่จิ้มกดเปิด/ปิดเท่านั้น แต่ก่อนใส่อย่าลืมว่าการเปิดใช้สูตรโกงนั้นจะทำให้ตัวเกมไม่สามารถออโต้เซฟหรือปลดล็อครางวัลความสำเร็จใดๆได้เลย
ตามรูปประกอบที่ได้เห็นคุณภาพกราฟิกของมันไม่ได้มีการยกระดับอัปเกรดหรือถูกปรุงแต่งใดๆให้ดูต่างไปจากต้นฉบับ ยังคงเป็นเกมเก่าเกมเดิมเหมือนที่ทุกคนเคยเล่นเมื่อปี 2010 ซึ่งจากการไล่ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดถึงคำว่า "รีมาสเตอร์" เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ดี ถึงแม้กราฟิกจะดูโบราณคร่ำครึเก่าแก่ล้าสมัยยังไง ทว่าเมื่อนำมาเปิดรันบนเครื่องพีซีที่มีขุมพลังฮาร์ดแวร์ที่เหนือกว่า อย่างน้อยภาพมันก็คมชัดไม่แตกเบลอบนจอมอนิเตอร์ความละเอียดสูงๆ แถมยังมีอัตราเฟรมเรตที่ลื่นไหลกว่า และยิ่งถ้าหากใครมีจอกว้างแบบ Ultrawide ด้วยละก็ คุณจะได้รับประสบการณ์ตะลุยแดนคาวบอยอันดื่มด่ำดูดวิญญาณอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
สำหรับสเปคเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ในการทดสอบ ต้องขอบคุณทางบริษัท AMD ที่ให้ความอนุเคราะห์อัพเกรดจัดการ์ดจอ AMD Radeon RX 7800 XT 16GB มาให้เราได้ใช้ในการเล่นและรีวิวเกมนี้ โดยที่ตัวซีพียูนั้นยังคงเป็น AMD RYZEN 5 5500, แรม G.SKILL SNIPER-X 16GB BUS3600 และติดตั้งลงบนเมนบอร์ด ASUS TUF GAMING A520M-PLUS
จากการทดสอบรันเกมที่ความละเอียด 3440 x 1440p โดยปรับภาพกราฟิกทุกอย่างสูงสุดระดับ Ultra รวมถึงเปิดใช้งานฟีเจอร์ AMD FSR 3.0 เลือกแบบ Native AA ตัวเลขค่าเฟรมเรตในฉากโอเพ่นเวิลด์จะวิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80fps เรียกว่าเล่นได้ลื่นๆอย่างสบายตา แต่ถ้าหากคุณกดเข้าไปที่หน้าซอฟต์แวร์อะดรีนาลีนแล้วเปิดใช้งานฟีเจอร์ AMD Fluid Motion Frames 2 ให้ AI ช่วยแทรกเฟรมร่วมด้วยอีกแรง ค่าเฟรมเรตที่ได้ก็จะพุ่งทะยานแตะ 160fps++ เลยทีเดียว
เช่นเดียวกับเวอร์ชัน Switch และ PS4 ที่คลอดมาก่อนหน้านี้ Red Dead Redemption บนพีซีมันตัดให้เรามาแค่ประสบการณ์ซิงเกิลเพลย์เยอร์อย่างเดียวเท่านั้น คือพอเล่นเคลียร์โหมดเนื้อเรื่องแคมเปญจบแล้วตามด้วยเนื้อหาเสริม DLC ผีดิบ Undead Nightmare จนครบหมดแล้ว มันก็จะไม่เหลือคอนเทนต์อื่นใดให้เราได้นั่งเล่นต่อ ในเมื่อโหมด Online Multiplayer ต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันที่เคยปรากฏในภาคต้นฉบับได้ถูกทีมงานหั่นออกหายเกลี้ยง กลายสภาพเป็นเพียงเกมเก่าภาพกากๆในคลังไลบรารีที่คอยย้ำเตือนสติเราว่า "คราวต่อไปอย่าได้ใจร้อน ถ้าไม่อยากรู้สึกเสียดายเงินภายหลัง"
"ถึงตรงนี้อาจพูดได้ว่า Red Dead Redemption บนพีซีนั้น มันคือการพอร์ตเกมเก่ามาขายใหม่แบบโต้งๆโดยแทบไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย แต่โชคดีที่ระบบเกมเพลย์อันยอดเยี่ยมมาก่อนกาลเวลาของมันได้พยุงแบกทุกอย่างเอาไว้ กันมิให้สิ่งต่างๆพังทลายลงมาจากความโลภหิวกระหายของค่ายผู้พัฒนา เอาเป็นว่าพยายามมองโลกแง่ดีอย่างน้อยๆ ร็อคสตาร์ เขาก็ไม่ได้หลงลืมทอดทิ้งชาวพีซีเหมือนที่ โซนี่ กำลังทำกับเกม Bloodborne ละนะ"
เกมเพลย์ | 8 |
เนื้อเรื่อง | 8 |
กราฟิก | 6 |
เสียง | 7 |
Performance | 8 |
ความคุ้มค่า | 5 |
ภาพรวม | 7 |
ข้อดี: เกมเพลย์ดวลปืนก้มหลบโผล่ยิงสนุกหลาย, ระบบเดดอายสุดเท่ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำซีรีส์, สัมผัสวิถีชีวิตคาวบอยในแบบที่ไม่มีเกมใดทำถึงเทียบเท่า, เนื้อเรื่องยาวพอประมาณอัดแน่นไปด้วยกิจกรรม, รองรับอัตราส่วนจอกว้างเต็มตาระดับอัลตร้าไวด์, ขนาดไฟล์เล็กกระจิริดติดตั้งไว และใครที่ใช้คอมฯเก่าหรือการ์ดจอตกรุ่นก็ยังเล่นได้สบาย
ข้อเสีย: กราฟิกโบราณสมัยพระเจ้าเหาไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งใดๆ, แผนที่ใหญ่ก็จริงแต่ส่วนมากเป็นฉากโล่งๆดูโหวงเหวง, การเล่นออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ที่ขาดหาย, ติดป้ายราคาขายค่อนข้างแพงควรรอสอยช่วงลดกระหน่ำ และโหมดซอมบี้ที่ไม่ได้ชวนเสพติดอะไรขนาดนั้น
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Rockstar Games
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*