แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Switch, PC
เรตเกม CERO: B เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
***มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ เพราะเกี่ยวพันกับจุดบกพร่องใหญ่ของเกม***
ผลงานแอ็คชั่นอาร์พีจีสร้างดัดแปลงจากการ์ตูนดังในดวงใจของใครหลายๆคน ที่พอดูมีแววเป็นเกมระดับ AAA ได้ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไม่ทำ
ตามชื่อไตเติ้ล Infinity Strash: DRAGON QUEST The Adventure of Dai มันคือการหยิบอนิเมะเรื่อง "ไดตะลุยแดนเวทมนตร์" ที่เพิ่งฉายจบไปบนช่องทีวีโตเกียว มาย่อกระชับสรุปใจความนำเสนอผ่านรูปแบบวิดีโอเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีที่ผู้เล่นสามารถบังคับควบคุมเหล่าตัวละครหลักต่อสู้ไปตามพล็อตเรื่องต้นฉบับ โดยเนื้อหาจะเหมือนกับเวอร์ชันอนิเมะทุกประการกับเรื่องราวการเดินทางของ "ได" (Dai) เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นฮีโร่ที่ถูกเลี้ยงเติบโตมาบนเกาะที่มีแต่มอนสเตอร์ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ช่วยชีวิตเจ้าหญิงเลโอน่าเอาไว้ อวานวีรบุรุษในตำนานจึงถูกส่งตัวมาเพื่อฝึกฝนเขาให้กลายเป็นนักรบเต็มตัว แต่ทว่าในระหว่างการฝึก ฮาดลาร์ จอมมารโจทก์เก่าได้ปรากฏกายเข้ามาขัดขวางจึงเป็นเหตุให้อาจารย์ อวาน ต้องยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องลูกศิษย์ ด้วยความโกรธปนโศกเศร้าจึงปลุกพลังสัญลักษณ์มังกรในตัวไดให้ฟื้นตื่นขึ้นมา และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยท่องโลกกว้างเพื่อชำระแค้นและช่วยเหลือผู้คนจากจอมราชันปีศาจ
เมื่อเปิดเกมขึ้นมา ผู้เล่นจะได้เผชิญหน้ากับ บารัน อัศวินมังกรผู้เป็นศัตรูสุดแกร่งที่เหมือนกับมาช่วยสอนระบบการบังคับพื้นฐานเบื้องต้นให้แก่ผู้เล่น ก่อนภาพจะตัดไปที่ตัวละครเอก ได ของเราเอามือกุมขมับรำลึกถึงอดีตความทรงจำย้อนวันวานว่าตนเคยผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักรบผู้กล้าในปัจจุบัน ถือเป็นเทคนิคอีกอย่างในการเล่าเรื่องเพื่อให้เราสตาร์ทเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์บนเกาะ Dermline
รูปแบบการดำเนินเกมจะเป็นลักษณะเข้าเล่นเคลียร์ไปทีละมิชชั่นเหมือนเกมสมัยโบราณ แบ่งออกเป็นมิชชั่นหลักรูปดาบ Story Quest ที่เราต้องต่อสู้กับศัตรูสำคัญๆตามท้องเรื่อง, มิชชั่นเสริมรูปธง Free Quest กำจัดมอนสเตอร์จิปาถะทั่วไปเน้นฟาร์มวัตถุดิบเก็บสะสมเลเวล และสุดท้ายมิชชั่นเล่าเรื่องรูปหนังสือ Adventure Quest ที่ตัดเอาภาพนิ่งบางส่วนจากอนิเมะมาทำเป็นฉากคัตซีนให้เรานั่งดูอยู่เฉยๆปล่อยจอยปล่อยใจให้แบตเตอรี่ไหลไปเรื่อยๆ
เกมเพลย์ตอนต่อสู้จะเป็นสไตล์แอ็คชั่นอาร์พีจีที่ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครออกท่วงท่าตีฟันได้แบบเรียลไทม์ ในขณะที่สกิลท่าไม้ตายต่างๆต้องรอเวลาคูลดาวน์เพื่อกดใช้มันอีกครั้ง ฝั่งศัตรูเองก็มีระบบที่คล้ายกับเกราะห่อหุ้มอยู่หากเราตีไปเรื่อยๆจนเกราะนั้นแตกมันก็จะสตันเปิดช่องว่างให้เราทำแดเมจอย่างรุนแรง มีปุ่มแดชให้กดเพื่อหลบหลีก มีปุ่มบล็อกสำหรับป้องกันความเสียหาย ดูไปพื้นฐานก็คล้ายๆเกมทั่วไปทั้งหลายที่เคยผ่านมือเรามา ติดตรงแค่ว่าแอนิเมชั่นการขยับเคลื่อนไหวในเกมนี้มันมีจังหวะดีเลย์มิได้ลื่นไหลทันใจวัยรุ่นนัก กดหลบไปทีนึงแล้วต้องรออีก 1 วินาทีถึงจะกดหลบได้อีกครั้ง ทำให้การกะจังหวะหลบหรือบล็อกแบบเพอร์เฟกต์นั้นถือเป็นงานยากหินเอาเรื่อง คือจังหวะคุณต้องเป๊ะจริงๆถึงจะหลบพ้นหรือปัดป้องได้สำเร็จ ซึ่งการทำแบบนั้นได้คุณต้องเล่นหลายรอบจนรู้ทุกกระบวนท่าของบอสแบบทะลุปรุโปร่ง ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจไปหรอกถ้าคุณเจอบอส ครอคโคไดน์ ครั้งแรกแล้วทำได้แค่บังคับตัวละคร ได วิ่งถอยห่างยิงเวทย์ไฟสลับกับปล่อยท่าสแลชโจมตีจากระยะไกล ไม่ได้คลุกวงในเข้าไปแลกซัดแหลกแบบดุเดือดเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นในอนิเมะ
ด้านตัวละครที่เราสามารถเลือกบังคับได้ภายในเกมมีด้วยกันอยู่ 4 ตัวละคร เรียงลำดับตามการปรากฏตัวคือ ได, ป๊อป, มาม และ ฮุนเคล ซึ่งในระหว่างการต่อสู้ผู้เล่นสามารถกดปุ่มเพื่อสลับเปลี่ยนตัวละครที่บังคับไปมาในปาร์ตี้ได้อย่างอิสระ และถือเป็นสิ่งที่ควรทำบ่อยๆเพราะสมองกล AI ของเพื่อนร่วมทีมมันไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นักไม่รู้จักคำว่าหลบหลีกเอาตัวรอดใดๆเลยก้มหน้าก้มตาโจมตีมันอย่างเดียว แถมการเปลี่ยนตัวละครบังคับก็นับเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเปลี่ยนสไตล์การเล่นของเราไปในตัว จากที่เคยบังคับ ได แปลงร่างระเบิดพลังตีฟันระยะประชิด ก็สลับมาควบคุม ป๊อป ยืนปักหลักยิงเวทย์จากระยะปลอดภัย หรือหากเลือดเหลือน้อยก็กดเปลี่ยนเป็น มาม ฮีลทั้งกลุ่มอะไรแบบนี้เป็นต้น
สกิลทักษะความสามารถทั้งหมดของตัวละคร ผู้เล่นสามารถเลือกปรับแต่งสวมใส่ติดตั้งและยกระดับความรุนแรงของแต่ละสกิลท่วงท่าได้ตามสไตล์เกมอาร์พีจี โดยวิธีการอัปเกรดเราต้องเข้าไปแวะเยี่ยมเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์ Temple of Recollection ที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่นอกโซนแผนที่ ซึ่งภายในสถานที่แห่งนี้จะเปิดโอกาสให้เราได้อัปเกรดทุกอย่างไล่ตั้งแต่ สกิลท่าไม้ตาย ไปจนถึงการ์ดความสัมพันธ์ที่ช่วยบัฟเพิ่มค่าพลังด้านต่างๆให้กับตัวละคร สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการอัปเกรดส่วนใหญ่มักได้รับมาจากการเล่นไปตามเนื้อเรื่องปกติ แต่มันก็มีของบางรายการที่อาจต้องใช้วัตถุดิบพิเศษในการแลกเปลี่ยน เช่น พวกการ์ดเสริมพลัง ที่เราต้องลงดันเจี้ยนในวิหารแบบสุ่มไปทีละชั้นกับความยากที่ค่อยๆไต่ระดับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหาเศษเสี้ยวดวงวิญญาณมาใช้อัปเกรดไพ่แต่ละใบ
ฉากคัตซีนที่ใช้บอกเล่านำเสนอเรื่องราว ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดการ์ตูนนิ่งที่มาพร้อมเสียงบรรยายประกอบ แต่ทว่าในบางโมเมนต์เราอาจได้เห็นฉากคัตซีนต้นทุนสูงที่ทำมาในลักษณะภาพยนตร์แอนิเมชั่นตัวละครขยับเคลื่อนไหวจริงๆเป็นบุญตาบ้าง โดยส่วนมากมักจะโผล่สอดแทรกขึ้นมาในเหตุการณ์ไคลแมกซ์สำคัญช่วงท้ายๆของแต่ละ Chapter เรียกว่ามีน้อยมาไม่บ่อย แต่มาทีก็ทำน้ำตาเราไหลพราก เพราะคุณภาพงาน CG ของมันดียอดเยี่ยมไม่แพ้อนิเมะหนังโรงฯเลยจริงๆ จึงค่อนข้างแอบเสียดายเล็กน้อยที่ทางค่ายต้นสังกัดไม่ยอมทุ่มทุนสร้างทำฉากแอนิเมชั่นแบบนี้ใส่มาให้ครบครอบคลุมตลอดทั้งเกม หากทำแบบนั้นได้เราเชื่อว่ามันคงช่วยกลบเกลื่อนระบบการเล่นอันย่ำแย่ช่วยพยุงตัวเกมให้ดูคุ้มค่าน่าสนใจมากกว่านี้
ตัวเกม Infinity Strash: DRAGON QUEST The Adventure of Dai นั้นมันไม่ได้หยิบยกเนื้อหาทั้งหมด 100 ตอนในอนิเมะมาให้เล่นแบบจบบริบูรณ์ หากเทียบกับอนิเมะต้นฉบับแล้วเนื้อเรื่องของเกมนี้เดินทางมาไกลสิ้นสุดถึงเพียงแค่เอพิโซด 41 ตอนที่ตัวเอกโชว์พลังของดาบใหม่ผ่าปราสาทเท่านั้นแล้วก็ตัดฉับจบเกมไปแบบดื้อๆ เรียกว่ายังเหลือเรื่องราวการผจญภัยของ "ได" ให้เล่าต่ออีกเยอะเกินครึ่งเลยด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าที่ทีมผู้พัฒนากั๊กเนื้อหาเว้นว่างไม่ไปต่อจนจบพวกเขาจงใจวางแผนปล่อยขาย DLC ภายหลังหรือกักตุนมันเอาไว้เพื่อทำภาคสองหรืออย่างไร ซึ่งดูจากกระแสตอบรับของแฟนๆแล้วน่าจะไปต่อยากลำบากทีเดียว กลายเป็นเกมที่ทั้งเล่นไม่สนุก เนื้อเรื่องก็เล่าไม่สุด แถมค่อนข้างสั้นจบได้ภายใน 10 ชั่วโมง (นับรวมเวลาฉากคัตซีนต่างๆเข้าไปด้วย) นี่ถ้าเป็นคนที่ดูอนิเมะรู้เรื่องมาหมดแล้วกด Skip ข้ามฉากคัตซีนพวกนี้ไปแบบรัวๆ ความยาวตัวเกมมันจะถูกหั่นหารสองสั้นกุดจนน่าใจหายเลยทีเดียว
"ไดตะลุยแดนเวทมนตร์ฉบับวิดีโอเกมนี้ หากมันเป็นเกมอินดี้ค่ายโนเนมทำที่ตั้งราคาขายไม่กี่ร้อย เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีแฟนคลับคนไหนออกมาบ่นก่นด่า แต่ด้วยชื่อเสียงของ สแควร์เอนิกส์ ที่ผ่านประสบการณ์สร้างสรรค์เกมใหญ่ๆระดับบิ๊กเนมมานับครั้งไม่ถ้วนบวกกับราคาขายของเกมนี้ที่เหมือนขูดรีดตบทรัพย์กันชัดๆ มันจึงต้องแบกรับคำสาปแช่งโดนประณามไปตามระเบียบ ถึงแม้ฉากแอนิเมชั่นและการกดปล่อยพลังท่าไม้ตายต่างๆมันจะดูหวือหวาอลังการขนาดไหน แต่เมื่อมองภาพใหญ่ซูมออกมายังไงมันก็ไม่ใช่เกมแพงระดับสองพันแน่ๆ"
เกมเพลย์ | 5 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 7 |
วิธีเล่าเรื่อง | 5 |
ความคุ้มค่า | 5 |
ภาพรวม | 5.8 |
ข้อดี: ฉากมูวี่ CG มีน้อยแต่มาทีชุ่มชื่นหัวใจ, ไม้ตายแต่ละท่าเวอร์วังอลังดี, ตัวละครทั้งสี่มีสายอาชีพ-สไตล์การเล่นที่ต่างกันชัดเจน, ดันเจี้ยนวิหารช่วยให้เราระบายความอัดอั้นหลังจบแคมเปญ และเก็บรายละเอียดได้ครบเหมือนดูอนิเมะ
ข้อเสีย: เป็นเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีต้นทุนต่ำเล่นผ่านมิชชั่นไปเรื่อยๆไม่มีความลึกซึ้งน่าดึงดูด, บาง Chapter แทบไม่ได้สู้นั่งดูคัตซีนยาวจนเกือบหลับ, การขยับหน่วงดีเลย์ทุกจังหวะไม่ว่าจะฟัน จะหลบ หรือแม้แต่กดใช้ไอเทม, บอสช่วงครึ่งหลังความโหดทะลุชาร์ตจนต้องปรับโหมด Easy, สหาย AI ร่วมปาร์ตี้หลบหลีกเอาตัวรอดไม่เป็น, เล่าเรื่องแบบแทงกั๊กเก็บไว้สร้างภาคต่อทำอารมณ์ค้าง, หลายซีนมักง่ายตัดเอาภาพจากอนิเมะมาวางแปะ และคุณภาพเนื้อหาโดยรวมที่เหมาะกับราคาแค่หลักร้อย
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโคBandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*