แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5, Xbox Series, PC
เรตเกม ESRB: T เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป
ผลงานแอ็คชั่นอาร์พีจีฟอร์มเล็กต้นทุนต่ำจากทีมผู้สร้าง Lords of the Fallen และ The Surge ที่หวังนำเสนอการปะทะต่อสู้กันด้วยพลังเหนือธรรมชาติอันรวดเร็วฉับไว แม้อะไรต่างๆจะยังไม่ลงล็อกเข้าที่เข้าทาง
พล็อตเนื้อหาของเกม Atlas Fallen นั้น บอกเล่ากล่าวถึงดินแดนทะเลทรายแฟนตาซีที่ถูกปกครองโดยเหล่าเทพจอมบิดเบี้ยวผู้กดขี่ใช้งานมนุษย์เยี่ยงทาส ซึ่งตัวละครอวตาร์ของผู้เล่นเขาก็เป็นมนุษย์นิรนามธรรมดาทั่วไป แค่บังเอิญวันหนึ่งชะตาฟ้าลิขิตให้เขาได้มาพบเจอกับ Ancient Gauntlet ถุงมือวิเศษโบราณทรงพลานุภาพที่มอบพลังเหนือมนุษย์ให้กับเขา ดังนั้นเพื่อการดึงขุมพลังของถุงมือออกมาใช้ปลดแอกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวเอกของเราจึงต้องออกผจญภัยตามเก็บชิ้นส่วนของถุงมือที่ขาดหายไปให้ครบ พร้อมกับใช้พลังใหม่ที่ได้รับมากำจัดศัตรูอสูรร้ายและเทพเจ้าทุกตนที่เข้ามาขวางทาง
ระบบการต่อสู้จะเป็นลักษณะเกมแอ็คชั่นแฮคแอนด์สแลชปล่อยท่วงท่าต่อคอมโบจากพื้นสู่เวหาได้ลื่นไหลแบบเรียลไทม์ สามารถกดสลับไปมาระหว่างปุ่มสี่เหลี่ยมใช้อาวุธหลัก กับปุ่มสามเหลี่ยมใช้อาวุธรอง ผสมผสานสร้างเป็นท่าโจมตีรูปแบบเฉพาะตัว โดยตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเลือกกำหนดติดตั้งอาวุธที่ชอบใส่ลงไปในแต่ละปุ่ม เช่น จะเอาหมัดคู่แส้ หรือ เอาแส้คู่ค้อนก็ได้ตามใจชอบ ในขณะที่การหลบหลีกจะใช้ปุ่ม R1 ส่วนปุ่ม L1 นั้นจะเป็นการเรียกใช้ทักษะ Stoneskin สร้างเกราะหินห่อหุ้มร่างกายขึ้นมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องกะจังหวะกดให้ดีๆถึงจะบล็อกการโจมตีได้สำเร็จ พร้อมกับแช่แข็งศัตรูให้หยุดนิ่งชั่วครู่เป็นโบนัสของแถมสำหรับการกดติดแบบเพอร์เฟกต์
เกจสีฟ้าที่แสดงอยู่ใต้หลอดเลือดของเรา นั่นคือเกจค่าพลัง "โมเมนตัม" (Momentum) อันถือเป็นเกจที่มีความสำคัญยิ่งเรียกว่าเป็นหัวใจหลักของเกมก็คงได้ เพราะถ้าหากปราศจากมันตัวละครของเราจะไม่สามารถใช้สกิลออกท่วงท่าอะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสกิลแบบ Active ก็กดใช้ไม่ได้หรือสกิลติดตัวแบบ Passive ก็จะไม่ส่งผลเอฟเฟกต์หากไร้ซึ่งพลังงานโมเมนตัม โดยเจ้าเกจโมเมนตัมสีฟ้านี้จะค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นในทุกครั้งเวลาที่เราโจมตีโดนศัตรูและจะค่อยๆลดลงเมื่อได้รับความเสียหายจากศัตรูหรือพร่องหายไปจนหมดเมื่อตัวเรานั้นไม่ได้อยู่ในระหว่างการสู้รบ ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวนี้เองจึงก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย อันดับแรกคือเราจะไม่สามารถเปิดฉากอัดสกิลที่มีถล่มใส่ศัตรูได้ในทันที ทุกการเผชิญหน้าไม่ว่าเจอกับมอนสเตอร์ตัวไหนเราต้องเริ่มต้นด้วยการกดฟันธรรมดาใช้ท่าคอมโบพื้นฐานแบบเดิมๆซ้ำๆแก้ขัดไปพลางๆก่อนจนกว่าหลอดสีฟ้าจะขยับเรืองแสงขึ้นมาถึงจุดที่สามารถใช้งานสกิลได้ มันจึงเป็นแอ็คชั่นต่อสู้ที่ดูจำเจไม่ปล่อยอิสระเท่าที่ควร
ปัญหาตามมาเรื่องที่สอง คือเกจโมเมนตัมดังกล่าวมีการแบ่งระดับออกเป็น 3 ขั้น ถ้าแถบสีฟ้าพุ่งขึ้นไปถึงช่องแรก เราจึงจะสามารถใช้สกิล Tier 1 ได้, ช่องสองก็สามารถใช้สกิล Tier 2 และหากขึ้นไปถึงช่องสุดท้าย เราก็จะได้ใช้สกิล Tier 3 ตามลำดับ ซึ่งการกำหนดกฎเกณฑ์ลักษณะนี้ทำให้บ่อยครั้งเราเผลอพลั้งสังหารศัตรูตายก่อนที่จะเก็บเกจโมเมนตัมได้ครบ อดใช้สกิล Tier 3 ที่อุตส่าห์ฟาร์มปลดล็อคมาไปซะอย่างนั้น หนำซ้ำยามกดใช้งานท่าโจมตีสุดยอดอัลติเมท L2 + R2 มันก็สูบเกจโมเมนตัมไปจนเกลี้ยงหมดหลอดอีก ชวนให้เราเกิดอาการสองจิตสองใจที่จะกดใช้มันเพราะไม่อยากเหนื่อยเก็บเกจโมเมนตัมใหม่ตั้งแต่ต้น ก็แอบสงสัยอยู่ว่าทีมพัฒนาเขาไม่พบเจอปัญหาเหล่านี้ตอนเทสต์ระบบหรืออย่างไร?
ศัตรูมอนสเตอร์ที่เราพบเจอ ตามร่างกายของพวกมันจะมีการแบ่งสีชิ้นส่วนเอาไว้ชัดเจน ชิ้นส่วนสีแดงหมายถึงจุดอ่อนที่เราต้องโฟกัสโจมตีเพื่อฆ่ามัน ในขณะที่ชิ้นส่วนสีทองคือจุดกักเก็บสมบัติที่หากเราตีทำลายได้ศัตรูก็จะดร็อปของมีค่า ซึ่งฟังดูเป็นไอเดียเข้าท่าน่าสนใจคล้ายกับระบบของเกมมอนฮันฯอยู่เหมือนกัน ทว่าน่าเสียดายด้วยความที่มันเป็นเกมทุนต่ำ ชนิดศัตรูจึงไม่ค่อยหลากหลายเท่าที่ควร แอนิเมชั่นการขยับเคลื่อนไหวก็แข็งๆ มุมกล้องก็สุดแกว่งศัตรูอยู่เป็นฝูงทีไรล็อคเป้าลำบากทุกที ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นตัวฉุดประสบการณ์เกมเพลย์ให้ร่วงดิ่งแบบไม่น่าให้อภัย
สิ่งดีที่น่าชมเชยของเกม คงเห็นจะเป็นสภาพแวดล้อมทะเลทรายโอเพ่นเวิลด์ในเกมที่ค่อนข้างเปิดกว้าง ปล่อยให้ผู้เล่นได้ไถตัวลื่นสไลด์ไปกับพื้นทราย ปีนป่ายหน้าผาขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของภูเขาหินได้ทุกก้อนอย่างอิสระ ถึงแม้บางโซนพื้นที่จะดูโล่งร้างว่างเปล่าแต่ก็พอมีอะไรให้สำรวจค้นพบอยู่บ้าง เป็นประสบการณ์เดินสำรวจทะเลทรายที่ชวนผ่อนคลายสบายอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง หากจะหาจุดติติงก็คงต้องขอตำหนิในเรื่องสเกลพลังของถุงมือเทพที่ติดอยู่บนแขนข้างขวาของตัวเอกนี่แหละ ที่ตัวเกมพยายามเป่าหูเรามาตลอดทางว่ามันเทพมันทรงพลานุภาพมีฤทธิ์เดชอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอกดเข้าไปดูในเมนูอัปเกรดอบิลีตี้ความสามารถของถุงมือ กลับพบเพียงแค่ท่าพุ่งแดชกลางเวหา สกิลยกวัตถุที่ถูกฝังกลบให้ผุดขึ้นมาเหนือผืนทราย กับสกิลความสามารถอื่นๆที่จะได้มาภายหลังอีกไม่กี่อย่างเท่านั้น เล่นไปก็แอบคิดในใจนี่หรือถุงมือเทพเจ้า!
อีกหนึ่งจุดที่สะท้อนบ่งบอกความเป็นเกมต้นทุนต่ำได้ชัดเจนสุด คือเกมนี้มันจะไม่มีฉากมูวี่ CG สวยๆยิ่งใหญ่อลังการถูกสอดแทรกเข้ามาให้เรารับชมฟินๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยภายในเกมจะถูกบอกเล่าผ่านภาพวาดนิ่ง 2D พร้อมกับมีตัวหนังสือคำบรรยายวิ่งให้อ่านอยู่ด้านล่าง ความดึงดูดน่าสนใจและอารมณ์ร่วมจึงถูกลดทอนลงไปมากสมควร นอกจากนี้งานด้านดนตรีประกอบและเสียงพากย์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ในเกณฑ์ระดับแค่พอใช้ ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเมื่อเทียบกับเกมทั่วๆไป และที่ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นเสียงเอฟเฟกต์ตอนจังหวะตัวละครกระโดด กลิ้งหลบ พุ่งแดช ตีวืด ตีโดน ทุบพื้น หรือได้รับดาเมจ ทีมงานยังมักง่ายเล่นใส่เสียงเอฟเฟกต์แบบเดียวเหมือนกันหมดทุกแอ็คชั่น หูของคุณจะได้ยินแต่เสียง "ฝวับ", "ฝวับ" และ "ฝวับ" เสียงเดิมหลอกหลอนเวียนวนซ้ำไปซ้ำมาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบเกมเลยทีเดียว
สำหรับใครที่เดินสำรวจทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไปคนเดียวแล้วเกิดอาการอ้างว้างรู้สึกเหงาๆ ตัวเกมยังบรรจุฟีเจอร์ Online Co-op ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถชวนผู้เล่นอีกคนเข้ามาร่วมจอยในเกมของเรา ออกท่องเที่ยวผจญภัยต่อสู้และร่วมแก้พัซเซิลไขปริศนาไปด้วยกัน ซึ่งเราว่ามันช่วยให้เกมเพลย์ดูสนุกครื้นเครงขึ้นมาระดับหนึ่งเลยนะ เพราะเกมนี้หากเล่นลำพังตัวคนเดียวมันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าเบื่อเอามากๆลองจับแปบเดียวอาจหมดไฟไม่อยากทนฝืนเล่นต่อ เนื่องจากตลอดทั้งเกมเราจะเจอแต่กลุ่มศัตรูหน้าเดิมๆซ้ำๆ กิจกรรมที่มีให้ทำก็มีแต่ปริศนาแท่งเสายิงลำแสงที่เราต้องพุ่งปรี่เช็คอินแท่งเสาแต่ละจุดให้ครบทันก่อนหมดเวลา เรียกว่ากิจกรรมเดียวแต่ถูกหยิบยกนำมารีไซเคิลใหม่ ใช้แล้ว ใช้อีก ใช้ซ้ำต่อไปเรื่อยๆแบบไม่มีวันจบสิ้นตลอดระยะเวลาการเล่นกว่า 30 ชั่วโมง
"แวบแรกที่ได้เห็นตัวอย่างเทรลเลอร์โปรโมทเกม Atlas Fallen ยอมรับว่าเราเองก็ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อในคำโฆษณา เพราะเห็นว่าทางทีมผู้พัฒนา Deck13 Interactive พวกเขาเคยผ่านประสบการณ์ทำเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีที่ได้รับคำชมมาบ้างแล้วอย่างเช่นเกม Lord of the Fallen และ The Surge ทั้งสองภาค แต่มาคราวนี้กลับผิดคาด ทั้งฉากแอ็คชั่น ลูกเล่นเกมเพลย์ การเล่าเรื่อง ไปจนถึงเควสต์ภารกิจ ทุกสิ่งมันดูเลวร้ายกว่ามาตรฐานเดิมของพวกเขาเหมือนไม่ตั้งใจทำ มันแย่มากเสียจนเราอยากย้อนกลับไปร่ายมนต์บนผืนทรายภายในเกม Forspoken เลยเชียวละท่านผู้ชม"
| เกมเพลย์ | 6 |
| กราฟิก | 7 |
| เสียง | 6 |
| การเล่าเรื่อง | 5 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 5 |
| ภาพรวม | 5.8 |
ข้อดี: แม็พทะเลทรายกว้างขวางสำรวจปีนป่ายกันจนเพลิน, สกิลเยอะแยะเรียงเป็นตับให้ได้ตามเก็บทดลองใช้, คุณภาพกราฟิกอยู่ในระดับที่ดีพอใช้ และฟีเจอร์ออนไลน์ Co-op ที่มาช่วยแก้เซ็งคลายเหงา
ข้อเสีย: อาวุธน้อยชนิดทั้งเกมมีแค่สามชิ้น, ระบบล็อคเป้าหมาย-มุมกล้องหวังพึ่งไม่ค่อยได้, แอนิเมชั่นติดๆขัดๆการขยับเคลื่อนไหวไม่สมูทแข็งกระด้าง, การเอาทุกอย่างไปผูกติดกับเกจโมเมนตัมเป็นไอเดียที่ผิดพลาด, กิจกรรมเดินตามแท่งลำแสงที่เวียนวนซ้ำซาก, เล่าเรื่องผ่านภาพนิ่งไม่ชวนอินไปกับเนื้อหา, เสียงเอฟเฟกต์เหมือนตีลมขาดความหนักแน่น และเป็นเกมอาร์พีจีที่ทำให้คุณรู้สึกเบื่อไวหมดไฟตั้งแต่ชั่วโมงแรก
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Ripples Thailand
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
