แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PC, PS5 (Xbox Series จะตามมาภายหลัง)
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
เกมแอ็คชั่นอาร์พีจีขึ้นหิ้งแห่งปีที่ดัดแปลงมาจาก "ตำนานไซอิ๋ว" ซึ่งช่วยฝึกจิตสมาธิขัดเกลาฝีมือการเล่นเกมของเราให้เก่งเหมือน 'เห้งเจีย'
เรื่องราวในเกม Black Myth Wukong นั้นจะเป็นเหตุการณ์ภายหลังจากที่คณะของพระถังซัมจั๋งได้เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีปมาเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าแทนที่ซุนหงอคงจะอยู่เป็นเบี้ยรับใช้สวรรค์ต่อ ราชาวานรกลับเลือกชีวิตธรรมดาแสนเรียบง่าย ณ ภูเขาฮัวกั่วซาน ด้วยความไม่ไว้วางใจทางศาลสวรรค์จึงส่งกองทัพนำโดยเทพสามตา เอ้อหลางเสิน ลงมากำราบให้หงอคงยอมจำนนกลับไปสวรรค์แต่โดยดี หลังสู้กันอยู่นานสุดท้ายหงอคงกลับโดนมงคลรัดเกล้าและพลาดเสียท่าจนกลายสภาพเป็นหิน
เมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายร้อยปี ก็มีลิงสุดแกร่งตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา ผู้ขออาสาออกเดินทางตามหาชิ้นส่วน "อายตนะ" ทั้ง 6 ของอดีตราชาวานรที่ปัจจุบันถูกแยกกระจัดกระจายในผืนแผ่นดินมนุษย์ ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าหวังที่จะชุบชีวิตซุนหงอคงให้ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และการจะทำแบบนั้นได้ ลิงผู้ถูกลิขิต ที่เป็นตัวละครหลักของผู้เล่น เขาจำเป็นต้องฝึกฝนเรียนรู้ทุกวิชาจนแข็งแกร่งสามารถเอาชนะฟันฝ่าได้ทุกอุปสรรคหรือพูดง่ายๆคือต้องเก่งกาจทัดเทียมเทพเจ้าวานรผู้เป็นตำนาน นั่นเอง
รูปแบบการเล่นจะเป็นแนวโซลไลค์ที่เกมเมอร์ทุกท่านคงรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีเกจสตามิน่าความอึดเอาไว้สำหรับออกแอ็คชั่นท่าทางต่างๆ ตามจุดในแผนที่ก็จะมี ศาลเจ้า เอาไว้เป็นจุดเซฟสำหรับพักผ่อนเติมน้ำเต้าฟื้นฟูพลังชีวิตหรือเลือกอัพเกรดของใช้ในตัว ทันทีที่เราแตะแท่นบูชาแล้วเลือกพักฟื้นฟูสมุนศัตรูที่ถูกเราสังหารก็จะรีสปอว์นผุดขึ้นมาใหม่ให้เราได้ฟาร์มเรื่อยๆ (ยกเว้นเหล่าบอสใหญ่ที่ตายแล้วตายเลย) ดูไปก็ให้อารมณ์คล้ายหลักสูตรสำเร็จของทางค่าย FromSoftware เพียงแค่แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ยามตัวละครเอกตายผู้เล่นจะไม่สูญเสียสิ่งใดเลยไม่ว่าจะค่าประสบการณ์ XP หรือเงินตรา ทุกอย่างยังอยู่ครบหมดไม่หายไปไหน มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่สูญไปนั่นคือ "เวลา"
ตามวรรณกรรม หงอคงเป็นลิงที่มีลูกเล่นแพรวพราวใช้ศาสตร์วิชาได้หลายหลากชนิดหาตัวจับยาก ซึ่งภายในเกมนี้นอกเหนือจากกระบองยืดได้หดได้ที่เป็นอาวุธคู่กายและเมฆวิเศษที่ใช้สำหรับเหาะเหินเดินทางแล้ว ตัวเอกยังมีวิชาสต๊อปเวลาหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู แยกร่างโคลน และที่เราชื่นชอบมากสุดๆคือวิชา "จำแลงกาย" ที่เรานั้นสามารถแปลงร่างเป็นบอสอสูรตนใดก็ได้ที่เราเคยปราบ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงรูปร่างที่คล้ายคลึงต้นฉบับเท่านั้น สกิลและพละกำลังความแข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมอนสเตอร์แต่ละตัว เราก็สามารถจำลองลอกเลียนมาได้แบบเป๊ะๆสำเนาถูกต้องเช่นเดียวกัน
ถึงจะมีพื้นที่เปิดกว้างให้เราได้ท่องสำรวจ แต่ยังไงซะมันก็ไม่ได้อิสระแบบเกมโอเพ่นเวิลด์ ซึ่งการที่แม็พไม่ได้ใหญ่โตมากนักทำให้ตัวเกมอวดศักยภาพ Unreal Engine 5 ได้อย่างเต็มที่ มิใช่แค่เส้นขนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตัวละครเท่านั้นนะที่เก็บงานละเอียด พวกฉากหลังสภาพแวดล้อมเช่นป่าเขาต้นไม้ลำธาร พื้นหิมะ เม็ดทราย รวมไปถึงสายน้ำต่างก็มีการขยับเคลื่อนไหวไปตามแอ็คชั่นของตัวละคร เอาตรงๆหลายคนคงประจักษ์ถึงความงดงามตระการตาตั้งแต่ฉากเปิดแกรนด์โอเพ่นนิ่งของเกมแล้วที่หงอคงต่อสู้ทำศึกกับเทพสามตาบนท้องฟ้า เวลากระบองของเราฟาดโจมตีแต่ละทีปุยเมฆก็ขยับตามอย่างสมจริง แค่ฉากนี้ฉากเดียวก็กินขาดแทบทุกเกมในท้องตลาดแล้ว จนอาจพูดได้เต็มปากว่านี่คือเกมอันเรียลฯ 5 ที่มีภาพกราฟิกสวยสมจริงที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ (ถ้าไม่นับเกมแนวยิงมุมมองบอดี้แคมน่ะนะ)
สำหรับสเปคเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ในการทดสอบ ต้องขอบคุณทางบริษัท AMD ที่ให้ความอนุเคราะห์อัพเกรดจัดการ์ดจอตัวแรง AMD Radeon RX 7800 XT 16GB มาให้เราได้ใช้ในการเล่นและรีวิวเกมนี้ โดยที่ตัวซีพียูนั้นยังคงเป็น AMD RYZEN 5 5500, แรม G.SKILL SNIPER-X 16GB BUS3600 และติดตั้งลงบนเมนบอร์ด ASUS TUF GAMING A520M-PLUS
แม้ในทางทฤษฎีแล้ว การ์ดจอ AMD Radeon RX 7800 XT มันจะสามารถรันเกมนี้ที่ความละเอียด 1440p แบบเปิดภาพกราฟิกระดับสูงมากได้ แต่ทว่าในความเป็นจริงตอนสู้กับบอสหรือศัตรูที่มีความรวดเร็วว่องไว เราอยากแนะนำให้เหล่าสาวกค่ายแดงยอมลดเกียรติลดศักดิ์ศรีปรับคุณภาพกราฟิกลงมาในระดับกลาง Medium จะดีที่สุด เพราะเมื่อเปิดใช้งานคู่กับฟีเจอร์ FSR และ Frame Generation แล้วเฟรมเรตจะค่อนข้างนิ่งวิ่งอยู่ที่ราวๆ 90-140 fps ไร้อาการกระตุกแกว่งใดๆให้ขัดสายตา ส่วนพวกลูกเล่นแสงเงา Ray Tracing หรือคุณภาพกราฟิกระดับภาพยนตร์ Cinematic ควรเก็บไว้ให้เหล่าเกมเมอร์สายเขียวใช้งานเถอะ อย่าไปเสี่ยงยุ่งเกี่ยวกับมันเลย
จุดเด่นที่แตกต่างไปจากเกมแนวโซลไลค์ทั่วไปคือเกมนี้ไม่ได้มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเหล่าศัตรูลูกสมุนตามรายทาง พวกมันเป็นเพียงไม้ประดับที่มีไว้ให้เราฟาร์มเงินฟาร์มทรัพยากร แค่ตีธรรมดาไม่ต้องงัดวิชาอะไรออกมาใช้ให้เหนื่อยเปลืองแรงก็สามารถกำจัดได้อย่างสบาย เพราะความยากท้าทายทั้งหมดของเกมจะไปตกอยู่กับเหล่าบอสใหญ่และบอสลับที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแบบไม่ซ้ำหน้า แถมขยันโผล่มากันแบบถี่ๆเสียด้วยเดินผ่านป่าไปไม่กี่ก้าวก็เจอตัวหนึ่ง ขึ้นเนินเขาไปสักพักก็เจออีกตัว เรียกว่าเป็นเกมแอ็คชั่นที่ให้เราได้ปะทะสู้กับบอสรัวๆแบบมาราธอนไม่มีหยุดพัก และด้วยของวิเศษรวมถึงค่า EXP มากมายที่ได้รับจากบอสจึงส่งผลให้ตัวละครหลักของเราเก่งขึ้นรวดเร็วแบบก้าวกระโดด เทพไวยิ่งกว่าเกมโซลไหนๆในปฐพี
ส่วนกลไกปัดป้องการโจมตีหรือ Parry นั้นตัวเกมก็บรรจุใส่มาให้ผู้เล่นได้ใช้งานด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการยกอาวุธขึ้นมาปัดป้องเหมือนเกมอื่นๆทั่วไป โดยภายในเกมจะมีสกิลที่เรียกว่า "มองขาด" หากในระหว่างที่เรากำลังโจมตีเบากระหน่ำทำคอมโบอยู่แล้วศัตรูเริ่มง้างโจมตีใส่ ในจังหวะนั้นถ้าเรากดปุ่มโจมตีหนักได้ทันท่วงที เราจะสามารถใช้ท่าโฟกัสสวนรุนแรงกลับไปทำให้การโจมตีของศัตรูหยุดชะงักแดเมจกลายเป็นโมฆะได้ ซึ่งเทคนิคนี้ต้องอาศัยการจดจำเรียนรู้ท่วงท่าของศัตรูและประสบการณ์จากการสู้กับมันบ่อยๆ ฉะนั้นแล้วเวลาที่เราปราบบอสแต่ละตัวลงได้สำเร็จอันเกิดจากฝีมือของเราล้วนๆ กดหลบหลีก เลือกใช้สกิลวิชาและของวิเศษที่มีได้ถูกจังหวะด้วยตัวเอง เราจึงมีความรู้สึกปลาบปลื้มภาคภูมิใจมากเป็นพิเศษเหมือนสมัยตอนเล่นเกม Sekiro เลยละ เทียบกับเกมของ FromSoftware ในยุคหลังๆที่ยากเพราะการดีไซน์ออกแบบเกมที่ไม่บาลานซ์จนคนเล่นต้องพึ่งพาอาศัยตัวช่วย ผู้เล่นคนอื่นๆ หรือโชคดวงในการผ่านแล้ว ความรู้สึกที่ได้รับมันจึงค่อนข้างต่างกันราวฟ้ากับเหว
อีกสิ่งหนึ่งที่เรามองว่าเกมหงอคงทำได้เหนือกว่าและอยากให้คุณ "มิยาซากิ" ได้มาเรียนรู้นำไปปรับใช้ นั่นคือการบอกเล่านำเสนอเรื่องราวที่ดูใส่ใจพิถีพิถัน ไม่ว่าใครมาสัมผัสก็สามารถเข้าถึงอินตามไปกับเนื้อหาของเกมได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ภายในเกมมันก็ไม่ได้มีแผนที่บอกจุดตำแหน่งใดๆให้เราทราบ เพียงแต่เวลาตัวละคร NPC บอกใบ้ถึงสิ่งต่างๆที่เราต้องไปทำเขาเลือกใช้คำพูดสื่อสารแบบเคลียร์ชัดเจนไม่คลุมเครือ แค่ฟังหนเดียวก็รู้ได้ด้วยสามัญสำนึกว่าต้องทำอะไรไปจุดไหนต่อ เนื้อเรื่องแต่ละบทแต่ละตอนล้วนสอดแทรกฉากคัตซีนเกริ่นนำและปิดท้ายช่วยอธิบายคลายความสงสัยทุกสิ่งอย่าง แตกต่างลิบลับจาก Elden Ring ที่ใส่ซับไตเติลภาษาไทยแปลมาให้เสร็จสรรพ แต่เล่นจนจบแล้วเราก็ยังไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรได้เลย ต้องไปเปิดหาข้อมูลอ่านเอาในเน็ตหรือฟังบทสรุปจากปากคนอื่นถึงเข้าใจ
"พูดไปมันก็แปลก Black Myth Wukong ถือเป็นเกมโซลไลค์ตัวแรกที่ผู้เขียนเล่นแล้วกลับไม่รู้สึกหัวร้อนเลยสักนิด นั่นอาจเป็นเพราะการออกแบบระดับความยากท้าทายที่ค่อนข้างสมดุลยุติธรรมไม่เอาเปรียบคนเล่นจนเกินงาม เน้นสู้กันแบบแฟร์ๆ 'เอ็งเก่งมา ข้าก็เก่งตาม' มันจึงเป็นประสบการณ์สู้รบที่ลุ้นสนุกตื่นเต้นไม่น่าหงุดหงิด หากจะติดอยู่เรื่องเดียวก็คงเป็นเรื่องดีลนรกกับค่ายเขียว จนทำให้พวกเขาละเลยไม่ใส่ใจด้านการปรับแต่ง Optimized ตัวเกมให้สอดรับเข้ากันได้กับสเปคเครื่องที่หลากหลาย ถ้าปลายปีนี้ไม่มีชื่อเกมหงอคงขึ้นคว้ารางวัล เหตุผลมันก็คงมาจากเรื่อง Performance นี่แหละที่ทำให้มันไปไม่ถึงฝั่งฝัน"
เกมเพลย์ | 10 |
เนื้อเรื่อง | 10 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 10 |
Performance | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
ภาพรวม | 9.5 |
ข้อดี: เป็นหนึ่งในเกมที่รีดขุมพลังอันเรียลฯ 5 ออกมาได้ขั้นสุด, เสียงดนตรีประกอบคำร้องท่วงทำนองนึกว่ากำลังดูหนังจีน, สกิลลูกเล่นความสามารถของตัวละครสุดแพรวพราว, เรื่องราวตำนานไซอิ๋วที่ใครๆก็เข้าถึงได้แถมแอบแฝงแง่คิดคติธรรม, ได้เปิดศึกปะทะต่อสู้ต่อยตีกับเหล่าบอสติดต่อกันแบบรัวๆไม่หยุดพัก, เควสต์หลักเควสต์รองบอกใบ้ชัดเจนไม่ปล่อยทิ้งผู้เล่นไว้กลางทางเหมือนบางเกม, ถึงแม้จะยากแต่โคตรสนุกเพราะสเกลพลังศัตรูกับตัวละครบาลานซ์สมดุลกัน, ตัวเกมเวอร์ชันพีซีมีม็อดแปลภาษาไทยสมบูรณ์พร้อมสรรพ และคุ้มค่าเล่นได้ยาวๆอย่างต่ำต้องจบสามรอบเพื่อดื่มด่ำความเทพของ "หงอคง"
ข้อเสีย: โหลดฉากค่อนข้างนานแถมบังคับให้เดินทางย้อนกลับไปกลับมาบ่อยครั้ง, ด่านสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยกำแพงล่องหนสำรวจได้ไม่อิสระ และการ Optimized ที่แย่สูบทรัพยากรเครื่องเกินความจำเป็น
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท AMD
รวมถึงขอขอบคุณการแปลไทยคุณภาพจากทีมงาน Thai Localization Mod
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*