แนวเกม กระตุกขวัญซินีมาติก
แพลตฟอร์ม PS5, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ตำนานเกมเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้พวกเรารู้สึกทึ่งว้าว แต่นั่นมันก็เป็นเพียงภาพจำในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
Until Dawn เกมสยองขวัญขึ้นหิ้งที่ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยหนีตายของกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวคึกคะนองทั้งแปดคนที่นัดกันมาใช้เวลาร่วมกัน ณ กระท่อมห่างไกลใจกลางหุบเขาหิมะอันหนาวเหน็บ โดยไม่รู้สึกเข็ดหลาบกับอุบัติเหตุเมื่อปีกลายที่มีสมาชิกเพื่อนสาวสองคนเคยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเป็นภาระของผู้เล่นอย่างเราที่ต้องคอยบังคับชี้นำสมาชิกแต่ละคนให้รอดพ้นผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้ายมีลมหายใจอยู่จนได้เห็นแสงตะวันยามรุ่งสาง ซึ่งประสบการณ์เอาตัวรอดสุดหลอนแบบภาพยนตร์ซินีมาติกนี้มันหวนกลับมาให้เกมเมอร์ได้สัมผัสกันอีกครั้งแล้วบนเครื่อง เพลย์สเตชัน 5 และ พีซี
จุดขายของเกมคือการเล่นกับแนวคิด Butterfly Effect ที่ทุกตัวเลือกคำตอบและการกระทำของคุณล้วนมีผลลัพธ์ที่ตามมาเสมอ ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ล้วนส่งผลกระทบต่อเรื่องราวหลักทั้งสิ้น แถมในบางสถานการณ์อาจเป็นตัวชี้วัดตัดสินได้ว่าตัวละครไหนใครจะอยู่หรือใครจะตาย อย่างไรก็ตาม ความตายของตัวละครใดตัวละครหนึ่งมันไม่ได้หมายความว่าเกมจะโอเวอร์หรือดำเนินมาถึงจุดจบ เนื่องจากตัวเกมจะยังคงเดินหน้าต่อไปตราบใดที่ยังมีตัวละครผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่ ด้วยเนื้อเรื่องที่พร้อมเปลี่ยนแปลงแตกแขนงออกไปนี้เองจึงทำให้ตัวเกมมีฉากจบมากมายหลายรูปแบบที่คุณสามารถย้อนกลับมาแก้ไขเพื่อดูผลลัพธ์ที่ต่างออกไป
ด้านภาพกราฟิกจัดว่าถูกยกระดับขึ้นมาพอสมควรจากการที่พวกเขาเลือกเปลี่ยนหันมาใช้ Unreal Engine 5 ซึ่งสามารถแสดงผลแสงเงาตกกระทบได้สมจริงสมจังกว่าต้นฉบับ ฉากไหนที่เคยมีสีสันฟุ้งเฟ้อเหมือนอยู่ในแดนเทพนิยายก็ปรับใหม่ให้ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ สีผิวตัวละครจากที่เคยซีดจางเป็นโทนเดียวกันหมดก็เริ่มเห็นความเข้มคล้ำแตกต่างชัดเจนระหว่างตัวละครผิวขาวกับผิวสี ใบหน้าโมเดลตัวละครก็มีการอัปเดตใหม่ให้คล้ายมนุษย์จริงมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตัวละครอย่าง Josh และ Dr.Hill ที่ได้ดารานักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง "รามี มาเลค" และ "ปีเตอร์ สตอร์แมร์" มาถ่ายทอดสีหน้าอารมณ์ให้จนแทบขนลุก สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกกระท่อมที่มีการเพิ่มเติมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ หรือแม้กระทั่งบรรยากาศมู้ดโทนตอนเย็นในช่วงต้นเกมที่ถูกเปลี่ยนใหม่ให้ยังพอมีแสงอาทิตย์สอดส่องลงมามอบความรู้สึกอุ่นใจขัดแย้งสวนทางกับช่วงหัวค่ำกลางเกมที่จะเริ่มมีแต่ความน่ากลัว เรียกว่าถ้าหากนำเกมรีเมคกับเกมออริจินอลเมื่อสิบปีก่อนมาเปิดเปรียบเทียบไปพร้อมๆกันคุณจะเห็นได้ชัดเจนถึงความต่างตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว
ไม่เพียงแค่กราฟิกที่ดูงามตาขึ้นมาเท่านั้น มุมกล้องภายในเกมเองก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ดั่งที่พวกเราเคยสัมผัสกันมาในเกมต้นฉบับส่วนใหญ่จะให้เราบังคับตัวละครเดินสำรวจฉากผ่านมุมกล้องที่ประจำตำแหน่งตายตัว พอมาอยู่ในเวอร์ชันรีเมคทางทีมผู้พัฒนาได้มีการเพิ่มเติม มุมมองบุคคลที่สาม ตามติดแผ่นหลังตัวละครแบบเกม Resident Evil 4 เข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่นในการสอดส่องมองดูสิ่งต่างๆรอบตัวได้อิสระมากขึ้น แถมในหน้าเมนูปรับแต่งภาพคุณยังสามารถเลือกเปลี่ยนอัตราส่วนภาพจาก 16:9 ดั้งเดิมมาเป็น 2.39:1 เพิ่มแถบคาดดำด้านบนด้านล่างบีบแคบให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมภาพยนตร์ได้ ซึ่งถ้าใครนั่งเล่นผ่านจอมอนิเตอร์อัลตร้าไวด์ก็ขอแนะนำให้เลือกช้อยส์นี้ แต่สำหรับคนทั่วไปที่เล่นผ่านจอทีวีปกติการเล่นแบบเต็มจอยังไงก็ให้อรรถรสที่ดื่มด่ำเต็มอิ่มมากกว่า
หากใช้คอนโทรลเลอร์ DualSense ในการเล่น คุณจะได้ฟีลอรรถรสความสมจริงเพิ่มขึ้นมาอีกระดับจากลูกเล่น Haptic Feedback และ Adaptive Trigger ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจอย PS5 โดยทุกครั้งที่เกิดฉากจัมป์สแกร์ตุ้งแช่ชวนตกใจจอยในมือคุณจะสั่นสะดุ้งช่วยบิ๊วอารมณ์เข้าไปอีก ส่วนฟีเจอร์แรงต้านปุ่มไกปืนนั้นจะค่อนข้างส่งผลหนักหน่วงตอนที่เราต้องเลือกตัดสินใจอย่างยากลำบากเพื่อกระทำบางสิ่งที่สำคัญต่อความอยู่รอดชี้เป็นชี้ตาย นอกจากนี้ฟีเจอร์ Motion Sensor ตรวจจับการเคลื่อนไหวก็ยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน อย่างบางสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังแอบหลบซ่อนตัว มือเราที่ถือจอยก็ต้องห้ามขยับเขยื้อนใดๆแม้แต่ลมหายใจก็ต้องทนฝืนกลั้นมันเอาไว้
ธรรมชาติจุดบอดของเกมแนวภาพยนตร์ซินีมาติก นั่นคือความสนุกน่าตื่นเต้นชวนลุ้นระทึกจะเกิดขึ้นเพียงแค่รอบแรกรอบเดียวเท่านั้น หลังเคลียร์จบแล้วคุณจะไม่รู้สึกอยากหวนกลับไปเล่นมันซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะเสน่ห์หัวใจหลักมันอยู่ที่เรื่องราว มิใช่ระบบเกมเพลย์ เมื่อปริศนาภายในเกมถูกเฉลยคลี่คลายลง ต่อให้ยังหลงเหลือความลับ เส้นทางแยก หรือฉากจบรูปแบบอื่นๆให้ได้ตามหา ผู้เล่นส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากเสียเวลากลับไปเดินเล่นทอดน่องในห้องมืดๆหยิบจับสิ่งของเดิมๆขึ้นมาเช็คซ้ำใหม่อีกรอบเพียงเพื่อดูเหตุการณ์ยิบย่อยที่มันแตกแขนงออกไป ในเมื่อทุกอย่างมันถูกอัปโหลดขึ้นไปอยู่บนยูทูปหมดแล้วสามารถเลือกจิ้มดูได้ตามสะดวก ฉะนั้นการหยิบจับเกมแนวภาพยนตร์มารีเมคฉายซ้ำมันจึงค่อนข้างขายออกได้ยากสำหรับกลุ่มผู้ชมหน้าเก่าๆที่เคยผ่านตาเวอร์ชันต้นฉบับเห็นฉากจบของเกมมาหมดแล้ว
อีกประเด็นที่ทำให้ความดึงดูดน่าซื้อหาของเกมเวอร์ชันรีเมคหดหายลงไปพอสมควรคือราคาขายที่ตั้งเอาไว้สูงถึง 1,990 บาท เท่ากันทั้งบนแพลตฟอร์มเพลย์สเตชันและสตีม ซึ่งทางฝั่งพีซีคงพอเข้าใจได้เพราะตัวเกมเพิ่งวางจำหน่ายพอร์ตลงให้เล่นเป็นครั้งแรก ตรงกันข้ามกับผู้เล่นฝั่งคอนโซลที่เชื่อว่าเหล่าสาวกคงเป็นเจ้าของตัวเกมต้นฉบับกันแทบทุกคนจากเมื่อครั้งที่ Until Dawn เคยติดอยู่ในลิสต์รายชื่อเกมแจกฟรี PS Plus Collection มาก่อนหน้านี้ และการที่ โซนี่ มิให้ออพชั่นทางเลือกในการอัปเกรดเหมือนอย่างเกม Horizon Zero Dawn หรือ Ghost of Tsushima มันก็ยิ่งชวนน่าฉงนสงสัยสำหรับชาวคอนโซลเข้าไปอีกถึงความคุ้มค่ากับราคาที่พวกเขาต้องจ่ายแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพื่อหวนกลับไปเล่นเกมเก่าแก่ที่มีอายุอานามเกือบ 10 ปี
"แม้จะมีข้อตำหนิติติงอยู่บ้างในเรื่องของราคาและความคุ้มค่า ถึงอย่างไรเสีย Until Dawn มันก็ยังเป็นตำนานเกมสยองขวัญสุดลุ้นระทึกที่เราอยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสประสบการณ์ความหลอนแบบนั่งไม่ติดด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะชาวพีซีที่ต้องบอกว่าโอกาสดีที่พวกท่านรอคอยมันมาถึงสนามหญ้าหน้าบ้านคุณแล้ว แต่สำหรับชาวคอนโซลที่กำลังลังเลคุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากแค่หยุดความอยากเอาไว้แล้วกำตังค์เดินเข้าโรงหนังเพื่อไปรอชม Until Dawn ฉบับภาพยนตร์คนแสดงที่เตรียมเข้าฉายเดือนเมษายนนี้จะดีกว่า"
เกมเพลย์ | 6 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
เนื้อเรื่อง | 10 |
ความคุ้มค่า | 6 |
ภาพรวม | 8 |
ข้อดี: กราฟิกสวยขึ้นดูดีกว่าต้นฉบับมาก, ดีเทลรายละเอียดเล็กน้อยตามฉากช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ, มุมกล้องบุคคลที่สามผ่านหลังเผยให้เห็นมุมมองใหม่ๆ, เนื้อเรื่องยืนหนึ่งเหมือนได้รับชมภาพยนตร์ระทึกขวัญชั้นดี, สีหน้าอารมณ์ตัวละครแสดงออกชัดราวกับคนเป็นๆ, ลูกเล่นจอย DualSense อัดครบแบบจัดเต็ม, รองรับอัตราส่วนจอกว้างระดับอัลตร้าไวด์ และเป็นหนึ่งในเกม โซนี่ ที่ชาวพีซีรอคอยกันมานาน
ข้อเสีย: มุกสะดุ้งตุ้งแช่ค่อนข้างเสี่ยวล้าสมัยไปแล้ว, ท่าทางการเดินของตัวละครแต่ละย่างก้าวรู้สึกหน่วงสุดเอื่อยเฉื่อย, เล่นแบบปรับภาพเต็มจอ 16:9 แอบมีกระตุกหน่อยๆเวลาอยู่นอกอาคาร, ปัดฝุ่นขายใหม่ทั้งทีแต่กลับไม่มีภาษาไทย และราคาที่แรงไปนิดกับความสยองแสนสั้นในค่ำคืนเดียวที่ไม่ชักชวนใจให้เหลียวกลับไปซ้ำสอง
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*