กลายประเด็นร้อนในโลกโซเชียล เมื่อร่างพรบ.ภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่ กำหนดให้ผู้พัฒนาเกมหรือผู้ผลิตสื่อต้องยื่นขอจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหา หากไม่ปฏิบัติตามอาจมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 5 ล้านบาท
ความเป็นมาของร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่นี้ จัดทำขึ้นเพื่อทดแทนพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฉบับเดิม ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมและเทคโนโลยีของภาพยนตร์และเกมในปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
สำหรับเนื้อหาสำคัญของพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่ คือการกำหนดให้ผู้พัฒนาเกมหรือผู้ผลิตสื่อในประเทศไทยต้องยื่นขอจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาต่อคณะกรรมการพร้อมชำระค่าธรรมเนียม ไม่ว่าเกมหรือสื่อนั้นจะจัดจำหน่ายในประเทศหรือนอกประเทศ อีกทั้งคณะกรรมการยังมีอำนาจในการสั่งแก้ไขหรือระงับการจำหน่าย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเกมนั้นมีเนื้อหาไม่เหมาะสม หากผู้พัฒนาเกมหรือผู้ผลิตสื่อไม่ปฏิบัติตามอาจมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 5 ล้านบาท
หลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่ได้เผยแพร่ออกมาก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราค่าธรรมเนียมนาทีละ 100 บาท ที่กลายเป็นภาระต้นทุนของผู้ผลิตที่ไม่จำเป็น (ภาพยนตร์ความยาว 2 ชม. ค่าธรรมเนียม 12,000 บาท เกมใช้เวลาเล่นจบประมาณ 10 ชม. ค่าธรรมเนียม 60,000 บาท) นิยามของภาพยนตร์และสื่อโฆษณาครอบคลุมถึงผู้ผลิตคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, YouTube, Tiktok หรือไม่? การมอบอำนาจให้คณะกรรมการสามารถสั่งแก้ไข ระงับการเผยแพร่ หรือการจัดจำหน่าย พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายในการเปรียบเทียบปรับ จำคุก จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต ถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อหรือไม่?
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดพรบ.ฉบับเต็มได้ที่นี่ และสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ https://www.law.go.th/ ซึ่งทุกความคิดเห็นจะนำไปสู่การแก้ไขร่างพรบ. เพื่อความเหมาะสมในอนาคตต่อไป
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับข่าวสารวงการเกมครับ*