แนวเกม อาร์พีจีเลี้ยงมอนสเตอร์
แพลตฟอร์ม PC, Switch
เรตเกม ESRB: E เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป
เกมเก่าจากยุคสมัยเครื่องเล่นพกพา เพลย์สเตชัน วีต้า ที่เดินทางข้ามเวลาเพิ่งมาโผล่ให้ชาวสตีมได้สัมผัสกันในปี 2023 ท่ามกลางความฉงนสงสัยว่ามันหายไปอยู่ไหนตั้งนาน
สำหรับ Digimon World Next Order นั้นเชื่อว่าเหล่าแฟนๆสัตว์เลี้ยงดิจิทัลทุกคนคงเคยได้ยินชื่อคุ้นหูกันมานานแล้ว เนื่องจากตัวเกมได้ออกวางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่องพกพา PS Vita มาตั้งแต่ปี 2016 ก่อนที่ในปีถัดมามันจะถูกย้ายลงให้กับเครื่องคอนโซล PS4 ในเวอร์ชันปรับโฉมภาพกราฟิกให้ดูดีขึ้นเล็กน้อย และในเวอร์ชันพีซีที่เรานำมารีวิวกันในครั้งนี้ มันก็เป็นเวอร์ชันพอร์ตโดยตรงมาจากเครื่อง PS4 นั่นเอง
ตัวเกมจะให้เราเลือกสวมบทบาทเป็นหนึ่งในสองตัวละครเอก ระหว่าง "ทาคูโตะ" (เพศชาย) กับ "ชิกิ" (เพศหญิง) เด็กมัธยมผู้สมัยวัยเยาว์เคยมีใจรักชื่นชอบในดิจิมอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงทำให้เขาทั้งคู่ลืมเลือนสิ่งเหล่านั้นไปจนกระทั่งปัจจุบันพวกเขาได้กลับมาพบเครื่องเล่นดิจิมอนในวัยเด็กเข้าอีกครั้ง ทว่าแทนที่เขาจะได้เลี้ยงดูเจ้ามอนสเตอร์ผ่านหน้าจอจิ๋วแบบเมื่อก่อน หนนี้ตัวเครื่องมันกลับดูดผู้เล่นให้เข้าไปอยู่ในโลกดิจิทัลเวิลด์แทน สถานที่ซึ่งพวกเขาได้พบกับเหล่าผองพันธมิตรดิจิมอนที่พร้อมออกเดินทางผจญภัยร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน!
ในตอนแรกเริ่มนั้นเราจะมาตัวเปล่าๆยังไม่มีสัตว์เลี้ยงคู่กาย จึงจำเป็นต้องเปิดไข่ฟรี 2 ใบเพื่อสุ่มหามอนสเตอร์ตัวเริ่มต้น โดยเราจะไม่มีทางล่วงรู้ก่อนเลยว่ามอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ภายในไข่แต่ละใบจะเป็นสายพันธุ์ไหนหรือโตขึ้นมามันจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ต้องทนเลี้ยงเองไปสักพักถึงจะรู้ ซึ่งวิธีเลี้ยงดูพวกมันก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงในชีวิตจริง เมื่อไหร่ที่พวกมันหิวก็ต้องหาเนื้อเอาอาหารมาให้พวกมันกิน ปวดท้องก็พาไปเข้าห้องน้ำ บาดเจ็บก็หาพลาสเตอร์มาแปะ ง่วงก็ต้องพาเข้านอน หากเราดูแลดีไม่ขาดตกบกพร่องจะส่งผลทำให้อารมณ์และพัฒนาการของพวกมันดีขึ้น แต่ถ้าเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลยเอาแต่ต่อว่าดุด่า พัฒนาการของพวกมันก็จะย่ำแย่สวนทางจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ และความที่ภาคนี้เปิดโอกาสให้เราเลี้ยงดิจิมอนพร้อมกันถึงสองตัว ปริมาณอาหารที่ต้องให้กับจำนวนไอเทมที่ต้องใช้จึงดับเบิลคูณสองด้วยเช่นกัน
หากเป็นเกมอาร์พีจีทั่วไปเมื่อเสร็จสิ้นช่วง Tutorial สอนแนะนำระบบอะไรเสร็จ เราจะสามารถออกท่องผจญภัยโลกกว้างได้เลยทันที แต่สำหรับเกมนี้อันดับแรกคุณจำเป็นต้องเข้ายิมเพื่อเทรนฝึกฝนเหล่าดิจิมอนแบเบาะที่เพิ่งเกิดเสียก่อน และต้องหลับนอนใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์ฝึกจนกว่าพวกมันจะวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปร่างไปได้สักหนึ่งขั้นเป็นอย่างต่ำถึงจะสามารถออกไปต่อยตีกับใครเขาได้ โดยระบบแบทเทิลของเกมจะเป็นลักษณะอัตโนมัติยืนจ้องมองดู AI ดิจิมอนต่อสู้ห้ำหั่นกันเอง หน้าที่ของเราเป็นเพียงแค่โค้ชผู้คอยกำกับออกคำสั่งให้สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวใช้ท่าโจมตีพิเศษหรือผสานรวมร่างเข้าด้วยกันเท่านั้นเอง
จริงๆแล้วสภาพแวดล้อมฉากฟิลด์ในเกมนี้มันค่อนข้างเปิดกว้างให้ผู้เล่นเดินสำรวจได้อิสระแบบเกมโอเพ่นเวิลด์นะ แต่ทว่าหลายคนที่สัมผัสมันกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะว่าตัวเกมมีเส้นคั่นแบ่งระหว่างโซนพื้นที่เหมือนเอาด่านเล็กๆจำนวนมากมาเชื่อมต่อติดกันเป็นแม็พใหญ่ เวลาจะเดินข้ามไปยังโซนพื้นที่อื่นต้องรอให้มันโหลดสักแปบอารมณ์คล้ายกับเกมอาร์พีจีสมัยโบราณอย่างไฟนอลฯ 12 ถ้าเป็นเกมเมอร์รุ่นใหม่ก็อาจจะรู้สึกขัดใจนิดหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วภาพกราฟิกฉากหลังและโมเดลตัวละครต่างๆในเกมก็ดูล้าสมัยเหมือนเกมที่หลงหลุดมาจากยุค PS2 เพราะทั้งแตกเหลี่ยมหยักและเท็กซ์เจอร์พื้นผิวก็ไม่ได้ละเอียดคมชัดอะไรนัก คือเมื่อ 7 ปีก่อนภาพเคยเป็นยังไง 7 ปีผ่านไปภาพก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่ได้มีการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้สอดรับกับตัวฮาร์ดแวร์สมัยใหม่เลยสักนิดเดียว
ด้านเครื่องพีซีที่หยิบมาทดสอบก็ยังคงเป็นเครื่องสเปคเดิมจากทาง AMD ประกอบไปด้วย ซีพียู AMD RYZEN 5 5500, เมนบอร์ด ASUS TUF GAMING A520M-PLUS, การ์ดจอ ASUS TUF RX 6500 XT GAMING 4GB GDDR6, แรม G.SKILL SNIPER-X 16GB BUS3600 และติดตั้งเกมลงบนหน่วยความจำ SSD M.2 WD ขนาดความจุ 500GB ซึ่งสเปคที่ว่ามานี้สูงเพียงพอและเกินกว่าสเปคแนะนำของเกมหลายเท่าตัว เอาจริงๆเฟรมเรตน่าจะพุ่งทะลุเกิน 200 ได้นะ แต่ทว่าตัวเกมเลือกใช้วิธีล็อคเฟรมเรตเอาไว้ในระดับคงที่ ฉากมูวี่คัตซีนจำกัดไว้ที่ 100fps และเกมเพลย์ตอนเล่นจำกัดไว้แค่ 60fps โดยอัตโนมัติแบบไม่ถามความสมัครใจ จะว่าไปแล้วออพชั่นตัวเลือกกราฟิกในเกมก็แทบไม่มีอะไรให้ปรับเลยนอกจากความละเอียดของภาพที่ปรับได้สูงสุดแค่ 1920x1200 ฉะนั้นยิ่งบ้านใครใช้จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่หรือจอกว้างระดับอัลตร้าไวด์ ภาพที่ได้ก็จะยิ่งคุณภาพแย่แตกเบลอไปกันใหญ่
มิใช่แค่เพียงเรื่องภาพเท่านั้นที่ดูแย่ การบังคับควบคุมด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดเองก็ทำออกมาลวกๆเหมือนไม่อยากรองรับ ราวกับทีมผู้พัฒนาต้องการให้เราเสียบคอนโทรลเลอร์เล่นอย่างเดียว Quality of Life ในเกมก็ขาดตกบกพร่อง ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่างออโต้เซฟก็ไม่มี ภารกิจเป้าหมายที่ตัองทำก็ไม่ระบุให้ชัดเจนว่าต้องไปที่ใด ระบบแดชวิ่งเร็วในฉากฟิลด์ก็ไม่มี พอถูกมอนสเตอร์จับได้แต่ไม่อยากสู้ กดหนีออกมาตัวเรากลับไปโผล่ไกลที่จุดเริ่มแทนที่จะอยู่ตรงจุดเดิมที่พบมอนสเตอร์ และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเชยล้าสมัยน่าหงุดหงิดปวดจิตปวดใจ ดูแล้วคล้ายกับว่าทีมพัฒนาพวกเขาไม่มีความตั้งใจหรือใส่ใจในการพอร์ตลงพีซีสักนิดเลยเหมือนแค่ก็อปวางเฉยๆเป็นอันจบ พูดแล้วก็ชวนน่าโมโหและน่าผิดหวังในเวลาเดียวกัน
"หากพูดถึงกระแสความนิยมของ 'ดิจิมอน' ต้องบอกว่ามันฮิตในหมู่ผู้เล่นแค่บางกลุ่ม มิได้แพร่หลายรู้จักในวงกว้างเหมือนกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่าง 'โปเกมอน' อาจเพราะด้วยลุคดีไซน์มอนสเตอร์ของมันที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานมากเกินไป โตมาแล้วต้องดูเท่ปราดเปรียวสูงยาวเข่าดีปานนายแบบนิตยสาร ไม่น่ารักน่ากอดเหมือนตอนวัยเยาว์ บางตัวเมื่อโตเต็มวัยอาจสูงใหญ่กว่าเราที่เป็นคนเลี้ยงด้วยซ้ำ นั่นคงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนหันไปสนใจซีรีส์คู่แข่งมากกว่า แต่นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะประเด็นหลักจริงๆคือตัวเกมมันทำออกมาได้ไม่มีคุณภาพมากเพียงพอ และในเมื่อทีมผู้พัฒนาเขาไม่ให้ใจมา เราเองก็ไม่ควรไปใส่ใจให้ค่าอะไรกับมัน"
เกมเพลย์ | 4 |
กราฟิก | 4 |
เสียง | 7 |
Performance | 7 |
ความคุ้มค่า | 4 |
ภาพรวม | 5.2 |
ข้อดี: เกมเพลย์เลี้ยงดูมอนฯชวนรำลึกถึงอดีต, กินสเปกต่ำโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปก็เล่นได้ และดนตรีซาวด์ประกอบที่ฟังแล้วติดหูมิรู้ลืม
ข้อเสีย: เสียงร้องดิจิมอนโหวกเหวกแสนน่ารำคาญ, การบังคับควบคุมผ่านเมาส์-คีย์บอร์ดอย่างแย่, ตัวเกมดูโบราณปราศจากฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสมัยใหม่, กราฟิกอย่างหยาบเล่นบนจอใหญ่ภาพยิ่งแตก, ตัวเลือกออพชั่นปรับแต่งมีเพียงน้อยนิด และราคาไม่สมเหตุสมผลกับเกมเก่าที่ไม่ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใดๆ
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโค Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*