xs
xsm
sm
md
lg

Review​: Fobia - St. Dinfna Hotel โรงแรมมีรู ส่วนยูมีกล้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แนวเกม ผจญภัยสยองขวัญ
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป


ผลงานเกมผจญภัยกระตุกต่อมหวีดจากทีมพัฒนาอินดี้สัญชาติบราซิล Pulsatrix Studios ที่มีหลายองค์ประกอบคล้ายกับซีรีส์ไบโอฯ แต่ก็มีอีกเยอะหลายเรื่องที่ยังไม่ลงล็อคเท่าไหร่

สำหรับเนื้อเรื่องภายในเกมนั้น มันจะพาเราก้าวขาเข้าสู่ Treze Trilhas เมืองห่างไกลอันเป็นสถานที่ตั้งของ St. Dinfina Hotel โรงแรมร้างที่มีข่าวลือหนาหูมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของแขกผู้เข้าพัก รวมถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆ ด้วยความหวังอยากจะพิมพ์ตีแผ่เรื่องราว หนุ่มนักข่าวมือสมัครเล่นอย่าง "โรแบร์โต ไลต์ โลเปซ" ตัวละครเอกของผู้เล่นจึงมุ่งหน้าเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ ตามคำเบาะแสเชื้อเชิญของหญิงปริศนารายหนึ่งนาม "สเตฟานี่"

เหยี่ยวข่าว โรแบร์โต ขับรถเดินทางมายังโรงแรมหลอน

เพื่อตามเบาะแสคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับ
แน่นอนว่าเมื่อมาถึง สิ่งต่างๆมันจะเริ่มดูเพี้ยนผิดไปจากปกติตามสูตรสำเร็จของเกมแนวสยองขวัญ ซึ่งผู้เล่นจำเป็นต้องงัดทักษะการสืบสวนที่มีออกมาใช้เพื่อคลี่คลายไขความจริงและเปิดเส้นทางไปต่อข้างหน้า รวมถึงเอาชีวิตตัวเองให้รอดปลอดภัยจากอุปสรรคอันตรายและพ้นจากเงื้อมมือของศัตรูลัทธิคลั่งปริศนาที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรหรือใครกันแน่ ท่ามกลางบรรยากาศห้องโถงอึมครึมมืดมัวแสงไฟสลัวๆที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เข้าไว้ด้วยกัน

จู่ๆ ผนังห้องน้ำก็มีรู (ไม่ได้เจ้าชู้ รูของหนูหนะพี่ขอดู)

แถมยังโดนตัวประหลาดไล่ล่าอีก
เหมือนกับเกมสยองขวัญทั่วๆไป รูปแบบการเล่นของมันจะเน้นให้เราเดินสำรวจ เปิดเก๊ะ ค้นลิ้นชัก ส่องไฟฉายคลำหาของไปเรื่อยเปื่อย เพื่อเสาะหากุญแจ คีย์การ์ด หรือไอเทมที่จำเป็นในการปลดล็อคเส้นทางไปต่อ ระหว่างทางก็อาจจะมีตัวประหลาดโผล่มาให้ช็อกตกใจอยู่บ้าง บางครั้งอาจต้องวิ่งหนีและบางทีอาจต้องยิงต่อสู้ฝ่าออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ดูโดดเด่นแตกต่างคงเห็นจะเป็นไอเทม กล้องถ่ายรูป ที่เป็นมากกว่ากล้องแชะถ่ายภาพธรรมดา เพราะเมื่อเราหยิบมันขึ้นมาแล้วส่องไปที่ผนังกำแพงอันมีสัญลักษณ์รูปมือแปะอยู่ เราก็อาจจะได้เห็นช่องทางลับที่สามารถเดินทะลุผ่านได้หรือสิ่งของอะไรที่ถูกซุกซ่อนอยู่ นับเป็นการเล่นกับมิติเวลาสร้างความแปลกใหม่ให้กับเกมแนวสำรวจไขปริศนาแบบเดิมๆได้อย่างดี

เน้นตระเวนค้นลิ้นชักคุ้ยหาของสำคัญ

อาจได้กุญแจมาไขประตู

นานๆทีถึงจะได้ยิงสักนัดนึง

เห็นสัญลักษณ์มือเมื่อไหร่ จงหยิบกล้องขึ้นมาส่อง!

เพื่อเปิดเส้นทางลับที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หากใครได้ลองสัมผัสเชื่อว่าทุกคนต้องเอ่ยปากร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่มันคือเกมหลอนที่มีซีรีส์ Resident Evil เป็นต้นแบบ โดยเฉพาะภาคเจ็ดที่เหมือนโคลนก๊อปปี้ลอกกันมาแบบเป๊ะๆสำเนาถูกต้อง ทั้งในเรื่องของมุมกล้องบุคคลที่หนึ่งมองผ่านสายตาตัวละคร, ระบบช่องใส่สัมภาระ ที่เราต้องคอยบริหารจัดการเนื้อที่ไม่ให้มันเต็ม สามารถกดเช็คกดใช้ไอเทม ผสมรวมร่างของสองสิ่งเพื่อสร้างเป็นสิ่งใหม่ประหยัดพื้นที่ไปในตัว, มีห้องเซฟรูมไว้บันทึกข้อมูลการเล่นโดยใช้นาฬิกา Pocket Watch แทนหมึกพิมพ์, มีกล่องลังสินค้าสำหรับพักฝากของ หรือแม้กระทั่งพล็อตการดำเนินเรื่องที่ให้เราสวมบทชายหนุ่มผู้ต้องมาเสี่ยงตายเพราะเสียงผู้หญิงตามสายผ่านโทรศัพท์ (เหมือนยันเงากันเลยทีเดียว)

บันไดใหญ่ตรงกลางเดินขึ้นไปมีทางแยกซ้ายขวา ชัดเลย

บันทึกข้อมูลการเล่นผ่านนาฬิกา จะเซฟบ่อยแค่ไหนก็ได้นะ

ระบบ Inventory จัดของในกระเป๋า (อย่าเรียกว่าไลค์ ให้เรียกว่าลอก)

ซวยเพราะเสียงผู้หญิง เหมือนกันเด๊ะ
ในตอนแรกที่เปิดเล่นไอ้เราก็ตกใจว่าทำไมแค่เกมอินดี้ฟอร์มเล็กถึงทำให้เครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 5 ของเราอุณหภูมิสูงร้อนฉ่า แม้ว่าจะเพิ่งเล่นไปได้แค่แปบเดียวเอง พอลองเสิร์ชข้อมูลในเน็ตเท่านั้นละก็ถึงกับตะลึง เพราะเอนจิ้นที่ตัวเกมเลือกใช้นั้นมันคือ Unreal Engine 5 เอนจิ้นเทพเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของเอปปิก ดังนั้นเรื่องพื้นผิวสิ่งของวัตถุ แสงกระทบ เงาสะท้อน ลามไปถึงเอฟเฟกต์น้ำไหลและไฟลุก จึงออกมาดูงดงามระดับพรีเมียมเทียบชั้นสู้กับเกมแถวหน้าฟอร์มใหญ่เกรด AAA ได้สบาย แต่ก็มีแอบเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อยตรงที่ตัวเกมไม่ใส่ฟีเจอร์ HDR มาให้ เวลาอยู่ในฉากมืดๆจึงแทบมองอะไรไม่เห็น ครั้นจะไปเลื่อนแถบแกมม่าในเมนูออพชั่นให้สว่างขึ้นทุกอย่างก็กลับกลายเป็นขาวโพลนไปหมด อีกทั้งโมเดลตัวละคร NPC รวมถึงมือแขนขาของตัวละครเอกก็ไม่ค่อยเน้นหนักให้ความสำคัญ ดูเป็นตัวละครการ์ตูนลอยโดดออกมาจากฉากพื้นหลัง รู้อยู่หรอกนะว่าเขาไม่ได้โผล่มาให้เจอบ่อยๆและเราเองก็คงไม่ได้เห็นใบหน้าตัวเอกแบบจังๆ แต่ช่วยตั้งใจทำมันให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ?

พื้นผิววัตถุอย่างงาม

ควันไอน้ำพวยพุ่งก็ดูเยี่ยม

เปลวไฟ น้ำไหลทะลัก

อ้าว แล้วไหงทำไมใบหน้าเฮีย ถึงเป็นแบบนี้

ฉากมืดนี่ก็มืดจริงๆ ราวกับคนตาบอด

จะปรับความสว่าง มันก็ขาวไปซะหมด (แถมไม่ช่วยอะไร)
อีกหนึ่งสิ่งที่ชวนหงุดหงิดใจคงเป็นเรื่องการบังคับควบคุมตัวละคร ที่ค่อนข้างงุ่มง่ามเงอะงะไม่กระฉับกระเฉงอย่างที่ควรจะเป็น ทุกครั้งที่เราดันอนาล็อกขยับเดินหนึ่งก้าว ศีรษะของตัวละครก็จะผงกเอียงโยกตามหนึ่งที ซึ่งมนุษย์คนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นนักร้องฮิบฮอบหรือจิ๊กโก๋ชอบกวนบาทาใคร เวลาก้าวเท้าย่ำเดินหัวของเขาจะไม่ได้ส่ายอะไรมากนัก ต้องมีการเกร็งคอจัดระเบียบร่างกายกันบ้าง มิใช่ปล่อยฟรีอิสระเป็นตุ๊กตาหัวโยกหน้ารถแบบนี้ ถามว่าแล้วมันเป็นปัญหาตรงไหน? ตอนเดินตอนวิ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ตอนก้มมองหาของหรือเปิดดูลิ้นชักนี่สิที่กวนใจเราอย่างถึงที่สุด เพราะกว่าจะขยับเข้าขยับออกให้ไอคอนปฏิสัมพันธ์ปรากฏตรงจุดที่เราต้องการมันก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ไหนยังต้องมาต่อสู้กับมุมกล้องที่พร้อมโยกส่ายสะบัดตามศีรษะอีก บางทีขาหยุดเดินแล้วแต่หัวเรายังขยับอยู่เลย ส่งผลให้เวลาเปิดลิ้นชักผั่งซ้ายก็อาจแฉลบพลาดไปเปิดฝั่งขวาได้ อยากหยิบของชิ้นบนก็อาจเผลอไปจับของชิ้นล่างแบบนี้ เป็นอะไรที่ชวนหัวเสียหัวร้อนเอามากๆ

ต้องรอสักพักให้หัวหยุดขยับก่อนจับ มิเช่นนั้นอาจหยิบพลาด
เมื่อเช็คดูขนาดไฟล์ของมันจะเห็นว่าตัวเกมไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแค่ไม่กี่กิ๊กเท่านั้น อีกทั้งเกมเพลย์เองถ้าเล่นจริงจังแบบรู้ทางไปมันไม่น่าจะเกิน 4 - 5 ชั่วโมงก็จบแล้ว แต่ติดตรงการไขปริศนาหาทางไปต่อนี่แหละที่ทำให้การเล่นของเราดูยืดเยื้อยืดยาวกว่าขนาดของเกม ทั้งที่เนื้อหาภายในมันมีทั้งฉากบู๊แอ็คชั่นต่อสู้ยิงปืนและฉากวิ่งหนีใส่ตีนผีที่ทำออกมาได้ระทึกตื่นเต้นดี แต่ทีมพัฒนากลับเลือกที่จะโปะหน้าทาทับด้วยสิ่งต่างๆที่น่าเบื่อชวนหาว อย่างการตามหากุญแจไขเปิดประตูที่ไม่รู้จะใส่มาทำไมเยอะแยะนักหนา เปิดบานนี้เสร็จเพื่อไปเจออีกบานและอีกบานเรื่อยไปแบบไม่มีหยุดพัก หรือการกรอกใส่รหัสเปิดลูกกรงเหล็กปลดล็อคตู้เซฟตู้แล้วตู้เล่าไม่จบไม่สิ้นสักที คืออยากจะบอกว่าใส่มาเป็นสีสันได้นะ แต่ไม่ควรอัดแน่นจนคนเล่นรู้สึกเหนื่อยหน่ายกลายเป็นน่ารำคาญ ซึ่งด้วยระบบป้องกันภัยอันแน่นหนาถามหารหัสผ่านทุกสิบนาทีนี้เองที่ทำเรารู้สึกว่ากำลังเอาชีวิตรอดไขปริศนาอยู่ใน ธนาคาร มากกว่า โรงแรม ตามชื่อเกม

ภาษาในเกมเป็นโปรตุเกสทั้งหมด แต่มีคำอังกฤษแปลให้ไม่ต้องห่วง

พอได้รหัสแล้วก็เอามากรอกใส่ซะ

เวร กล่องนี่ก็ดันล็อค

เมื่อตะกี๊สีแดง คราวนี้สีฟ้าอีก...ไอ้#$@&%
"พูดจากใจเลยนะ Fobia - St. Dinfna Hotel มันเป็นหนึ่งในเกมอินดี้ที่พอดูจากตัวอย่างเทรลเลอร์แล้วเราคิดว่ามันน่าเล่นมากๆและกระสันอยากที่จะรีวิว แต่พอได้มาลองจับเล่นจริงๆอารมณ์ตื่นเต้นเหล่านั้นกลับหดหาย เหมือนผู้พัฒนาไปโฟกัสผิดจุดหยิบเอาเครื่องเคียงของแถมในเกมสยองขวัญมาเสิร์ฟเป็นเมนูจานหลัก และถึงแม้ว่าการเดินตามรอยเงาความสำเร็จของใครคนอื่นมันจะให้ความรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย แต่เมื่อมุกเดิมๆถูกนำมาใช้บ่อยๆมันก็สุ่มเสี่ยงที่ผู้เล่นในตลาดจะเบือนหน้าหันหนีได้เช่นกัน"

เกมเพลย์7
พล็อตเรื่อง6
กราฟิก8
เสียง7
การบังคับควบคุม5
ความคิดสร้างสรรค์6
ภาพรวม6.5

ข้อดี: ฉากหนีวิ่งยิงต่อสู้ทำได้ดีระดับหนึ่ง, ลูกเล่นกล้องถ่ายรูปมองทะลุเห็นสิ่งต่างๆที่ซ่อนอยู่, กราฟิกสวยเหนือชั้นเกินกว่าเกมอินดี้ และกลิ่นอายเรสซิเดนท์อีวิลที่โชยมาเต็ม

ข้อเสีย: เนื้อหาโดยรวมค่อนข้างสั้น, โมเดลตัวละครยังต้องปรับปรุง, ศัตรูมีไม่ค่อยหลากหลายเท่าใดนัก, ขยับเดินไปทางไหนก็เจอแต่ลูกกรง, ศีรษะตัวเอกส่ายไปมาไม่หยุดดั่งคนเมา, แสงเงาบางบริเวณดูมืดตึ๊บ, ลิ้นชักตู้อยู่ใกล้ชิดติดๆกันชวนทะเลาะ และมีสิทธิ์พบบัคที่อาจทำให้ต้องเริ่มเล่นใหม่

สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Ripples Thailand






*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*


กำลังโหลดความคิดเห็น