แนวเกม ชูตติ้ง FPS
แพลตฟอร์ม PS5, Xbox Series, Switch
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
การรีเทิร์นรอบสองของเกมยิงสไตล์ภาพวาดคอมิค ที่หวังแก้มือจากความผิดพลาดเมื่อสองปีก่อน ซึ่งถึงแม้ปัญหาต่างๆจะได้รับการปรับปรุงแก้ไข แต่มันก็ยังไม่คลิกโดนใจอยู่ดี
สำหรับเกม XIII Remake ที่ถูกนำกลับมาวางจำหน่ายใหม่บนเครื่องคอนโซลยุคปัจจุบันนี้ จะว่าไปมันก็ไม่เชิงเป็นภาครีเมคหรอกนะ เพราะอันที่จริงตัวเกมเคยถูกนำมาปัดฝุ่นวางขายลงให้กับเครื่องเจนฯเก่าอย่าง PS4 และ Xbox One มาก่อนหน้าแล้วเมื่อปี 2020 ทว่า ณ เวลานั้นด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บวกกับปัญหามรสุมภายในของทีมพัฒนา ผลงานรีเมคของพวกเขาที่หลายคนเฝ้ารอคอยจึงออกมาพิการไม่ค่อยสมบูรณ์ดีนัก พบบัคข้อผิดพลาดหลายจุด จนฉุดให้คะแนนและเสียงตอบรับร่วงดิ่งเหว แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความตั้งใจของค่าย Microids ที่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมาจากแฟนๆด้วยการตั้งทีมงานใหม่ขึ้นมาแก้ไขสิ่งที่ทีมงานเก่าได้ทำไว้แล้วขายตัวเกมใหม่อีกรอบ ดังนั้นถ้าจะพูดให้เป๊ะก็คงต้องเรียกตัวเกมภาคนี้ว่า เวอร์ชันอัปเดตของภาครีเมคอีกทีหนึ่ง ถึงจะถูก!
อย่างที่เกริ่นไปว่า มันคือตัวเกมฉบับปรับปรุงแก้ไขบัค ทางด้านสตอรี่การดำเนินเรื่องราวจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปยังคงความยาวเท่าเดิม 13 Chapters บอกเล่าติดตามการผจญภัยไขความจริงของตัวละครเอกหนุ่มสายลับความจำเสื่อมที่ใครๆต่างก็เรียกเขาด้วยชื่อเลขรหัสโรมัน XIII ผู้ถูกคลื่นซัดมานอนเกยตื้นอยู่ริมชายหาดโดยไม่รู้ว่าตนไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ รู้เพียงแค่ว่าตนมีทักษะการต่อสู้ติดตัวและใช้อาวุธปืนได้อย่างคล่องมือ ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่านักฆ่าและพวก FBI ที่ต่างก็ไล่ล่าต้องการตัวเขาเหมือนๆกัน โดยเนื้อหาของเกมจะยึดตรงตามหนังสือคอมิคในชื่อเดียวกันที่ทางผู้แต่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Bourne Identity แต่มันก็แค่ช่วงต้นจั่วหัวเท่านั้นเองที่เหมือนกับหนังของ "แมตต์ เดมอน" เพราะเมื่อคุณเล่นถลำลึกลงไปมันจะเริ่มส่งกลิ่นอายสายลับ James Bond โชยแรงขึ้นมาเตะจมูก
หากยังจำกันได้ ตัวเกมเวอร์ชันต้นฉบับสมัยยุคเครื่อง PS2 กราฟิกจะเป็นลักษณะภาพการ์ตูนเซลเฉดแบนๆ 2D ดีเทลรายละเอียดมีไม่ค่อยเยอะส่วนใหญ่มักเป็นฉากพื้นที่โล่งกว้างชวนอ้างว้าง แต่พอมาเป็นเวอร์ชันรีเมคทิศทางงานอาร์ตฉากหลังและตัวละครดูจะเป็นสามมิติมากยิ่งขึ้น เน้นแสงเงาสาดส่องแลสมจริง เปลี่ยนเอฟเฟกต์ไฟ-ระเบิดใหม่ เพิ่มเติมอัดใส่วัตถุสิ่งของประดับฉากลงไป แต่ก็ยังคงรักษามนต์เสน่ห์ความเป็นการ์ตูนเอาไว้อยู่เหมือนเดิม อย่างเช่นวิธีการเล่าเรื่องแบบแบ่งช่องเฟรมตามสไตล์คอมิค มีการสอดแทรกภาพให้เห็นอากัปกิริยาของศัตรูเวลาโดนยิง หรือตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่จะเด้งขึ้นมาตามเสียงที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าเดินเต๊าะแต๊ะ ประโยคบทพูดของตัวละคร หรือมีสิ่งของอะไรแตกหัก ซึ่งคอนักอ่านการ์ตูนอเมริกันทั้งหลายน่าจะชอบ แถมการกลับมาหนนี้ทีมงานก็ได้ทำการบ้านปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของเฟรมเรต จึงทำให้ฉากแอ็คชั่นการดวลต่อสู้กันออกมาดูสมูธลื่นไหลไม่มีสะดุด ถือว่างานด้านภาพและการแสดงผลสอบผ่านไม่มีจุดใดให้ตำหนิ
แม้งานภาพจะสวยงามดูน่าหลงใหล แต่ด้วยความที่มันเป็นเกมเก่าที่ถูกเอามาปรับภาพใหม่เท่านั้นโดยไม่แตะต้องเกมเพลย์ใดๆเลย เวลาเล่นคุณจึงรู้สึกว่าลูกเล่นกิมมิคอะไรต่างๆมันค่อนข้างเชยล้าสมัยไปแล้วไม่ค่อยอินเทรนด์ยึดโยงกับโลกความเป็นจริงสักเท่าไหร่ ขอยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆเลยก็คือ วิธีทำให้ศัตรูสลบด้วยการใช้เก้าอี้ฟาดเนี่ยนะ? ซึ่งตามหลักแล้วเวลาเราเอาของชิ้นใหญ่ฟาดลงไปกลางหลังมากสุดก็ทำได้แค่ฝากรอยแผลฟกช้ำดำเขียวเอาไว้เท่านั้น แทนที่เราจะใช้ด้ามจับปืนฟาดลงไปยังตำแหน่งท้ายทอยอย่างแม่นยำแบบนี้มันน่าจะได้ผลเวิร์คกว่าแถมเสียงก็เงียบเชียบกว่าด้วย หนำซ้ำการออกแบบด่านภารกิจที่เป็นเส้นตรงทุกอย่างถูกเซตบังคับให้ต้องทำสิ่งนั้นด้วยวิธีนี้โดยที่เราไม่มีสิทธิ์เลือกเส้นทางเดินอิสระได้เลย รวมไปถึงเหล่าบรรดาศัตรู AI เองที่มีพฤติกรรมเดิมๆคาดเดาง่าย พบเห็นศพเพื่อนนอนอยู่ก็ได้แต่วิ่งสลับไปมาซ้ายทีขวาที จึงทำให้เราไม่มีเหตุผลแรงจูงใจอยากที่จะลอบเร้นหลอกล่อหยอกเล่นกับมัน สู้เปิดฉากยิงบู๊ไปตรงๆเลยดูจะสนุกตื่นเต้นเร้าใจกว่า
แต่ความโบราณก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ด้วยความที่มันเป็นเกมยิงยุคเก่าที่ให้เราเล่นเคลียร์จบไปทีละมิชชั่น ทุกครั้งที่เริ่มต้นขึ้นภารกิจใหม่มิชชั่นใหม่สิ่งของทุกอย่างในตัวละครทั้งอาวุธปืน กระสุน และกล่องปฐมพยาบาล ก็จะถูกรีเซ็ตใหม่หมดเช่นกันโดนโละลบทิ้งเหลือแค่ตัวเปล่าๆเหมือนย้อนกลับไปตอนที่เราเพิ่งเปิดเกมเล่นครั้งแรก ซึ่งเรื่องนี้มันจะไม่เป็นประเด็นปัญหาเลยถ้าหากว่ามิชชั่นภายในเกมมันไม่ได้แบ่งซอยถี่ยิบย่อยราวกับจุดเช็คพอยท์ ถึงแม้ว่าเราเพิ่งจะมุดออกมาจากท่อ เพิ่งปีนลงบันไดเสร็จ หรือยังต่อสู้อยู่ในฉากสถานที่เดิมแท้ๆ แต่ถ้าตรงนั้นมันเป็นจุดสิ้นสุดมิชชั่นเก่าเพื่อเริ่มต้นมิชชั่นใหม่ ของทุกอย่างที่เราอุตส่าห์เก็บสะสมมามันก็จะอันตรธานหายไปในทันที พอมาผสมกับการที่ตัวเกมปราศจากระบบอัปเลเวล ไม่มีอะไรให้อัปเกรดหรือปลดล็อค มันจึงเป็นประสบการณ์เกมเดินหน้ายิงที่ดูไม่มีจุดหมายปลายทาง อีกทั้งยังจืดจางขาดตอนไร้ความต่อเนื่อง
ข้อได้เปรียบเพียงเรื่องเดียวของชาวคอนโซล นั่นคือตัวเกมจะบรรจุฟีเจอร์ช่วยเหลือในการเล็งหรือที่เรียกว่า Aim Assist มาให้ได้เลือก เพราะอย่างที่หลายคนทราบกันดี ระบบการบังคับควบคุมและการยิงกระสุนให้เข้าหัวโดนตัวเป้าหมายในเกมนี้นั้นมันค่อนข้างลำบากทุลักทุเล ไหนจะเรื่องเหล่าศัตรู AI ที่ขยันม้วนหน้าตีลังกาหลบเป็นนักกีฬายิมนาสติก (แค่ยืนนิ่งๆเราก็ยิงมันยากอยู่แล้ว ยังจะกลิ้งอีก!!) แต่พอมีฟีเจอร์นี้เข้ามาช่วยแค่เรากดเล็งเท่านั้นเป้าครอสแฮร์ก็จะดูดติดตามตัวศัตรูทันที กลิ้งไปทางไหนก็หนีกระสุนของเราไม่พ้น กลับกลายเป็นเล่นง่ายยิงแม่นมันส์สะใจสไตล์คอลออฟดิวตี้ไปเลย ดังนั้นเมื่อเปิดเกมขึ้นมาสิ่งแรกที่คุณควรทำคือแวะเข้าเมนูออพชั่นไปเปิดใช้งาน Aim Assist เสียก่อนจะได้ไม่หัวร้อนภายหลัง ก็ไม่รู้ทำไมฟีเจอร์ดีๆแบบนี้ทางทีมผู้พัฒนาถึงได้อายปิดซ่อนมันไว้เป็นค่าเริ่มต้น เราเองก็งงไม่เข้าใจเหมือนกัน
ในส่วนของโหมดการเล่นมัลติเพลยเยอร์ ตัวเกมจะมีให้เลือกทั้งแบบ Online ต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆทั่วโลก และแบบ Local แบ่งหน้าจอแข่งขันกันเอง ทว่าน่าเสียดายที่กฎกติกามันมีให้เล่นเพียงแค่ Deathmatch แย่งกันเก็บเกราะเก็บปืนในฉากแล้วเอามายิงกัน นับแต้มคิลใครฆ่าได้ถึง 13 ศพก่อนก็ชนะไปเท่านั้นเอง ไม่มีภารกิจชิงธง ยึดจุด หรือเพิ่มบอทมาเติมเต็มเป็นสีสันได้เหมือนกับต้นฉบับ แต่ก็นะปัญหาเหล่านี้จริงๆแล้วมันเป็นแค่เรื่องเล็กขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับการที่เราต้องนั่งรอการจับคู่ผู้เล่นที่ยาวนานจนเผลอหลับ สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยังไม่เจอใครสักคน อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยอ้าวแล้วเรารู้ได้ไงว่าโหมดต่างๆมันเล่นยังไงในเมื่อจับคู่ไม่เจอใคร ก็ขอสารภาพตามตรงแบบไม่อ้อมค้อมเลยละกันว่าเราก็ไปเสิร์ชหาข้อมูลไปดูคลิปเขามาอีกทีนั่นแหละ (ทำไงได้ละ ก็มันไม่มีใครหลงซื้อเกมนี้มาเล่นกันเลยนี่หน่า -*-)
"มรสุมดราม่าของเกม XIII Remake ในเวอร์ชันปี 2020 จริงๆมันไม่ได้มีแค่เรื่องบัคที่หลายคนบ่นกันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสไตล์ภาพที่เปลี่ยนไป เกมเพลย์เล็งยิงที่ไม่ได้ดั่งใจ และโหมดการเล่นที่ให้มาจำกัดจำกี่ จนอาจพูดได้ว่านี่เป็นหนึ่งในผลงานรีเมคที่มีคุณภาพต่ำตมที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเกมเพราะทุกสิ่งดูด้อยค่ากว่าเกมต้นฉบับในแทบทุกมิติ ดังนั้นการหยิบนำเกมยอดแย่ที่ประสบปัญหาบัคกลับมาแก้ไขปรับปรุงเฉพาะแค่เรื่องบัค ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ยังคงเป็นเกมแย่ๆอยู่เหมือนเก่าแต่แค่ไม่เจอบัค ซึ่งนั่นอาจยังไม่ดีพอที่จะกอบกู้เรียกเสียงศรัทธากลับคืนมาจากแฟนๆ"
เกมเพลย์ | 6 |
พล็อตเนื้อหา | 7 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 6 |
โหมดออนไลน์ | 5 |
ความคุ้มค่า | 5 |
ภาพรวม | 6 |
ข้อดี: ภาพการ์ตูนที่กลายเป็น 3 มิติแม้หลายคนจะไม่ชอบแต่มันก็ดูโอเคสวยอยู่, เรื่องราวทฤษฎีสมคบคิดชวนน่าตามติด, ระบบ Aim Assist เสมือนนางฟ้ามาโปรดช่วยชีวิตชาวคอนโซล และพบบัคน้อยลงมากแทบไม่โผล่มาให้เห็นเลย (แต่ใช่ว่าจะไม่มี)
ข้อเสีย: ระยะขอบเขตท่าจับ-เทคดาวน์ศัตรูโคตรประชิด, เป็นเกมสายลับที่การกราดยิงดันสนุกกว่าการลอบเร้น, ลูกเล่นกิมมิคต่างๆดูเชยเก่าล้าสมัย, AI สมองลิงขยันกลิ้งวิ่งพล่านไปมา, ระบบเล็งยิงแสนเฉื่อยชาน่าปวดหัว, ภารกิจแบ่งซอยสั้นขาดความต่อเนื่องของหายทุกครั้งที่เริ่มมิชชั่นใหม่, ไร้ระบบอัปเกรดตัวละครหรือปลดล็อคของใดๆ, โหมดออนไลน์เงียบเหงาราวป่าช้า และราคาขายที่แพงไปสำหรับตัวเกมเวอร์ชันอัปเดต
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Ripples Thailand
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*