แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, PC
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
หนึ่งในแฟรนไชส์เกมคลาสสิคที่ใช้เวลาสร้างภาคต่อยาวนานทิ้งช่วงห่างกันหลายสิบปี และการกลับมารอบนี้มันก็มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปจากยุค PS2
ซีรีส์ Mana หรือที่เหล่าวัยรุ่นยุค 90 รู้จักกันในนาม Seiken Densetsu นับเป็นซีรีส์เกมแฟนตาซีแอ็คชั่นอาร์พีจีเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน เริ่มต้นจากการเป็นภาคแยกของไฟนอลแฟนตาซีจนเติบใหญ่แตกกิ่งกลายมาเป็นแฟรนไชส์ของตัวเอง ซึ่งหากไม่นับรวมเวอร์ชันมือถือหรือเวอร์ชันรีเมคที่ขยันออกมามากมาย ภาคสุดท้ายที่เป็นภาคหลักของซีรีส์จริงๆคงต้องย้อนกลับไปไกลสมัยเครื่องเล่น เพลย์สเตชัน 2 โน่นเลย และหลังจากเวลาผ่านมาร่วม 18 ปีแฟรนไชส์นี้ก็ได้หวนคืนสู่วงการอีกครั้งในผลงานเกมภาคใหม่ลำดับที่ห้าที่ใช้ชื่อว่า Visions of Mana
หัวใจหลักของซีรีส์เกมมานาในทุกภาคมักจะพัวพันกล่าวถึงต้นไม้ใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ค้ำจุนโลกอยู่เสมอ และภาคนีัเองก็ไม่ต่างกันโดยเราจะได้สวมบทตัวละครเอก "วาล" (Val) เด็กหนุ่มหัวแดงผู้ต้องคอยพิทักษ์ปกป้องผองคณะนักเดินทางแสวงบุญ Alms ที่ในทุกๆ 4 ปีพวกเขาเหล่านี้จะถูกเลือกให้ไปเป็นเครื่องบูชาเซ่นสังเวย ณ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อฟื้นฟูให้พลังมานากลับมาไหลเวียนได้ตามปกติ ซึ่ง Alms แต่ละคนต่างก็เป็นตัวแทนของธาตุแต่ละธาตุและพิธีกรรมดังกล่าวก็ดำเนินมานานแล้วหลายชั่วอายุคน แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากว่ามีใครคิดที่จะแหกธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงมัน!
ลักษณะการเล่นจะเป็นแนวอาร์พีจีที่มีความเป็นแอ็คชั่นสูง ผู้เล่นสามารถกดปุ่มออกท่วงท่าโจมตีหนัก-เบาฟาดฟันทำคอมโบ กดปุ่มชอร์ตคัตเรียกใช้สกิลพิเศษ และหลบหลีกเลี่ยงความเสียหายได้แบบเรียลไทม์ ยามที่ตัวละครโจมตีโดนศัตรูหรือถูกศัตรูโจมตีใส่ CS Gauge เกจสีฟ้ามุมซ้ายล่างก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเต็มหลอดผู้เล่นจะสามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายอัลติเมทที่เรียกว่า Class Strike ของตัวละครนั้นได้
ส่วนเวลาเจอบอสใหญ่ประจำด่านเราก็แค่มองหาจุดอ่อนบนร่างกายของมันให้เจอแล้วทำการล็อกเป้าหมายเน้นย้ำโจมตีตรงจุดนั้นไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็ตาย ซึ่งวิธีสังเกตจุดอ่อนของพวกมันก็ง่ายๆเพียงแค่เราโจมตีจุดไหนของบอสแล้วขึ้นตัวหนังสือคำว่า Critical สร้างแดเมจความเสียหายได้สูงกว่าบริเวณอื่น ตรงนั้นนั่นแหละคือจุดอ่อน ไม่ยากเลยใช่มั้ย?
สิ่งแปลกใหม่ในภาคนี้คงเป็นเรื่องที่เราจะมีเพื่อนร่วมทีมในปาร์ตี้ (สูงสุด 3 คน) คอยช่วยเหลือต่อสู้ไปตลอดการเดินทาง ซึ่งเราสามารถเลือกกดเปลี่ยนสลับตัวละครในปาร์ตี้ไปมาได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะอยู่ในฉากเมืองเดินสำรวจหรือในขณะที่เรากำลังต่อสู้ โดยตัวละครที่เราไม่ได้บังคับนั้นจะถูกควบคุมโดยสมองกล AI ที่จะทำการออกแอ็คชั่นโจมตีศัตรูแบบอัตโนมัติตามแทคติกที่ผู้เล่นได้เซตเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเวลาอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดคับขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกท้าดวลสู้กับบอส เราขอแนะนำว่าคุณควรจะเปลี่ยนสลับตัวละครในทีมอยู่บ่อยๆ เนื่องจากเหล่าปัญญาประดิษฐ์มันไม่ได้ฉลาดเรื่องการหลบหลีกเอาตัวรอดเท่าไหร่นักและมักจะยืนแลกรับแดเมจจนตายฟรีจากเราไปตั้งแต่เนิ่นๆอยู่บ่อยครั้ง
ระบบการอัปเกรดตัวละครในเกมนี้ดูไม่ค่อยเหมือนกับเกมอื่นๆทั่วไป เพราะสกิลทุกอย่างคุณต้องติดตั้งสวมใส่ลงไปไม่ต่างจากเสื้อผ้าเครื่องประดับ เมื่อปราบศัตรูบางชนิดคุณอาจได้รับเมล็ดพันธุ์ทักษะ Ability Seeds ที่สามารถใส่ลงไปในตัวละครที่ต้องการเพื่อให้ตัวละครดังกล่าวเรียนรู้ใช้สกิลนั้นได้ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสายคลาสอาชีพ คุณจำเป็นต้องเอาธาตุ Elementals ต่างๆที่ได้รับตามเนื้อเรื่องไปผนวกเข้ากับตัวละครเพื่อให้เขาเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้ไปจากเดิม ยกตัวอย่าง ตัวเอกวาลดั้งเดิมเขาเป็นการ์ด พอผูกกับธาตุลมก็จะกลายเป็นอัศวินเป็นต้น ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีสายอาชีพที่แตกแขนงออกไปเป็นแบบเฉพาะของตัวเอง เราสามารถทดลองจับคู่ผสมธาตุกับตัวละครใส่เข้าถอดออกได้เรื่อยๆจนกว่าจะได้ทีมผู้กล้าในฝันที่เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง
ภาพกราฟิกภายในเกมจะเป็นสไตล์การ์ตูน 3D สีสันสดใสที่เน้นความเป็นแฟนตาซี ซึ่งดีไซน์ตัวละครยังคงรักษาเอกลักษณ์จุดเด่นของซีรีส์มานาเอาไว้เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นฉากหลังสภาพแวดล้อมทั้งในเมืองและพื้นที่เปิดกว้างกว้างเซมิโอเพ่นเวิลด์ก็ล้วนออกแบบมาได้ดีเต็มไปด้วยดีเทลรายละเอียดและที่สำคัญคือมันสวยงามเอามากๆราวกับภาพวาดศิลปะ จะทอดน่องลงเดินสำรวจด้วยเท้าเปล่าหรือจะขึ้นขี่สัตว์พาหนะท่องเที่ยวชมวิวก็ชวนรู้สึกผ่อนคลายชิลสบาย ยิ่งผสมเข้ากับดนตรีบทเพลงอันไพเราะที่ดังคลอสอดรับเข้ากับบรรยากาศด้วยแล้ว จึงทำให้มันเป็นหนึ่งในเกมอาร์พีจีที่นั่งเล่นได้เพลินๆเจริญใจเลยเชียวละ
ซีรีส์มานานั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องความง่ายเด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นสบายมาแต่ไหนแต่ไร แค่หลบแล้วหาจังหวะตีไม่ได้ท้าทายอะไร (ยกเว้นเจอมอนฯเลเวลสูง) ความยากก็มีให้เลือกหลายระดับ การดำเนินเรื่องราวก็ไปแบบเนิบๆเนือยๆตามสไตล์ JRPG ยุคโบราณ จอดแวะตามสถานที่ต่างๆเพื่อหาเพื่อนสมาชิกใหม่ๆมาร่วมทาง กว่าปาร์ตี้ของเรานั้นจะเก่งกาจมีสกิลทักษะความสามารถที่หวือหวาชวนน่าตื่นตาตื่นใจก็กินเวลาไปเกือบ 5 ชั่วโมง ดังนั้นหากใครเป็นแฟนอาร์พีจีสายฮาร์ดคอร์หรือติดใจในรสชาติของเกมอาร์พีจีแถบตะวันตกที่รวดเร็วกระชับฉับไวไม่เวิ่นเว้อ พอมาเจอเกมนี้ก็อาจจะรู้สึกว่ามันอืดอาดน่าเบื่อไปสักหน่อย จังหวะเกมทุกอย่างดูเชื่องช้าไม่ทันใจเกมเมอร์สมัยใหม่ มันเฉื่อยชาถึงขนาดที่ว่าคุณบังคับตัวละครเดินสำรวจอยู่ดีๆก็อาจเผลอ "หลับใน" กลางอากาศได้เลย
"ท่ามกลางเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีมากมายในยุคปัจจุบันที่แข่งขันกันนำเสนอลูกเล่นไอเดียแปลกๆใหม่ๆ Visions of Mana จึงดูเหมือนเกมอนุรักษ์นิยมที่พยายามสวนกระแสไม่แคร์ชาวโลก จริงอยู่มันอาจไม่ได้แย่ แต่ก็มีหลายจุดที่เรามองว่าสามารถทำให้ทันสมัยสนุกเร้าใจไปได้ไกลมากกว่านี้ ถ้าหากคุณไม่ได้ชื่นชอบหลงรักซีรีส์นี้จริงๆเราขอแนะนำให้ 'รอลดราคา' ทว่ากลับกันสำหรับแฟนมานาแล้วยังไงคุณก็ต้องหาซื้อมันมาเล่นเพื่ออุดหนุนทีมพัฒนา ถ้าไม่อยากให้พวกเขาและซีรีส์ที่ตนรักห่างหายหน้าไปอีก 10 - 20 ปี"
เกมเพลย์ | 7 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
การเดินเรื่อง | 6 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7.2 |
ข้อดี: ฉากโลกแฟนตาซีสีสันสวยสดงดงาม, ดนตรีประกอบไพเราะเข้ากันดีกับบรรยากาศของเกม, ดีไซน์ตัวละครโดดเด่นโดยเฉพาะสีหน้าแววตา, มีผองสมาชิกร่วมเดินทางสามารถเปลี่ยนสลับบังคับได้อิสระ, ลูกเล่นธาตุมีประโยชน์ทั้งตอนสำรวจ-ต่อสู้, เกมเพลย์เข้าถึงง่ายไม่ว่าใครก็เล่นได้สบาย และสายอาชีพหลากหลายให้เราทดลองผสมสร้างทีมในฝันได้ตามใจ
ข้อเสีย: คอมแบทท่วงท่าการต่อสู้ยังไม่ต่อเนื่องลื่นไหลเท่าที่ควร, เรื่องราวตามหาพวกพ้องปราบจอมมารที่ค่อนข้างเชยล้าสมัย, บอสแต่ละตัวโผล่มาแบบไร้ราศีดูธรรมดาไม่น่าจดจำ, ตลอดทั้งเกมวนเวียนอยู่กับการเดินตามเครื่องหมายที่ระบุไว้, AI เพื่อนร่วมทีมไม่ค่อยฉลาดนักด้านการเอาตัวรอด และใช้เวลานานมากกว่าตัวละครของเราจะเก่งมีสกิลที่น่าสนใจ
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโค Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*