xs
xsm
sm
md
lg

Review: The Last of Us Part II Remastered การปัดฝุ่นทิพย์ ที่พอดิบกับราคาสิบเหรียญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แนวเกม แอ็คชั่นผจญภัยเอาตัวรอด
แพลตฟอร์ม PS5

เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป


เพื่อปลุกกระแสต้อนรับซีรีส์หนังคนแสดงซีซั่นสองที่จะออกฉายในช่วงปลายปี 2024 แถมต้องเว้นช่วงระยะห่างจากเวอร์ชันพีซีมิให้ออกชิดติดกันจนเกินไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเรื่องราวของสาววัยรุ่นเลือดร้อนถึงได้ถูกคืนชีพลงบนคอนโซลรุ่นใหม่อย่างไวหลังผ่านไปแค่ 3 ปี

สำหรับ The Last of Us Part II Remastered ชื่อก็บ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่านี่มิใช่การรีเมคสร้างใหม่แต่อย่างใด ดังนั้นในส่วนของเนื้อหาแคมเปญหลักจะยังคงเหมือนกับตัวเกมภาคต้นฉบับทุกประการ โดยเรื่องราวคร่าวๆของมันจะติดตามการผจญภัยของ "เอลลี่" (Ellie) ตัวละครเอกหญิงผู้โตเป็นสาวเต็มวัยที่ต้องออกเดินทางตามล่าล้างแค้นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ก่อเหตุโศกนาฏกรรมร้ายแรงจนเธอและเหล่าแฟนเกมทั่วโลกมิอาจทนรับมันได้ จึงบีบบังคับให้เธอต้องมุ่งเดินไปบนถนนเส้นทางแห่งความเคียดแค้นชิงชังจองเวรจองกรรมชนิดผีไม่ต้องเผาเงาไม่ต้องเหยียบ ยากที่จะรู้จักกับคำว่า 'ให้อภัย'

เอลลี่ สาวน้อยผู้มีภูมิคุ้มกันที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
อย่างที่เกริ่นไป เนื่องจากตัวเกมภาคต้นฉบับออกมาในช่วงท้ายปลายยุค เพลย์สเตชัน 4 ในขณะที่ตัวเกมภาครีมาสเตอร์นั้นเพิ่งออกมาในช่วงต้นยุค เพลย์สเตชัน 5 ด้วยระยะเวลาและเทคโนโลยีที่ห่างกันเพียงแค่ 3 ปีเศษๆ เรื่องภาพกราฟิกแม้ทีมงานจะเอื้อนเอ่ยว่ามันได้ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะแสงเงา แต่ในสายตาเรากลับแยกไม่ออกเลยว่ามันแตกต่างหรือสวยขึ้น ณ ตรงจุดไหน พยายามเพ่งพยายามมองเท่าไหร่สิ่งต่างๆตั้งแต่ฉากหลังยันใบหน้าตัวละครทุกอย่างล้วนอยู่ในเกณฑ์ระดับเดียวกับที่เราเคยสัมผัสเมื่อคราวก่อน สิ่งที่พอรู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่คงมีเพียงลูกเล่นฟีเจอร์บนตัวคอนโทรลเลอร์อย่าง Adaptive Trigger แรงต้านเวลาเหนี่ยวไก และระบบสั่น Haptic Feedback ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาในฉากคัตซีน-เกมเพลย์ บวกกับฉากโหลดในช่วงสตาร์ทเข้าเกมครั้งแรกที่รวดเร็วไวขึ้นจาก SSD แค่นั้นเอง

ภาพไม่ได้สวยขึ้นจากเวอร์ชัน PS4 เลยสักนิด

เอฟเฟกต์ไฟ พื้นผิวต่างๆเหมือนเดิมทุกประการ
Lost Levels หรือด่านที่ถูกตัดออกไปจากต้นฉบับจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ฉากเหตุการณ์ นั่นคือ Jackson Party งานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์กับผู้คนในเมืองแจ๊คสันช่วงต้นเกม, Sewers ฉากแก้ปริศนาหาทางไปต่อในท่อระบายน้ำที่มีกับดักน่าตกใจรอคอยคุณอยู่ และสุดท้าย Boar Hunt ฉากไล่ล่าหมูป่าในละแวกใกล้เคียงกับทุ่งฟาร์มช่วงท้ายเกมที่แอบแฝงแง่คิดบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นฉากเหตุการณ์เสริมสอดแทรกที่ไม่มีสาระสำคัญอะไรต่อเนื้อเรื่องหลัก แถมด่านที่ทีมงานหยิบยกมาให้พวกเราเล่นมันก็เป็นเวอร์ชันพรีอัลฟ่าที่ยังพัฒนาไม่เสร็จดีนัก แอนิเมชั่นยังไม่เนี้ยบ เสียงพากย์ NPC ก็ขาดหาย เกมเพลย์มีแค่เดินสำรวจปฏิสัมพันธ์ยังไม่มีระบบต่อสู้ที่ดูจริงจังเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้นจงอย่าคาดหวังว่าปริมาณและคุณภาพมันจะเหมือนกับเนื้อหาเสริม DLC โดยด่านที่ถูกลืมทั้ง 3 เหตุการณ์ดังกล่าว เราสามารถเข้าเล่นมันได้ทันทีผ่านหน้าเมนู 'เบื้องหลังการสร้าง' ไม่จำเป็นต้องทนเหนื่อยเริ่มเล่นแคมเปญทั้งหมดใหม่เพียงเพื่อลิ้มรสประสบการณ์ไซด์สตอรี่เศษเนื้อติดกระดูกเหล่านี้

ด่านที่ถูกลืมทั้งสามถูกแยกออกจากโหมดแคมเปญหลัก สามารถเข้าเล่นได้ทันที

ด่านปาร์ตี้แจ๊คสัน กับการละเล่นสวมบทเป็นคลิกเกอร์

เล่นไป ฟังคำบรรยายประกอบไป ทำไมถึงสร้างไม่เสร็จ

ฉากไล่ล่าตามรอยเลือดหมูป่าที่ทำมาแบบสั้นๆ
Guitar Free Play อีกหนึ่งโหมดใหม่ที่ถูกบรรจุยัดใส่เข้ามาในเกมภาครีมาสเตอร์ และคอนเซปต์ของมันก็ตรงตามชื่อเลย กับการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ดีดกีตาร์บรรเลงเพลงอย่างอิสระเสรีไปเรื่อยเปื่อยแบบไร้จุดหมายปราศจากเงื่อนไขหรือเวลาจำกัดใดๆ แค่จิ้มเลือกตัวละครโปรด เลือกกีตาร์ที่ชอบ เลือกบรรยากาศฉากหลังที่ถูกใจ แล้วก็นั่งเล่นดนตรีสดอยู่ตรงนั้นไปจนกว่าเราจะเบื่อหรือหมดอารมณ์สุนทรีย์ ซึ่งก็คล้ายกับการเล่นกีตาร์ในโลกความเป็นจริง เกมเมอร์ที่จะเพลิดเพลินเอ็นจอยไปกับโหมดนี้ได้คุณจำเป็นต้องรู้จักแต่ละคอร์ดแต่ละคีย์เป็นอย่างดีและมีทักษะพื้นฐานในการเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้มาก่อนบ้างแล้วในระดับหนึ่ง

โหมดเล่นกีตาร์อิสระ แต่ถ้าดีดไม่เป็นก็จบข่าว...
หัวใจสำคัญที่แท้ทรูของเกม The Last of Us Part II Remastered จริงๆแล้วมันอยู่ตรงที่ No Return โหมดสุ่มอุปสรรคสไตล์โร้กไลต์เล่นซ้ำได้ไม่รู้จบซะมากกว่า เพราะเพียงโหมดนี้โหมดเดียวก็ทำให้เราหายโกรธทีมงานคลายความสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องชาร์จเงินเพิ่มกับเกมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากจากเดิม โดยกฎกติกาการเล่นมันจะสุ่มสถานการณ์ขึ้นมาให้เราเคลียร์ เช่น กำจัดศัตรูมนุษย์ฝ่าย WLF ที่บุกมาเป็นระลอกหรือเอาตัวรอดจากพวกติดเชื้อ บางสถานการณ์เราอาจต้องบุกลุยเดี่ยว บางครั้งอาจมีเพื่อนคู่หู AI ยื่นมือมาช่วยเหลือ ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกของผู้เล่นว่าจะไปเส้นทางสายบนหรือสายล่าง แม็พๆหนึ่งใช้เวลาเล่นประมาณไม่เกิน 10 นาที ถ้าเลือกยิงบู๊สู้ปะทะกันตรงๆก็จะไวแปบเดียวจบ แต่ถ้าเลือกลอบเร้นย่องฆ่าทีละตัวก็อาจเสียเวลานานหน่อย เมื่อเล่นผ่านเราก็จะได้ทรัพยากรของรางวัลเป็นเหรียญเงินเอาไว้ซื้ออาวุธใหม่ๆ ได้อะไหล่ชิ้นส่วนไปแต่งปืน หรืออาหารเสริมไว้ปลดล็อคสกิลความสามารถต่างๆ ถือเป็นการอัปเกรดตัวละครให้แข็งแกร่งพร้อมเผชิญอุปสรรคในด่านถัดไปที่จะค่อยๆยากและน่าท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในแม็พสุดท้ายที่เราจะต้องดวลสู้กับบอสแบบตัวต่อตัว หากเราโค่นมันลงได้สำเร็จก็เป็นอันจบหนึ่งรอบโดยสมบูรณ์

โหมดใหม่สไตล์โร้กไลก์ ที่เราเป็นคนกำหนดเส้นทางเอง

ส่วนใหญ่ให้ลุยเดี่ยว

แต่บางครั้งอาจมีเพื่อน AI คอยช่วยเหลือ

เล่นจบไปทีละด่านเพื่อหาทรัพยากรมาอัปเกรดตัวละคร

ปรับแต่งปืนได้เหมือนในโหมดแคมเปญ

อัพตัวละครให้สุดเพื่อปราบบอสใหญ่ในด่านสุดท้าย เป็นอันจบรอบ
สำหรับตัวละครที่มีให้เลือกเล่นในโหมดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นตัวละครที่เคยปรากฏอยู่ในโหมดเนื้อเรื่องแคมเปญทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละตัวต่างก็มีอาวุธและความถนัดช่ำชองไม่เหมือนกัน เช่น เอลลี่ สามารถใช้ปืนพกเก็บเสียงแถมได้รับปริมาณอาหารเสริมมากกว่าคนอื่น, แอ๊บบี้ สาวใหญ่ร่างถึกผู้มีสกิลฮีลเลือดตัวเองในทุกครั้งที่สังหารศัตรูหรือโจมตีระยะประชิด, ดีน่า สาวผิวคล้ำผู้มาพร้อมสกิลคราฟต์ของสองเท่า, เลฟ เจ้าหนูหัวโล้นผู้ถนัดลอบเร้นใช้ธนูยิงปลิดชีพจากระยะไกล หรือจะเป็น ยาร่า สาวน้อยพลังมิตรภาพผู้มีคู่หูอย่าง เลฟ คอยติดสอยห้อยตามไปไหนไปกันตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆอย่าง เมล, โจเอล, ทอมมี่, เจสซี่ และ แมนนี่ มาให้เล่นอีกด้วยนะ เพียงแต่ต้องเล่นปลดล็อคทำตามเงื่อนไขที่ตัวเกมกำหนดเสียก่อน ซึ่งเงื่อนไขในการปลดล็อคนั้นเราสามารถกดเข้าไปดูตรวจสอบได้ที่หน้าเมนู 'ความท้าทาย' ที่จะบอกรายละเอียดเอาไว้มากมาย ไล่ตั้งแต่การปลดล็อคตัวละคร ลวดลายสกินพิเศษ บอสลับใหม่ กติกาการเล่นใหม่ ไปจนถึงตัวเลือกการปรับแต่งเกมที่จะช่วยให้การเล่นเคลียร์ในแต่ละรอบของเราแลดูมีสีสันไม่จำเจ

ตัวละครทั้ง 10 ที่มาพร้อมสไตล์การเล่นและความสามารถที่ไม่เหมือนกัน แต่เราชอบเธอคนนี้ที่สุด

เพราะมีเบ๊รับใช้คอยดึงดูดความสนใจของศัตรู สู้มันเพื่อน!

เมื่อมีเขาข้างกาย ทุกด่านจึงไม่เงียบเหงาอีกต่อไป นั่นแหละยิงมัน!

มีอะไรให้ปลดล็อคมากมายทั้งชุดสกินตัวละคร

ตัวปรับแต่งเกมเพลย์

กฎกติกาใหม่อย่างยึดพื้นที่และคุ้มกัน

ไปจนถึงเหล่าบอสหน้าใหม่ๆ
ส่วนใครที่เป็นผู้เล่นหน้าเก่าเคยซื้อตัวเกม The Last of Us Part II เวอร์ชัน PS4 มาแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องควักเงินจ่ายราคาเต็ม เพียงแค่เลือกอัปเกรดเพิ่มเงินอีก 10 เหรียญหรือประมาณ 400 บาท คุณก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาคอนเทนต์ใหม่ๆในเวอร์ชันรีมาสเตอร์ได้ทันที เทียบกันแล้วเราว่ามันคุ้มค่าและค่อนข้างแฟร์กับผู้บริโภคนะโดยเฉพาะโหมดโนรีเทิร์นที่ทำให้ผู้เล่นยังคงติดหนึบอินหลงใหลอยู่กับเกมต่อแม้ว่าจะเล่นแคมเปญจบแล้ว อารมณ์คล้ายโหมดเสริม Mercenaries ของเกม Resident Evil 4 ประมาณนั้นเลยแหละ แต่แอบห่วงกังวลอยู่เรื่องเดียวที่อาจทำให้เกมเมอร์หลายคนรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ นั่นคือการตั้งชื่อเกมที่ห้อยท้ายด้วยคำว่า "รีมาสเตอร์" ซึ่งในมุมองของเราการหยิบเอาเกมเดิมมาเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่หรืออะไรที่ถูกตัดไปควรเปลี่ยนใช้คำว่า Director's Cut พ่วงท้ายน่าจะเหมาะสมกว่า

ลูกค้าเก่าสบายกระเป๋า จ่ายเพิ่มเพียง 10 เหรียญเท่านั้น
"เมื่อลองพิจารณาคิดทบทวนไปมาถึงต้นตอจุดกำเนิดของโหมด No Return เราเชื่อว่ามันอาจมีความเกี่ยวเนื่องอะไรบางอย่างกับตัวโปรเจกต์ The Last of Us Online ที่ถูกประกาศยกเลิกไปกลางคัน เพราะเท่าที่ลองจับโหมดนี้มามันช่างเหมาะกับการเล่นร่วมกันหลายคนแบบ Co-op เอามากๆ ถึงแม้ในท้ายที่สุดแล้วมันจะไม่ได้ออกมาเป็นอย่างที่พวกเราคาดหวัง และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เรารู้สึกราวกับว่าตัวเกม The Last of Us Part II Remastered นั้นจุดประสงค์จริงๆของมันอาจไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อมุ่งหมายฟันกำไร แต่คล้ายเป็นสิ่งของแทนใจแทนคำกล่าวขอโทษของทีมงาน Naughty Dog ผู้ไม่สามารถชุบชีวิตฟื้นคืนประสบการณ์การเล่นสไตล์ Factions กลับมาให้เหล่าแฟนๆซีรีส์ได้สัมผัสกันอีกแล้วในชาติภพนี้"

ในเมื่อเล่นออนไลน์ไม่ได้ ก็ใช้ตัวละครนี้แก้ขัดไปแทนละกัน
เกมเพลย์10
เนื้อเรื่อง10
กราฟิก9
ความสดใหม่       7
ความคุ้มค่า8
ภาพรวม8.8

ข้อดี: เรื่องราวการแก้แค้นที่แฝงแง่คิดคติธรรม, เกมเพลย์เอาตัวรอดยอดเยี่ยมยืนหนึ่ง, แปลภาษาไทยมาให้ครบไม่มีผิดพลาดตกหล่น, ลูกเล่นจอย DualSense ช่วยเสริมสร้างความสมจริง, โหมดสุ่มสไตล์โร้กไลต์สนุกแปลกใหม่ทุกรอบเล่นซ้ำได้ไม่มีเบื่อ, ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับคนที่เลือกอัปเกรดเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย และถึงแม้เป็นเกมเก่าจากยุค PS4 แต่งานภาพยังคงสวยสะดุดตาไม่น้อยหน้าเกมใหม่ๆในปัจจุบัน

ข้อเสีย: คุณภาพกราฟิกไม่แตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับ, สามด่านที่ถูกตัดยังพัฒนาไม่เสร็จสมบูรณ์เหมือนใส่มาให้ดูเฉยๆ, มีเพียงโหมดโนรีเทิร์นเท่านั้นที่พอเป็นตัวชูโรงหลัก และจะมันส์กว่านี้มากหากได้เล่นออนไลน์ Co-op กับคนอื่น

สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)




*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*


กำลังโหลดความคิดเห็น