แนวเกม แอ็คชั่นผจญภัยโอเพ่นเวิลด์
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
จากหนังดังระดับบล็อกบัสเตอร์ของผู้กำกับ "เจมส์ คาเมรอน" สู่เกมแอ็คชันโอเพ่นเวิลด์ฟอร์มยักษ์สุดตื่นตา แม้อาจจะรู้สึกว่ามันดีเลย์โผล่มาช้าไปสักหน่อย
สำหรับตัวเกม Avatar Frontier of Pandora ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายนั้น มันจะเป็นเหมือนกับเรื่องราวไซด์สตอรี่ที่ดำเนินคู่ขนานคาบเกี่ยวไปพร้อมกับเวอร์ชันภาพยนตร์ โดยเนื้อเรื่องสตาร์ทเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนก่อนที่ "เจค ซัลลี่" จะเดินทางมาถึงดาวแพนดอร่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ RDA กำลังมองหาช่องทางในการสื่อสารเชื่อมความสัมพันธ์กับชนเผ่านาวี จึงได้จับตัวเหล่าเด็กน้อยลูกหลานชาวนาวีเผ่าหนึ่งมาทำการศึกษาและเลี้ยงดูฟูมฟัก ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปเหล่าเด็กน้อยชาวนาวีผู้เติบใหญ่เป็นวัยรุ่นต่างเริ่มสงสัยระแคงใจในอดีตของตัวเองและเริ่มกระด้างกระเดื่องขัดคำสั่งจนทำให้สุดท้ายเกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้นในศูนย์แห่งนี้ ด้วยความบาดหมางไม่พอใจที่หมักหมมบวกกับสถานการณ์อันตึงเครียด ณ ขณะนั้นที่ เจค ซัลลี่ ก่อการปฏิวัติแปรพักตร์ "จอห์น เมอร์เซอร์" หัวหน้าผู้ดูแลโปรเจกต์จึงคิดที่จะล้างบางโครงการทำลายหลักฐานทั้งหมดและนั่นรวมไปถึงพวกเราเหล่าโจ๋ชาวนาวีด้วย แต่เคราะห์ยังดีที่พวกเราสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ผ่านการหลับใหลอยู่ภายในหลอดแช่แข็ง
16 ปีผ่านไป เหล่าวัยรุ่นตัวฟ้าได้ถูกปลุกให้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในศูนย์ทดลองแห่งเดิมที่ปัจจุบันดูรกร้างทรุดโทรมไปเยอะหลังจากพวก RDA ได้ขนของอพยพหลบหนีออกไปจากดาวแพนดอร่าเมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยความโลภโมโทสันอันไร้ที่สิ้นสุดของมนุษย์กองกำลัง RDA จึงยกทัพกลับมาหมายที่จะทวงคืนอำนาจหวังยึดครองดาวดวงนี้ใหม่อีกครั้ง และนั่นเองเป็นเหตุให้ผู้เล่นในฐานะวัยรุ่นตัวฟ้านอกคอกต้องจับอาวุธเข้าต่อสู้ร่วมสงครามเพื่อรักษาดวงดาวบ้านเกิด ไปพร้อมๆกับการเริ่มต้นเรียนรู้วิถีชีวิตของชนเผ่าชาวนาวีที่แท้จริงซึ่งพวกเขาหลงลืมห่างหายจากมันไปนาน หรือพูดง่ายๆคือเกมนี้มันเป็นเรื่องราว Avatar 1.5 ที่เสริมสอดแทรกเข้ามาเพื่อเชื่อมรอยต่อเหตุการณ์ระหว่างหนังภาคหนึ่งกับหนังภาคสอง นั่นเอง
ดินแดนแพนดอร่าแถบตะวันตกที่ผู้เล่นจะได้เยี่ยมชมสำรวจ จะมีลักษณะเป็นแผนที่เปิดกว้างตามสไตล์เกมโอเพ่นเวิลด์ โดยแบ่งเขตพื้นที่ออกเป็นหลากหลายโซนแต่ละโซนก็มีภูมิประเทศและระบบนิเวศน์สิ่งมีชีวิตพืชพันธุ์ที่ต่างกันออกไป บางที่เป็นป่าดิบชื้น บางที่เป็นแอ่งลำธารน้ำตก บางที่เป็นหุบเขา หรือมีหินลอยอยู่บนฟ้าเป็นต้น นอกจากนี้ช่วงเวลาของวันรวมถึงสภาพอากาศฟ้าร้องฝนตกก็ยังส่งผลโดยตรงต่อทัศนียภาพและเหล่าพืชพรรณสัตว์ป่าที่ปรากฏ อย่างวิ่งเล่นในทุ่งหญ้ากลางแดดจ้าอยู่ดีๆ เราอาจเจอเข้ากับพายุฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาให้ตกใจเล่น หรือเดินล่าสัตว์เพลินๆจนพระอาทิตย์ตกดิน ต้นไม้ตามรายทางก็จะเรืองแสงส่องสว่างขึ้นมาเหมือนหลอดไฟนีออนกลายเป็นอีกโลกไปเลย เรียกได้ว่าทีมงานเก็บดีเทลรายละเอียดจากหนังมาใส่ไว้ในเกมอย่างครบครัน แถมเท่านั้นไม่พอด้วยขุมพลังตัวเอนจิ้น Snowdrop ของยูบิซอฟต์ ที่สามารถแสดงผลฟิสิกส์การพลิ้วไหวตามสายลมของพืชทุกต้นและหญ้าทุกใบภายในฉากได้แบบพร้อมเพรียงกัน จึงชวนให้เรารู้สึกราวกับว่าโลกแพนดอร่ามันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
จริงอยู่ที่ตัวละครหลักของผู้เล่นสามารถเดินทางไปไหนมาไหน เหนือ ใต้ ออก ตก ได้อิสระตั้งแต่ต้นเกม แต่ใช่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราควรทำทันทีเลยเนื่องด้วยตัวเอกนั้นเป็นชาวนาวีฝึกหัดผู้ยังไม่รู้จักวิธีสานสัมพันธ์กับสัตว์ขี่ ฉะนั้นการเดินทางสำรวจในช่วงครึ่งแรกของเกมจึงเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามเพราะเราต้องหวังพึ่งกำลังขาและกำลังแขนออกวิ่งปีนป่ายเอาเอง เจอหน้าผาสูงชันเข้าหน่อยก็แทบหมดสิทธิ์ อีกทั้งเขตพื้นที่โซนที่อยู่ห่างไกลมักเต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรงมีแต่ศัตรูเลเวลสูงๆไม่ปลอดภัยสำหรับตัวละครพลังเลเวลต่ำๆในช่วงแรกเริ่ม ซึ่งตัวเลขเลเวลค่าพลังสู้รบของเรานั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการสวมใส่อาวุธชุดเกราะที่ทรงพลัง ติดตั้งม็อดเสริมประสิทธิภาพ และปลดล็อคสกิลความสามารถใหม่ๆให้กับตัวละคร
เนื่องด้วยตัวละครเอกของเราเป็นชาวนาวีที่อาศัยอยู่กินกับมนุษย์มาตั้งแต่ยังเล็ก สไตล์การต่อสู้ของเขาหรือเธอจึงมีลักษณะออกไปในทางผสมผสานรวมท่วงท่าลีลาของสองเผ่าพันธุ์เข้าไว้ด้วยกัน เราสามารถเลือกใช้ได้ทั้งอาวุธธนูหลากรูปแบบทั้งยิงไกล ใกล้ กลางของชนเผ่านาวี รวมถึงอาวุธปืนหลายชนิดของทหาร RDA อาทิ ไรเฟิลจู่โจม, ลูกซอง ไปจนถึงลูกระเบิด โดยลูกศรแต่ละแบบนั้นเราสามารถคราฟต์ขึ้นมาเองได้จากกิ่งไม้และของป่าที่อยู่ตามธรรมชาติ ในขณะที่กระสุนปืนเราต้องตามหาเก็บจากซากศพหุ่นยนต์ศัตรูหรือกล่องยุทโธปกรณ์ของฝ่ายมนุษย์
เมื่อเป็นเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง การฮีลฟื้นฟูปฐมพยาบาลตัวเองในระหว่างการสู้รบอันดุเดือดจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการเอาชนะฟันฝ่าทุกอุปสรรคในเกมนี้ โดยตัวละครเอกผิวสีฟ้าของเรานั้นตอนที่ไม่ถูกโจมตี เขาสามารถฟื้นฟูเลือดหายจากอาการบาดเจ็บได้เองอัตโนมัติเหมือนกับเหล่าทหารในเกมยิงคอลออฟดิวตี้ แต่มีข้อแม้อย่างเดียวว่าเกจพลังงาน Energy สีม่วงที่อยู่ข้างใต้หลอดเลือดต้องมีหลงเหลือมากพอ เพราะหากพร่องหายขึ้นแจ้งเตือนเป็นสีแดงเมื่อไหร่ เลือดตัวละครก็จะหยุด Regenerate รักษาตัวเองจนสุ่มเสี่ยงถูกศัตรูยิงดับได้ ซึ่งวิธีง่ายสุดในการเพิ่มหลอด Energy ให้เต็มอยู่เสมอนั่นคือการกิน กิน และกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดเช่นผลไม้ที่ให้พลังงานเล็กน้อยหรืออาหารปรุงสุกจากวัตถุดิบชั้นยอดที่เพิ่มพลังงานมหาศาลแถมพ่วงบัฟพิเศษชั่วขณะหนึ่ง ล้วนสามารถเลือกหยิบควักขึ้นมารับประทานได้หมดต่อให้ตัวเรากำลังพัวพันอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบกระสุนพุ่งปลิวว่อนก็ตาม
สภาพแวดล้อมบนดาวแพนดอร่า มันมีทั้งสิ่งอันตรายให้โทษอย่างพืชพ่นพิษหรือพืชช็อตไฟฟ้าหากเผลอเข้าไปใกล้ซึ่งเราสามารถประยุกต์มันมาใช้เป็นเครื่องมือทุ่นแรงจัดการกับศัตรูได้ ในขณะที่บางสิ่งอาจให้คุณประโยชน์แก่ผู้เล่น เช่น พืชมอสตามพื้นที่ช่วยบูสต์เพิ่มสปีดความเร็วในการวิ่งหรือดอกเห็ดบานที่ช่วยให้ตัวละครกระโดดสูงขึ้นเหมือนเกมมาริโอ นอกจากนี้ในป่ามันยังมีพืชชนิดพิเศษลักษณะคล้ายดอกไม้สีชมพูที่หยั่งรากลึกเชื่อมโยงถึง "เอวา" ถ้าเราเอามือไปสัมผัสหรือจับเปียผมเชื่อมต่อเข้ากับมัน ตัวละครอาจได้เพิ่มค่าพลังชีวิตสูงสุดหรือเรียนรู้สกิลบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมาของชาวนาวี เมื่อเราเข้าใกล้พืชพิเศษเหล่านี้ตัวเกมจะแสดงมาร์คเกอร์ระบุทิศขึ้นมาบนจอ แล้วให้เรากดปุ่ม R1 เพื่อเรียกใช้สัญชาตญาณสอดส่องมองหาตำแหน่งที่ตั้งของมัน ซึ่งปุ่ม R1 ดังกล่าวเราสามารถกดใช้เพื่อมาร์คจุดศัตรู, ส่องหา NPC ผู้มอบเควสต์ หรือชี้เป้าจุดหมายปลายทางภารกิจที่เราต้องไปทำได้เช่นเดียวกัน โดยจะขึ้นโชว์เป็นรูปดวงไฟสีฟ้าปรากฏอยู่ไกลๆพร้อมกับร่องรอยกลิ่นนำทางไปหา ถือเป็นระบบหัวใจสำคัญที่มาช่วยอำนวยความสะดวกเวลาที่เราเดินหลงทางหรือล่าสัตว์-หาของป่า ถึงแม้หลายคนจะบ่นว่ามันดูยากน่าปวดหัวเกินไปหน่อยก็เถอะ
ตัวเกมเลือกใช้ ไซต์ก่อสร้างขุดเจาะของพวก RDA มาเป็นกำแพงเพื่อวัดฝีมือทดสอบระดับพลังของผู้เล่นอยู่เป็นระยะ ซึ่งฐานที่มั่นของศัตรูเหล่านี้มันเป็นเหมือนกับไฟต์บังคับเพราะถ้าหากเราไม่จัดการเคลียร์ บริเวณพื้นที่โดยรอบข้างเคียงก็จะยังคงเน่าเหม็นแห้งเหี่ยวเฉาตายจากมลภาวะของเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน ดอกไม้อัปเกรดไม่บาน พืชพันธุ์หนังสัตว์ก็ปนเปื้อนใช้งานไม่ได้ จนส่งผลทำให้เควสต์เนื้อเรื่องดำเนินไปต่อไม่ได้เลยทีเดียว และการบังคับเคลียร์ฐานที่มั่นนี้เองที่ทำให้เรามองเห็นจุดบกพร่องใหญ่หลวงของเกม ปัญหานั้นก็คือเกมเพลย์ Stealth ลอบเร้นที่ดีไซน์ออกมาได้ไม่ดีนัก แม้ตัวเราจะมีกับดักและธนูไร้เสียงให้ใช้งาน แต่ทว่าของเล่นแค่นั้นมันไม่เพียงพอเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับฝูงกองทัพหุ่นยนต์เสริมเกราะของฝ่ายมนุษย์ที่กระจุกรวมกันในฐานจำนวนมากราวกับอยู่ในเกม Armored Core ซึ่งเจ้าหุ่นพวกนี้แหละที่ทำให้เราสเตลท์แตกอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากยิงลูกศรดอกเดียวเข้าจุดบอดบางทีพวกมันอาจไม่ตาย จะควักธนูระเบิดออกมายิงก็เสียงดังเชื้อชวนให้พวกมันเรียกกำลังเสริม และเมื่อปืนทุกกระบอกหันจ่อมาที่เรามันก็ยากที่จะฮีลเลือดได้ทันจนสิ้นลมหายใจในท้ายที่สุด เอาจริงๆด้วยขนาดรูปร่างของชาวนาวีที่สูงถึง 12 ฟุตไม่มีพงหญ้าไหนที่สูงพอให้หลบซ่อน เราก็พอเข้าใจได้นะถ้าการลอบเร้นมันจะลำบากทุลักทุเลบีบให้เราต้องบู๊ลุยระห่ำแบบนี้ แต่สิ่งที่ตะขิดตะขวงใจเรามากมายนั่นก็คือทีมผู้พัฒนาเกมเขาไปจดจำฉากซีนในภาพยนตร์อวตารภาคไหนมากันนะ? ถึงได้กล้าให้ตัวละครเอกผิวสีฟ้าหนังไม่ได้หนาอย่างจระเข้นุ่งผ้าเตี่ยวฉายเดี่ยวเพียงลำพังบุกเข้าไปถล่มฝ่าย RDA ที่มีอาวุธครบมือทั้งกองพัน
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องที่ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกชวนอินฟินตามไปกับเนื้อหาของเกมสักเท่าไหร่ นั่นคือ 'ช่วงจังหวะเวลา' (Timing) ในการเลือกวางจำหน่ายตัวเกมที่เล่นออกหลังจากที่ภาพยนตร์ Avatar 2 ฉายมาแล้วประมาณหนึ่งปีซึ่งแฟนหนังและคอเกม ณ ขณะนี้ต่างก็มูฟออนไปอินกับนกน้ำและโลกใต้ท้องทะเลกันหมดแล้ว แต่เกมนี้โผล่ตามหลังเขาไม่พอทางทีมผู้พัฒนายังเลือกเอานก "อิกราน" บ้านๆที่แฟนๆเห็นกันจนชินชามาเป็นจุดขายหลักซ้ำเติมเข้าไปอีก คือตอนแรกที่เราได้ขึ้นขี่มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะเพราะช่วยประหยัดเวลาในการปีนป่ายหน้าผาไม่ต้องลงเดินสำรวจให้เมื่อยขา ทว่าฟีลอารมณ์ลุ้นเซอร์ไพร์สความประทับใจมันแทบไม่มีเลย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วเล่นขึ้นหน้าปกโชว์หราซะขนาดนั้น และเชื่อว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่หลายคนคงเคยสัมผัสประสบการณ์โบยบินบนหลังวิหคกันมาหมดแล้วจากเกม Horizon Forbidden West เรียกได้ว่าเกมนี้มันไม่มีคอนเทนต์อะไรที่อยู่ในกระแสนิยมของผู้คนในปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเล่นคุณจะยิ่งท้อเมื่อได้รู้ว่าที่ทนเหนื่อยมาทั้งหมดก็เพียงเพื่อให้เราได้เสพกิมมิคเก่าๆจากหนังอวตารภาคแรกเท่านั้นเอง
"Avatar Frontier of Pandora แม้มีหลายเรื่องที่ชวนตะหงิดไม่ได้ดั่งใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทีมผู้พัฒนาเพราะพวกเขาเพิ่งลองจับแฟรนไชส์นี้เป็นครั้งแรก ซึ่งเรามองเห็นศักยภาพของตัวเกมว่ามันน่าจะพอไปต่อได้อยู่โดยเฉพาะฉากหลังโลกแพนดอร่าที่สวยงามมีดีเทลรายละเอียดเยอะจัดใครได้เห็นเป็นต้องหลงใหล (ถ้าไม่หลงทางไปเสียก่อนนะ) เชื่อเหลือเกินว่าหากทีมพัฒนาน้อมนำคำวิจารณ์จากภาคนี้ไปปรับปรุงต่อยอดมันอาจกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกมที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นฟาร์ครายได้เลยเชียวแหละ และสุดท้ายนี้ที่เราอยากขอคือถ้าคิดจะทำเกมอวตารออกมาอีกละก็ ช่วยเร่งวางจำหน่ายมันก่อนหนังภาค 3 จะออกฉายได้มั้ย เจ้าประคุ๊ณ!"
เกมเพลย์ | 7 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 8 |
เนื้อเรื่อง | 6 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7.4 |
ข้อดี: โลกแพนดอร่าสีสันสวยสดเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ผู้คนสัตว์ป่ามีชีวิตชีวาน่าอยู่อาศัย, เลือกใช้อาวุธได้หลากหลายทั้งฝ่าย RDA-นาวี, แม็พแผนที่กว้างใหญ่มีอะไรให้สำรวจเยอะแยะ, กิจกรรมมากมายทั้งแฮคระบบ-ตกปลา-ล่าสัตว์-เก็บวัตถุดิบมาปรุงอาหาร, งานด้านดนตรีอย่างบิ๊วสำคัญ, เกมเพลย์คอมแบทสู้รบทั้งบนพื้นและกลางเวหาจัดว่าดีในระดับหนึ่ง, มีสกิลให้เลือกอัปถึง 5 สายแถมมีสกิลลับรอให้เราค้นพบ, นกอิกรานเหมือนเทวดามาโปรดพลิกวิธีการเดินทางช่วยเซฟก้านอนาล็อกที่ถูกใช้งานกดวิ่งมาอย่างหนักหน่วง และมอบประสบการณ์คล้ายกับเราได้เล่นเกม Far Cry ผสม Horizon
ข้อเสีย: ระบบนำทางชวนปวดหัวกุมขมับ, บรรดาเควสต์ปลีกย่อยที่พาเถลไถลไกลห่างจากเนื้อเรื่อง, ตัวเลือก Stealth มีไม่มากนักการลอบสังหารจึงทำได้ยากลำบาก, สัดส่วนตัวละครสูงสิบกว่าฟุตแต่มุดช่องลมของมนุษย์ได้, ให้ผู้เล่นเดินเท้าเปล่านานหลายชั่วโมงกว่าจะได้สัตว์มาขี่, มีแค่เราคนเดียวเปรี้ยวเฟี้ยวเงาะทั้งกองทัพ และคอนเทนต์ที่เอาท์เดตตามหลังภาพยนตร์อยู่หนึ่งก้าว
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท ยูบิซอฟต์
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*