แนวเกม แทคติคัลอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Switch
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
ผลงานใหม่สดร้อนส่งตรงจากเตาอบสตูดิโอ Vanillaware เมื่อโอรสผู้อยู่แดนไกลต้องเดินทางกลับสู่อาณาจักรบ้านเกิดเพื่อทวงคืนบัลลังก์และอำนาจอันชอบธรรมจากเหล่าทรราช
หากพูดชื่อทีมงาน Vanillaware ขึ้นมา ไม่ว่าใครก็คงต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง เพราะพวกเขาถือเป็นผู้จุดประกายกระแสความนิยมในเกมแนว 2D ไซด์สโครลให้ฟื้นชีวิตกลับมาอีกครั้ง หลังค่ายเกมส่วนใหญ่ต่างพากันสรรเสริญมุ่งสร้างแต่เกมภาพสามมิติตามเทคโนโลยีและยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไป โดยผลงานอันเลื่องชื่อที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักก็อย่างเช่น Odin Sphere, Muramasa: The Demon Blade, Dragon's Crown จนกระทั่งมาถึงผลงานล่าสุดที่ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากแนวแอ็คชั่นตีฟัน หันมานำเสนอสงครามวางแผนการรบสไตล์เทิร์นเบสในนาม Unicorn Overlord ซึ่งว่ากันว่ามันเป็นผลงานเกมระดับมาสเตอร์พีซอีกหนึ่งชิ้นที่เหล่าแฟนคลับ วานิลลาแวร์ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เรื่องราวภายในเกม Unicorn Overlord จะกล่าวถึงอาณาจักร คอร์เนีย ที่ถูกกองกำลังฝ่ายกบฏยึดอำนาจนำโดยนายพล วัลมอร์ จึงเป็นเหตุให้ราชินีต้องฝากองครักษ์นำบุตรชายของเธอหลบหนีไปอยู่แดนไกล 10 ปีผ่านไป "อเลน" (Alain) องค์ชายน้อยผู้ปัจจุบันเติบใหญ่กลายเป็นหนุ่ม ก็ได้เริ่มฝึกฝนทักษะสกิลดาบจนช่ำชองแล้วได้มีโอกาสประลองวิชากับเหล่าลูกสมุนของ กาเลเรียส (ชื่อใหม่ของ วัลมอร์) ที่เดินทางบุกเข้ามายังเกาะเพื่อตามหาอะไรบางอย่างหรือใครบางคน หลังจบศึกเจ้าชาย อเลน ได้ค้นพบว่าแหวนยูนิคอร์นที่พระมารดาทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้านั้น มันมีพลังในการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายรวมไปถึงช่วยชะล้างมนต์ดำที่ กาเลเรียส ใช้สะกดเหล่าทหารเอกขององค์ราชินี ด้วยทักษะการรบบวกกับพลังแห่งแหวนและผองพันธมิตรใหม่ที่ได้สติฟื้นคืน เจ้าชายหนุ่มรูปงามผมสีฟ้าจึงตัดสินใจจัดตั้งกองกำลังปลดแอกขึ้นด้วยความหวังที่จะสลายอำนาจมืดของจอมทรราชและช่วงชิงอาณาจักรบ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นสิทธิ์ชอบธรรมของตนกลับคืนมา
แวบแรกที่ได้สัมผัสบอกเลยว่าตัวเกมค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับซีรีส์ Fire Emblem ของฝั่ง นินเทนโด ทว่ามันจะมีบางจุดที่ต่างออกไปเล็กน้อย อย่างแรกเลยคือเราสามารถบังคับสั่งการยูนิตให้เคลื่อนพลไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระไม่ได้จำกัดอยู่ภายในช่องตารางสี่เหลี่ยม ส่วนอีกอย่างคือเรื่องของเวลาที่จะดำเนินไปแบบเรียลไทม์เหมือนเกม RTS ไม่มีการหยุดพักรอผู้เล่น (นอกเสียจากเราจะกด Pause เอาไว้ก่อน) โดยแต่ละศึกจะมีเวลาจำกัดในการปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้น ถ้าหากมอบหมายให้อัศวินขี่ม้าหรือนักรบมีปีกเป็นหัวหน้ายูนิต เราก็จะสามารถส่งกองกำลังออกไปตีป้อมศัตรูตามฉากได้อย่างรวดเร็วทันใจ
แต่ใช่ว่าเราจะต้องเรียกใช้งานยูนิตที่มีความเร็วเสมอไป เพราะในบางครั้งยูนิตที่อึดถึกเชื่องช้ากลับมีประโยชน์มากกว่าเมื่อต้องเจอกับศัตรูบางประเภท เราจึงต้องใส่ใจเรื่องการแพ้ทาง ตำแหน่งการยืน และวิเคราะห์สถานการณ์ให้เป็น เช่น ใช้กองกำลังขี่ม้าไปสู้กับทหารราบของศัตรู, เจอข้าศึกจัดแถวตอนลึกก็ใช้พลหอกจ้วงแทงทะลุถึงแนวหลังเสียบเป็นไม้ลูกชื้น, ให้ตัวละครถือโล่ยืนอยู่แนวหน้าเพื่อรับแดเมจปกป้องสายฮีลที่อยู่ด้านหลัง, เอาโจรไปวางเพื่อยั่วยุหลอกล่อหลบหลีกการโจมตี, เจอศัตรูเกราะหนาตีธรรมดาไม่เข้าก็ใช้สายเวทย์จัดการแทน หรือเจอศัตรูบินได้หลบไวก็ใช้พลธนูยิงไกลด้วยความแม่นยำ เป็นต้น โดยตัวเกมจะมีการคำนวณสรุปผลลัพธ์ให้เราได้ดูก่อนสู้ว่า ยูนิตที่เราเลือกสามารถฆ่าศัตรูตายได้ไหม ทำความเสียหายได้เท่าไหร่ และฝ่ายเราจะเสียเลือดไปมากน้อยแค่ไหน หากเราพึงพอใจก็กดไฝว้ได้เลย แต่ถ้าไม่ก็ควรเปลี่ยนไปลองใช้ยูนิตอื่นหรือปรับแก้เกมย้ายตำแหน่งการยืนดูบางทีอะไรๆมันอาจจะดีขึ้น
คล้ายเกมบริหารจัดการทีมฟุตบอล ผู้เล่นมีหน้าที่ในการจัดทีมสร้างกองทัพ ซื้อหาอาวุธเครื่องประดับดีๆมาติดตั้งสวมใส่ให้ยูนิต และกำหนดแผนฟอร์เมชั่นการยืน แล้วจากนั้นเมื่อยูนิตเผชิญหน้ากับศัตรู สมองกล AI ก็จะเข้ามาควบคุมดูแลการต่อสู้ออกแอ็คชั่นจู่โจมกดใช้สกิลให้แบบอัตโนมัติโดยที่เราแค่นั่งดูพวกมันสู้อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร ซึ่งการสร้างยูนิตเราควรที่จะเกลี่ยความเก่งกาจให้สมดุลกันเนื่องจากผู้เล่นไม่สามารถใช้งานยูนิตเทพยูนิตเดียวไปตลอดจนจบศึกได้ เพราะทุกยูนิตจะมีตัวเลข 'พลังความเหนื่อยล้า' แสดงกำกับอยู่และจะค่อยๆลดลงทุกครั้งหลังการต่อสู้ หากแต้มนี้ลดลงเหลือศูนย์เมื่อไหร่ยูนิตก็จะกลายเป็นอัมพาตชั่วคราวตกเป็นเป้านิ่งสุ่มเสี่ยงที่จะโดนศัตรูฉวยโอกาสรุมทึ้งได้ ดังนั้นวิธีเล่นที่เหมาะสมคือต้องหมั่นหมุนเวียนยูนิตแบ่งงานกันทำ ยูนิตไหนสู้บ่อยแล้วก็ควรเข้าป้อมหยุดพักผ่อนเติมสตามิน่า เปิดโอกาสให้ยูนิตอื่นได้ฉายแววเก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้าง
อย่างที่เกริ่นไป ด้วยฤทธิ์เดชพลังแห่งแหวนยูนิคอร์นที่ทำให้นายพลศัตรูแปรพักตร์ย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายเรา ดังนั้นยิ่งเล่นไปเรื่อยๆกองทัพของคุณก็จะยิ่งเติบโตเต็มไปด้วยนักรบหลากหลายอาชีพ ซึ่งแต่ละคลาสอาชีพต่างก็มีสกิลพิเศษติดตัวที่เรียกว่า Valor Skill อันเป็นทักษะเฉพาะของสายอาชีพที่สามารถเรียกใช้งานช่วยให้ฝ่ายเราช่วงชิงความได้เปรียบในสมรภูมิ ยกตัวอย่าง สกิล Arrow Rain ของพลธนูจะเป็นการยิงฝนลูกศรตกใส่พื้นที่ของศัตรู หรือจะเป็นสกิล Wild Rush พุ่งชาร์จใส่ของอัศวินขี่ม้าที่ช่วยตัดกำลังของข้าศึกได้เป็นอย่างดี โดยสกิลภายในเกมล้วนมีมากมายให้ได้ออกตามหาเช่นเดียวกับเหล่านักรบผู้กล้า ถ้าหากใครใจร้อนไม่อยากรอตัวละครเก่งๆที่ปลดล็อคตามเนื้อเรื่อง จะเลือกจ้างนักรบหน้าใหม่เกณฑ์พลเขามาปั้นใช้งานเองก็ทำได้นะ
แม้งานภาพกราฟิกที่ตัวเกมเลือกใช้จะเป็นลักษณะการ์ตูน 2D แต่มันก็เป็นภาพการ์ตูนสองมิติที่มีความสวยงามเต็มไปด้วยรายละเอียด แอนิเมชั่นท่วงท่าการเงื้อฟัน การขยับเคลื่อนไหวต่างๆ ไปจนถึงเอฟเฟกต์ตอนต่อสู้เวลาที่เหล็กกับเหล็กปะทะกันหรือตอนฟันแทงเข้าเนื้อ ทุกอย่างล้วนนำเสนอได้อารมณ์สมจริงตามมาตรฐานของทีมงาน วานิลลาแวร์ พอมาผสมผสานรวมเข้ากับศิลปะฉากหลังที่วาดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์และเสียงซาวด์ประกอบก๊อกแก๊กตามข้อต่อที่จะได้ยินทุกครั้งยามตัวละครสวมชุดเกราะเดินขยับแขนขาหรือย่อตัว มันจึงเป็นประสบการณ์ภาพและเสียงที่ชวนฟินสุดๆสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบโปรดปรานตีมอัศวินยุคกลางยิ่งนัก
งานหลักของผู้เล่นมิได้มีเพียงแค่การทำสงครามต่อสู้กอบกู้อาณาจักรเท่านั้น แต่ปัญหาทุกข์ร้อนของชาวบ้านชาวเมือง เราในฐานะเจ้าชายเชื้อสายกษัตริย์ก็ต้องใส่ใจดูแลเช่นเดียวกัน หากพบเห็นตัวละคร NPC มีเรื่องเดือดร้อนผู้เล่นสามารถเดินเข้าไปคุยเพื่อรับไซด์เควสต์จากพวกเขาได้ ซึ่งทุกกิจกรรมที่เราทำไม่ว่าจะเก็บวัตถุดิบไปส่ง ปลดแอกชาวเมือง ช่วยเหลือเหล่านักรบที่พบเจอระหว่างทาง ทุกอย่างจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงของกองทัพเราให้ขจรไกลเป็นที่รู้จักไปทั่วหล้า แถมยังได้รับของรางวัลตอบแทนเป็นแต้ม 'เกียรติยศ' (Honors) ที่สามารถเอาไปอัปเกรดกองกำลังของเราได้ โดยตัวเกมจะมอบออพชั่นสองทางเลือกมาให้เราว่า จะเลือกสร้างยูนิตเพิ่มขึ้นมาใหม่เน้นปริมาณเข้าสู้หรือจะเลือกเน้นคุณภาพขยายยูนิตเดิมให้มีช่องจุนักรบได้มากขึ้นเป็นการอุดรอยรั่วเสริมความแข็งแกร่งให้ยูนิตนั้นเก่งเทพไร้เทียมทาน ชอบแบบไหนเลือกได้เลย
และสิ่งสุดท้ายที่สร้างความแปลกประหลาดใจให้เราเป็นอย่างยิ่ง คือไม่อยากเชื่อเลยว่าเกมแนววางแผนแทคติคัลอาร์พีจีอย่างเกมนี้ มันจะบรรจุโหมด PvP มาให้เล่นด้วยในรูปแบบของ สนามโคลิเซียม ที่จะถูกปลดล็อคในภายหลังเมื่อเราเล่นตามเนื้อเรื่องไปถึงจุดหนึ่ง ซึ่งในสังเวียนอารีน่าแห่งนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะสู้แบบออนไลน์หรือสู้แบบออฟไลน์ แน่นอนว่าโหมดนี้มันเหมาะสำหรับผู้เล่นช่วงท้ายเกมที่มียูนิตเลเวลสูงๆแบบครบฟูลทีม เมื่อชนะเราก็จะได้รับเหรียญ Coliseum Coins เพื่อเอาไว้แลกซื้อของเด็ดๆในร้านค้า ถือเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นอยากปั้นอยากฟาร์มพัฒนายูนิตของตนให้แกร่งเทพขึ้นไปเรื่อยๆแบบไม่มีที่สิ้นสุด
"Unicorn Overlord นับว่าเป็นการยกระดับ JRPG แบบคลาสสิคให้ดูโมเดิร์นเข้ากับยุคสมัยใหม่ แต่ถึงอย่างไรเสียด้วยระบบการเล่นของเกมที่เป็นแนววางแผนการรบมิได้ออกแอ็คชั่นต่อสู้กันอย่างเมามันส์ จึงอาจไม่ถูกจริตแฟนคลับบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เติบโตมากับ Odin Sphere และรู้สึกติดอกติดใจใน Muramasa อย่างกระผม มิใช่ว่าเกมนี้มันแย่อะไรนะ การได้ฝึกใช้สมองคิดวางแผนจัดทัพทำสงครามมันก็ดี เพียงแต่อรรถรสความฟินยังไม่อินเท่าตอนที่เราได้จับผลงานเกมแอ็คชั่นที่เป็นแนวถนัดของพวกเขา มันก็เท่านั้นเอง"
เกมเพลย์ | 8 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 10 |
เนื้อเรื่อง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
ภาพรวม | 9 |
ข้อดี: เกมเพลย์กลยุทธ์แบบเรียลไทม์ฉับไวเข้าใจง่าย, สนุกไปกับการเลือกจัดวางตำแหน่งสร้างกองทัพในแบบฉบับของตัวเอง, ระบบแพ้ทางระหว่างยูนิตที่สุดล้ำลึก, ดนตรีซาวด์ประกอบเลิศหรูดีเยี่ยม, แอนิเมชั่นตอนปะทะต่อสู้โคตรสมจริง, ดีไซน์ตัวละครเสน่ห์ล้นเหลือโดยเฉพาะสาวๆที่อวบอิ่มเด้งดึ๋ง, นักรบหลากอาชีพมากมายหลายสิบตัวที่รอเข้าร่วมปาร์ตี้, มีโหมด PvP ชวนให้เราอยากพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ และเป็นประสบการณ์ที่ใกล้เคียง Fire Emblem ที่สุดแล้วของเหล่าแฟนบอย โซนี่
ข้อเสีย: แค่เดินผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยต้องเปิดศึกสงครามใหญ่โตบ่อยครั้งเข้าก็อยากเมินข้าม และทำได้แต่ยืนมองตัวละครสู้กันน่าใส่ระบบแอ็คชั่นให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมบ้าง
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท SEGA
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*