แนวเกม แอ็คชันอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS4, Xbox One, Switch
เรตเกม ESRB: T เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป
การกลับมาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้วของสุดยอดเกมอาร์พีจีคลาสสิคแห่งยุคเจเนอเรชันเกมคิวบ์ ที่ให้อารมณ์คล้ายหยิบจับของเก่ามาขายมากกว่าปรับปรุงใหม่
เรื่องราวของเกม Tales of Symphonia Remastered ยังคงเดินตามรอยเวอร์ชันต้นฉบับ กับการเดินทางของผองคณะชาวแก๊งค์กอบกู้โลกที่นำโดย "ลอยด์ เออร์วิง" (Lloyd Irving) เด็กหนุ่มชุดแดงผู้ถนัดวิชาดาบคู่ที่ต้องออกผจญภัยคอยช่วยเหลือ "โคเลตต์ บรูเนล" (Colette Brunel) สาวน้อยผมทองเพื่อนสนิทผู้ถูกชะตาเลือกให้ทำภารกิจสุดสำคัญในการฟื้นฟูโลกที่กำลังเหี่ยวเฉาสูญสลายใบนี้ แน่นอนว่าเส้นทางของพวกเขาย่อมเต็มไปด้วยขวากหนามอุปสรรคแสนอันตราย แต่นั่นคงไม่เลวร้ายเท่าการได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันมีโลกถึงสองใบที่อยู่คู่ขนานและแย่งชิงดูดพลังงานจากกัน
ระบบการต่อสู้ในเกมจะเป็นรูปแบบ Multi-Line Linear Motion Battle System ที่ให้ตัวละครถอยหลังเดินหน้าเข้าหาศัตรูในรูปแบบสองมิติซ้าย-ขวา แต่ว่าเรายังสามารถขยับเดินขึ้นไปด้านบนหรือเดินลงมาด้านล่างได้ตามใจชอบ โดยแอ็คชั่นหลักๆที่ทำได้คือการโจมตีปกติ กระโดด หลบหนี กดใช้ท่าพิเศษ และตั้งการ์ดบล็อกการโจมตีของศัตรูซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในภาคนี้ ส่วนพวกตัวละครอื่นๆที่เหลือในปาร์ตี้สมองกล AI จะคอยช่วยบังคับควบคุมให้อัตโนมัติ แต่หากใครไม่ชอบก็สามารถเข้าไปเลือกเซตปรับตั้งค่าเองได้นะ อยากจะบังคับเองทุกอย่างก็เลือกเป็น Manual แต่ถ้าใครชอบความสะดวกสบายก็เลือกปรับเป็น Semi-Auto หรือไม่ก็เลือก Auto แบบเต็มสูบนั่งดูพวกมันสู้อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรก็ได้แล้วแต่ความถนัดเลย
ด้านระบบ Cooking เก็บวัตถุดิบมาปรุงอาหารเฝฟื้นฟูพลัง, ระบบติดตั้ง Ex Skills บัฟเสริมให้กับตัวละคร, การจัดแผน Strategy เลือกกำหนดบทบาทหน้าที่ตำแหน่งยืนในสมรภูมิ ไปจนถึงลูกเล่นการใข้ท่าไม้ตายโจมตีประสานแบบต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า Unison Attack ทั้งหมดล้วนยังอยู่ครบถ้วนคงเดิมเหมือนต้นฉบับ ซึ่งนั่นรวมถึงกล่องข้อความถ้อยคำสอนบรรยายระบบต่างๆภายในเกมด้วยที่ยังคงอธิบายด้วยตัวหนังสืออ่านแล้วงงชวนคลุมเครืออยู่เหมือนเก่า กว่าเราจะใช้เป็นใช้คล่องก็ต้องเสียเวลาเดาสุ่มกดมั่วลองผิดลองถูกกันไป (เมื่อไหร่พวกเขาจะแก้ไขเรื่องนี้สักทีเนี่ย)
มาถึงประเด็นสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจนั่นคือเรื่องของภาพกราฟิก ซึ่งเรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันเกมที่คุณเอามาเปรียบเทียบ หากเทียบกับเกมภาคต้นฉบับบนเครื่อง GameCube แน่นอนว่าตัวเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์จะแลดูสวยงามคมชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเอามันไปเทียบกับเวอร์ชันปรับปรุงภาพ HD ที่เคยลงให้กับเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 3 อย่าง Tales of Symphonia Chronicles หรือเวอร์ชันสตีม PC ที่ออกมาก่อนหน้านี้ คงต้องบอกว่าภาพฉบับรีมาสเตอร์นั้นมันดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันสักเท่าไหร่แทบจะเป็นเวอร์ชันเดียวกันด้วยซ้ำ อีกทั้งตัวเลขเฟรมเรตขณะเล่นก็ยังรันได้เพียงแค่ 30fps และเรายังคงต้องหยุดรอโหลดฉากทุกครั้งอยู่เหมือนเดิมเวลาย้ายข้ามโซนพื้นที่หรือเดินเข้าไปสำรวจภายในอาคาร เรียกว่ามิได้ใช้ประโยชน์จากขุมพลังฮาร์ดแวร์สมัยใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว
เนื่องด้วยมันเป็นเกมอาร์พีจียุคเก่าก่อนสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟีเจอร์อะไรต่างๆจึงค่อนข้างโบราณล้าหลังตามสภาพเทคโนโลยีในยุคนั้น อันดับแรกมันจะไม่มีระบบวาร์ป Fast Travel มาให้ มีเพียงแค่เดินทางไวขึ้นบนหลังสัตว์หรือนั่งยานพาหนะเท่านั้น อันดับสองมันจะไม่มีระบบเซฟอัตโนมัติ คุณจำเป็นต้องกดเซฟด้วยตัวเองทุกครั้ง และจุดเซฟในเกมนี้ก็มีหน้าที่เพียงแค่บันทึกข้อมูลการเล่นอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าอยากจะฟื้นฟูพลังชีวิต รักษาอาการผิดปกติ หรือคืนชีพให้กับสมาชิก คุณจำเป็นต้องใช้ไอเทม สกิลอบิลิตี้ หรือไม่ก็วนกลับเมืองไปคุยกับนักบวชหรือเสียเงินนอนค้างคืนในโรงแรมเอาเองแบบเกมดราก้อนเควสต์ ฉะนั้นในช่วงแรกๆที่คณะปาร์ตี้ของเรายังไม่มีตัวฮีลแรงๆ เราควรที่จะเลือกซื้อไอเทมเติมเลือด Apple Gel 🍎 ตุนไว้เยอะๆเผื่อเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องลำบากวิ่งเทียวไปเทียวมาระหว่างเมืองกับดันเจี้ยนให้เสียเวลา
พูดตามตรงตัวเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์นี้ เอาจริงๆมันก็มีสิ่งที่ถูกพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่นะ เพียงแต่มันมีน้อยนิดมากจนเราแทบไม่รู้สึก ยกตัวอย่างเช่น ฉากเดินเรือข้ามสมุทรที่ปรับปรุงการบังคับควบคุมเรือให้ดียิ่งขึ้น และการเพิ่มตัวเลือก Skip สามารถกดข้ามบางฉากอีเวนต์กับฉากสนทนาพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะที่ยืดยาวได้ ช่วยประหยัดเวลาได้มากสำหรับแฟนเก่าๆที่เคยเล่นภาคต้นฉบับมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรเสียใช่ว่าเราจะสามารถกดข้ามมันได้ทุกฉากหรอกนะ เพราะบางซีนก็ยังบังคับให้ผู้เล่นต้องฝืนทนดูอยู่เหมือนเคย นอกจากนี้เสียงพากย์ตัวละครเองก็ไม่ได้ทำมาแบบ Full Voice Over และในฉากอีเวนท์ Skit ที่เป็นรูปตัวการ์ตูนในช่องสี่เหลี่ยมพูดคุยกันก็มีแต่เสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่น ถ้าเรากดเลือกภาษาอังกฤษตัวละครจะเป็นใบ้ไม่ได้ยินเสียงอะไรหลุดออกจากปากพวกเขาเลย
พูดถึงเรื่องเนื้อหาความคุ้มค่า ชื่อไตเติ้ลก็บอกให้ทราบอยู่แล้วว่านี่มันเป็นการ 'รีมาสเตอร์' มิใช่ชุดรวมคอลเลคชัน ฉะนั้นจงเลิกหวังไปได้เลยว่าจะได้สัมผัสเรื่องราวภาคเสริมอย่าง Tales of Symphonia Dawn of the New World ที่เคยบรรจุแถมมาให้ในเกม Tales of Symphonia Chronicles เวอร์ชัน PS3 เพราะตัวเกมเวอร์ชัน PS4 นี้หยิบเอามาขายใหม่เพียงแค่ภาคแรกภาคเดียวเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาดูจากคอนเทนต์เนื้อหาที่ได้รับและสิ่งที่ทีมงานปรับปรุงใส่เพิ่มเข้ามา เราว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลกับราคาตั้งขายหลักพันต้นๆสักเท่าไหร่
"อาจพูดได้ว่า Tales of Symphonia Remastered มันเป็นอีกหนึ่งผลพวงจากขบวนการขายของเก่าของค่าย บันไดนัมโค ที่อยากให้กลุ่มแฟนรุ่นใหม่ๆได้มีโอกาสสัมผัสเหล่าเกมดังในอดีต แต่ติดตรงที่พวกเขาขาดความขยันทุ่มเทใส่ใจ โดยเฉพาะตัวเกมเวอร์ชัน นินเทนโด สวิตช์ ที่ประสบปัญหาเฟรมเรตสะดุดเล่นไม่ลื่นไหลเท่าต้นฉบับ ดังนั้นแพลตฟอร์ม เพลย์สเตชัน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสุดสำหรับใครก็ตามที่อยากลิ้มลองอาร์พีจีในตำนาน แต่สำหรับคนที่เคยผ่านมันมาแล้วคงไม่มีเหตุผลสมควรอันใดที่จะต้องหวนกลับมาเล่นมันใหม่อีกรอบ นอกเสียจากคุณจะชอบดริฟต์เรือเป็นชีวิตจิตใจ"
ดูภูมิใจในระบบเดินเรือแบบใหม่เสียเหลือเกินนะ - -"
เกมเพลย์ | 7 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 7 |
เนื้อหาคอนเทนต์ | 6 |
ความคุ้มค่า | 6 |
ภาพรวม | 6.6 |
ข้อดี: กราฟิกคมชัดระดับ HD, กดข้ามฉากคัตซีนได้, การบังคับควบคุมเรือที่ง่ายขึ้น และเรื่องราวที่ยังคงคลาสสิคสมเป็นตำนาน
ข้อเสีย: ตัวภาพไม่ได้อัปเกรดพัฒนาขึ้นมากจากเวอร์ชันพีซี, ขาดฟีเจอร์ของเกมอาร์พีจีสมัยใหม่, ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากขุมพลังคอนโซล, จอดำรอโหลดทุกครั้งที่เปลี่ยนฉาก, เสียงพากย์ใส่มาไม่ครบโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ, ปัญหาอาการกระตุกบนเครื่อง Switch และตั้งราคาสูงไปเมื่อเทียบกับเนื้อหา-สิ่งใหม่ๆที่ใส่เพิ่มมาเพียงน้อยนิด
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโค Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*