แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5
เรตเกม ESRB: M เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป
***จำเป็นต้องมีตัวเกมภาคหลัก ไฟนอลแฟนตาซี 16***
เนื้อหาเสริมของเกมไฟนอลแฟนตาซีที่เพิ่มเติมนำเสนอมนต์อสูรหน้าใหม่อย่าง "เลเวียธาน" แต่ไปๆมาๆกลับเข้าบรรยากาศเทศกาลสาดน้ำบ้านเราเฉยเลย
สำหรับ The Rising Tide นั้นจัดว่าเป็นเนื้อหาเสริมตัวสุดท้ายแล้วเพื่อปิดตำนานเกมอาร์พีจีภาคหลัก Final Fantasy XVI ลงอย่างสมบูรณ์ โดยเนื้อหาใจความสำคัญของมันคือการคลี่คลายปมปริศนาทุกสิ่งอย่างที่ค้างคาติดอยู่ในใจบรรดาผู้เล่นเกม ทั้งเรื่องของคลื่นน้ำลึกลับที่ยื่นปรากฏอยู่ในดินแดนโพ้นทะเลไกลห่างออกไปเมื่อยืนมองจากริมชายฝั่งของอาณาจักร Sanbreque รวมไปถึงเรื่องมนต์อสูร (Eikon) ธาตุที่ 8 ซึ่งมีการเอ่ยพูดถึงในประวัติศาสตร์แห่งดินแดนวาลิสเธีย แต่ในตัวเกมภาคหลักกลับใส่มาให้แค่เจ็ดธาตุเท่านั้น
ในส่วนวิธีการเข้าเล่นตัวเนื้อหาเสริม The Rising Tide มันจะมีเงื่อนไขเหมือนกับ DLC ก่อนหน้านี้ทุกประการ คือผู้เล่นจำเป็นต้องเล่นเคลียร์เกมภาคหลัก FF16 ไปจนถึงมิชชั่นสุดท้าย Back to their Origin พร้อมกับเคลียร์สองไซด์เควสต์รองทั้ง Where There's a Will และ Priceless ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เสียก่อน เมื่อทำทุกอย่างครบเรียบร้อยตามเงื่อนไขทุกข้อที่กล่าวมา มันจะมีจดหมายแจ้งเตือนฉบับใหม่ผุดเด้งขึ้นมาในห้องของเราที่รังลับ The Hideaway ทันทีที่เรากดอ่านมันก็จะเป็นการเริ่มต้นเนื้อหาเสริม The Rising Tide อัตโนมัติ และที่สำคัญคือเราสามารถเข้าถึงเนื้อหาเสริมตัวใหม่นี้ได้เลยโดยไม่ต้องจำเป็นต้องเล่นเนื้อหาเสริม Echoes of the Fallen มาก่อน
เรื่องราวใน DLC จะเริ่มขึ้นเมื่อมีจดหมายขอความช่วยเหลือปริศนาถูกส่งเข้ามา ผองคณะตัวเอกทั้งไคล์ฟ, จิล และโจชัว จึงเดินทางมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งตอนเหนือและได้พบกับผู้ว่าจ้าง "ชูลา" (Shula) หญิงสาวนักรบผมขาวตาฟ้าผู้ปรารถนาอยากให้พวกเขาช่วยเหลือพลังสถิตร่างของชนเผ่าตนที่กำลังประสบปัญหา ภายหลังจากที่ทั้งสามตัดสินใจร่วมออกเดินทางนั่งเรือโดยสารข้ามทะเลมาจนถึงดินแดนเขียวขจีอันชุ่มฉ่ำ Mysidia พวกของไคล์ฟก็ได้ค้นพบว่าพลังสถิตร่างแห่งมนต์อสูรธาตุน้ำ Leviathan คือเด็กทารกตัวจ้อยแบเบาะนามว่า Waljas ผู้ถูกเวทย์มนตร์คาถาหยุดเวลาสะกดแช่อยู่ในวังวนคลื่นมานานร่วมศตวรรษ หนทางเดียวในการช่วยเจ้าหนูผู้ใสซื่อและยุติความทุกข์ทรมานดังกล่าว ร่างทรงอสูรไฟอย่าง ไคล์ฟ จึงอาสามุ่งหน้าไปยังโบราณสถานเพื่อคลายมนต์สะกดที่คอยกักขังความบ้าคลั่งเกรี้ยวกราดของสัตว์อสูรแห่งมหานทีเอาไว้
เนื่องด้วยดินแดน Mysidia ถูกแยกตัดขาดจากโลกภายนอก สภาพแวดล้อมของมันจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการกระทำของ อัลติม่า ท้องฟ้าด้านบนที่เห็นจึงเป็นสีฟ้าครามสดใสตามปกติ มิได้ม่วงหม่นหมองชวนละเหี่ยใจเหมือนตอนที่เราผจญภัยบนแผ่นดินหลัก ภูมิประเทศดูคล้ายเกาะเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติพืชพรรณป่าเขาลำเนาไพร มีน้ำตกไหลเวียนพาดผ่านเป็นลำธาร รวมไปถึงมีฉากวิวทิวทัศน์ริมทะเลที่สวยงามตื่นตาตื่นใจราวกับเรามาเที่ยวชาร์จแบตฯในวันหยุดพักผ่อน ทุกสิ่งล้วนสร้างความสดชื่นรีเฟรชสดใหม่ให้แก่ผู้เล่นยกเว้นเพียงแค่เรื่อง ปัญหาเฟรมเรต เท่านั้นแหละที่ยังคงกระตุกฉุดรั้งประสบการณ์โดยรวม อัปเดตมาเป็นปีก็ยังแก้ไม่หายสักที
เมื่อไคล์ฟได้ซึมซับรับพลังมนต์อสูร Leviathan มาครอบครอง แน่นอนว่าที่หน้าเมนูอบิลิตี้ย่อมต้องมีวงแหวนสกิลเซตใหม่โผล่ปรากฏขึ้นมาให้เลือกอัปเกรด โดยสไตล์การต่อสู้ของมนต์อสูรธาตุน้ำหลักๆจะเป็นการยิงโจมตีศัตรูจากระยะไกล โดยเมื่อผู้เล่นกดปุ่ม O จะเป็นการเข้าสู่โหมดปืนฉีดน้ำสาดกระสุนชุ่มฉ่ำใส่เป้าหมาย หากกระสุนหมดแม็กต้องคอยกดปุ่ม O เพื่อรีโหลดใหม่ จากเกมอาร์พีจีตีรันฟันแทงอยู่ดีๆก็กลายสภาพเป็นเกมชูตติ้งไปในทันใด ขณะเดียวกันทางฝั่งสกิลท่าไม้ตายอัลติเมทนั้นจะเป็นการเรียกอุโมงค์คลื่นยักษ์สึนามิถาโถมซัดเข้าใส่ทุกสิ่งที่อยู่ในจอภาพ เห็นแล้วนึกอยากแก้ผ้ากระโจนลงเล่นน้ำกันเลยทีเดียว ซึ่งพลังใหม่ต่างๆเหล่านี้จะถูกปลดล็อคออกมาให้ใช้งานตั้งแต่ช่วงต้นของตัวเนื้อหาเสริมเลย ทว่าอย่างไรก็ตามเราขอเตือนผู้เล่นทุกคนว่าอย่าเพิ่งลงแต้มสกิลไปกับมันจนหมด ควรเหลือแต้มเผื่อเอาไว้บ้าง เนื่องจากมันยังมีมนต์อสูรลับอีกตัวหนึ่งที่จะโผล่มาเป็นบิ๊กเซอร์ไพร์สให้คุณได้อัปเกรดเพิ่มเติมในช่วงท้ายของ DLC
หากเปรียบเทียบกับเนื้อหาเสริมตัวก่อนหน้านี้ คงต้องบอกว่าปริมาณคอนเทนต์ของ The Rising Tide มันใช้ระยะเวลาในการเคลียร์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเวลาที่สูญเสียจะหนักไปทางไซด์เควสต์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคำขอของชาวเมืองแต่ละอย่างมันก็ช่างน่าเบื่อดูไร้สาระให้ตัวเอกเดินทางหาคนหาของพาทัวร์ทั่วแม็พตามประสาเกม JRPG ทว่าเราจะปฏิเสธบอกปัดไปก็ไม่ได้อีกเพราะของรางวัลตอบแทนมันไม่ได้มีเพียงแค่เงินและค่าประสบการณ์ แต่เรายังได้รับวัตถุดิบชนิดใหม่ในการคราฟต์อาวุธ ชุดเกราะ และเครื่องประดับที่หาไม่ได้จากที่อื่น รวมถึงบางเควสต์เรายังอาจได้ โจโคโบะเวอร์ชันขนสีขาวหุ้มเกราะ มาใช้เดินทางอีกด้วยนะ เอาเป็นว่าถ้าเห็นเครื่องหมายตกใจสีเขียวโผล่บนหัว NPC เมื่อไหร่ก็จงไปคุยกับเขาเถอะอย่าข้ามเลย อีกอย่างมันก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรเราเท่าไหร่หรอก แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ลองใช้งานฟังก์ชันใหม่อย่าง Quick Complete ที่เมื่อทำเควสต์ใดเควสต์หนึ่งสำเร็จเราจะสามารถกดวาร์ปกลับไปหาผู้จ้างวานได้ในทันที นับเป็นฟีเจอร์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกสบายโดยแท้ (ถึงแม้ลึกๆในใจเราอยากให้ทีมพัฒนาใส่ปุ่มแดชวิ่งเร็วได้ตามใจปรารถนา เพิ่มเข้ามามากกว่าก็ตาม)
และที่เด็ดยิ่งไปกว่านั้น หลังเล่นเคลียร์จบเนื้อหาเสริม The Rising Tide ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ยามที่คุณเดินทางย้อนกลับไปยังรังลับ The Hideaway คุณจะสังเกตเห็นว่าแท่นหิน Arete Stone กำลังเรืองแสงอยู่รอให้เราเข้าไปสัมผัส เมื่อกดเข้าไปดูตัวเกมจะมีการอธิบายถึงโหมดลับใหม่ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามานามว่า Kairos Gate ซึ่งมันเป็นโหมดการเล่นรูปแบบใหม่สไตล์โร้กไลค์ที่ให้เราไต่นรกลึกลงไปทีละขั้นทั้งหมด 20 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีเวฟศัตรูที่ยากโหดหินขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงยังมีเหล่าบอสใหญ่ที่จะโผล่มาทักทายเราในทุกๆ 5 ชั้น ระหว่างชั้นจะมีช่วงเวลาพักเบรกให้เรานำแต้มที่สะสมมาไปอัปเกรดเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวละครเพื่อพร้อมรับมือศึกต่อไปที่กำลังจะมาถึง โดยมีทั้งการอัปเกรดที่คงอยู่ตลอดถาวรและการอัปเกรดแบบชั่วครั้งชั่วคราวใช้หมดก็ต้องกลับมาซื้อใหม่ ดังนั้นเราจึงต้องคิดวางแผนให้ดีๆและที่สำคัญคือห้ามตายเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกมโอเวอร์รีเซตทุกอย่างย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่หมดตั้งแต่ชั้นหนึ่ง สำหรับวัตถุประสงค์หลักนอกเหนือจากการเล่นเพื่อรับแร่หายาก Eludium เอาไว้คราฟต์ชุดเกราะสุดเทพภายในเกมแล้ว โหมดดังกล่าวก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเอนด์เกมชั้นดีที่ให้เราได้เล่นสนุกไปเรื่อยๆมีอะไรให้ทำระหว่างรอเกมไฟนอลแฟนตาซีภาคต่อไป นั่นเอง
"เมื่อเทียบกันระหว่างเนื้อหาเสริมสองตัว คงต้องบอกว่า The Rising Tide มันมีภาษีที่เหนือกว่าและดูคุ้มค่ามากกว่า Echoes of the Fallen ทั้งในเรื่องของปริมาณคอนเทนต์ สกิลลูกเล่นใหม่ๆ และสิ่งเซอร์ไพร์สที่ดักรออยู่ในช่วงท้าย มอบความรู้สึกที่เต็มอิ่ม Complete นับเป็นการจากลาที่สมบูรณ์แบบไม่มีอะไรค้างคา ราวกับว่าเนื้อหาเสริมก่อนหน้านี้นั้นมันเป็นแค่ของว่างทานเล่นที่ถูกจัดเสิร์ฟมาเพื่อให้แขกแดกขำๆในระหว่างที่รออาหารจานหลักจานนี้ปรุงสุกยังไงยังงั้น เพราะฉะนั้นถ้าใครชื่นชอบหลงใหลในโลกของ Final Fantasy XVI และยังอยากสนุกมีความสุขกับมันต่อไปเรื่อยๆ DLC ตัวล่าสุดนี้ก็น่าจะตอบโจทย์เป็นของล้ำค่าที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณ"
เกมเพลย์ | 8 |
เนื้อเรื่อง | 7 |
กราฟิก | 8 |
ความสดใหม่ | 7 |
ความคุ้มค่า | 9 |
ภาพรวม | 7.8 |
ข้อดี: นครริมทะเลฟ้าใสที่แลดูสดชื่นไม่มัวหมองมืดหม่นเหมือนที่ผ่านมา, สกิลสัตว์อสูร เลเวียธาน สุดอลังการแสนชุ่มฉ่ำหัวใจ, หนำซ้ำยังแถมมนต์อสูรลับเพิ่มให้อีกตัวเป็นบิ๊กเซอร์ไพร์สในช่วงท้าย, มีชุดเกราะ-ดาบ-เครื่องประดับใหม่มากมายรอให้เราคราฟต์, ฟีเจอร์ใหม่ Quick Complete ช่วยประหยัดเวลาในการเดินส่งเควสต์, โหมด Kairos Gate ฝ่าฟันขุมนรก 20 ชั้นที่ทดสอบสกิลทักษะการวางแผนของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี และปริมาณคอนเทนต์ที่ให้เยอะคุ้มค่ากว่ามากเมื่อเทียบกับเนื้อหาเสริมตัวก่อน Echoes of the Fallen
ข้อเสีย: เนื้อเรื่องค่อนข้างเฉยๆธรรมดาไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น, ไซด์เควสต์เดินส่งของที่ขาดความคิดสร้างสรรค์แต่ต้องฝืนจำใจทำ, เฟรมเรตตกร่วงต่ำเป็นระยะผ่านมาเป็นปีก็ยังไม่นิ่ง และโหมดโร้กไลค์ที่น่าจะสุ่มมอนสเตอร์สักหน่อยจะได้มีแรงจูงใจกลับมาซ้ำบ่อยๆ
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*