xs
xsm
sm
md
lg

Review​: Vampire the Masquerade Swansong คดีพล่ามของสามผี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แนวเกม อาร์พีจีผจญภัยสืบสวน
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, Switch, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

ผลงานภาคล่าสุดในแฟรนไชส์ผีดิบดูดเลือดที่คราวนี้มาแปลกแหวกกว่าทุกครั้ง เมื่อผู้เล่นจะไม่ได้หยิบจับอาวุธขึ้นมาบู๊เลือดสาด แต่กลับต้องประชันเชือดเฉือนฟาดฟันกับศัตรูด้วย "ฝีปาก"

สำหรับ Vampire​ the​ Masquerade จะเป็นซีรีส์เกมที่บอกเล่ากล่าวถึงการมีตัวตนอยู่จริงของ แวมไพร์ เผ่าพันธุ์​อสูรร้ายยามราตรีที่​อาศัยใช้ชีวิตแฝงตัวปะปนอยู่ท่ามกลางหมู่มนุษย์​มานานนับพันปี และพวกมันก็มีวิวัฒนาการ​ทางด้านสังคมในแบบฉบับเฉพาะตัว ​รวมถึงกฎเหล็กระเบียบข้อบังคับที่เคร่งครัดเพื่อกันมิให้พวกมนุษย์​ล่วงรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ โดยเนื้อหาในภาค Swansong นั้นจะเป็นเหตุการณ์ของสังคมแวมไพร์ Camarilla ประจำกรุงบอสตัน ที่เพิ่งได้เจ้าชายคนใหม่ขึ้นมาปกครอง แต่ก็ไม่วายเกิดปัญหาสั่นคลอนจากความพยายามช่วงชิงอำนาจและเหตุฆาตกรรมปริศนาที่ผู้เล่นจำเป็นต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนที่มันจะนำพาหายนะมาสู่เหล่าพวกพ้องท่องรัตติกาล

เจ้าชาย(มีนม)คนใหม่แห่ง Camarilla

สภาพห้องเละแบบนี้ ต้องหารอยฉี่...
ตัวละครหลักที่ผู้เล่นจะได้บังคับสวมบทบาท จะมีอยู่ด้วยกันถึง 3 ตัวละคร ประกอบด้วย​ Emem หญิงผิวสีสุดคล้ำดำเข้มผู้มีความสามารถล่วงรู้อนาคต, Leysha สาวล่องหนนักเก็บเกี่ยวข้อมูลผู้ชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน และสุดท้าย Galeb สุภาพบุรุษคนเดียวในกลุ่มผู้ชอบใข้กำลังความรุนแรง​ ซึ่งตัวละครทั้งสามล้วนเป็นแวมไพร์เหมือนกันต่างเพียงแค่ตระกูลที่สังกัด โดยตัวเกมจะเฉลี่ยบทให้เราได้เวียนวนสลับบังคับเล่นเป็นพวกเขาทุกคนตามแต่โอกาส แล้วเราจะสามารถตัดสินใจเลือกกำหนดได้ว่าจะให้ใครทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เสมือนดั่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์​คอยสั่งให้เหล่านักแสดงเล่นตามบทที่เราวางไว้ ซึ่งแน่นอนว่าการตัดสินใจของตัวละคร​หนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการเล่นของอีกตัวละครหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้บทสรุปสุดท้ายมีความหลากหลายแตกต่างกันไปคล้ายๆกับที่เคยสัมผัสในเกมชื่อดังอย่าง Heavy Rain, Beyond: Two Souls หรือ Detroit: Become Human นั่นเอง

Emem ตัวละครแวมไพร์แรกเริ่มของเรา

พลังล่องหนของ Leysha เหมาะสำหรับการย่องแอบเข้าห้อง

Galeb บุรุษหน้าบึ้งตึง
เกมนี้จะเป็นแนวผจญภัยกึ่งสืบสวนที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้มีอิสระในการเดินสำรวจฉากสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ระหว่างทางก็จะมีตัวละคร NPC คอยให้คำใบ้บอกเบาะแสเงื่อนงำ มีวัตถุพยานต่างๆตามโต๊ะตามพื้นให้เราสำรวจปฏิสัมพันธ์​ ส่วนฉากคิวบู๊แอ็คชันต่อสู้ดูจะไม่ค่อยมุ่งเน้นไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นมากเท่าไหร่​นัก เพราะอย่างที่บอกไปมันเป็นเกมแนวสืบสวนเน้นพูดคุยสนทนา เอาชนะคะคาน​เชือดเฉือนกันด้วยวาจาและคารม โดยในเกมจะมีทั้งสถานการณ์ปกติ​ให้เราเลือกบทสนทนาได้ตามสะดวก กับสถานการณ์​หน้าสิ่วหน้าขวาน​ที่เราต้องครุ่นคิดตัดสินใจเลือกคำตอบให้ดีๆเนื่องจากมันจะส่งผลลัพธ์​ตามมาภายหลัง ซึ่งบางช้อยส์ตัวเลือกอาจจำเป็นต้องใช้ค่าพลังในการโน้มน้าวใจผู้ฟังให้ปฏิบัติทำตามสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้าหากค่าพลังดังกล่าวเหลือน้อยหรือมีไม่เพียงพอ มันก็สุ่มเสี่ยงที่เราจะถูกเขาบอกปัดปฏิเสธตอกกลับหน้าชา และในบางกรณีที่เราแพ้อาจต้องเสียเวลาเริ่มเจรจากันใหม่ตั้งแต่ต้นเลยทีเดีย​ว

เผชิญหน้าแล้ววัดพลังกันด้วยฝีปาก
ภาพบรรยากาศกราฟิกยามค่ำคืน แสงเงาตกสะท้อน พื้นผิวพื้นผนังตึกอาคาร รายละเอียดเสื้อผ้าเครื่องประดับแต่งกายต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้สวยงามตามขุมพลังของ Unreal Engine แต่นั่นหมายถึงตอนที่เรากำลังเดินสำรวจโฟกัสอยู่กับฉากนะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มุมกล้องตัดซูมโคลสอัพมาที่ใบหน้าของตัวละครขณะกำลังพูดคุยเจรจา คุณจะได้เห็นประจักษ์ชัดแจ้ง​ถึงความอุจาดของมัน ทั้งสีหน้าตัวละครที่นิ่งเป็นหุ่นกระบอกไร้อารมณ์​แบบสุดๆ แอนิเมชั่นท่าทางการขยับแขนขาที่แลดูฝืนธรรมชาติ ลูกตาดำที่มักแช่แข็งอยู่ตรงกลางตลอดเวลาพูดคุยกับใครสายตาก็จ้องตรงเขม็งชวนพิลึก หรือแม้กระทั่งการขยับปากลิปซิงค์เองมันก็ไม่ค่อยตรงกับคำพูดที่ออกมา ก็พยายามทำความเข้าใจอยู่หรอกนะว่า แวมไพร์ เป็นอสูรกายที่ไร้อารมณ์​ความรู้สึก​แบบมนุษย์​ แต่อากัปกิริยาแข็งทื่อเป็นท่อนซุงราวกับกำลังดูรายการหุ่นเชิดพัพเพ็ตโชว์แบบนี้ มันก็ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆนะ

อันเรียลเอนจิ้น ดูดีทีเดียว

แสงเงาสะท้อนก็โอเค

แต่เรื่องแอนิเมชันต้องปรับปรุงอีกเยอะ

หืม นี่เราคุยอยู่กับตุ๊กตาบาร์บี้?
สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงใส่ใจอยู่ตลอดคือ เกจค่าพลังพิเศษ กับ เกจความหิวโหย ที่แสดงโชว์อยู่มุมซ้ายบนของจอภาพ ซึ่งเกจพลังสีฟ้านั้นจำเป็นต้องใช้บ่อยใช้เยอะทั้งในการสำรวจตรวจสอบเข้าถึงสิ่งต่างๆ รวมถึงช้อยส์​คำพูดหรือการเลือกตัดสินใจบางอย่างเราก็ต้องเจียดมันมาใช้ด้วยเช่นกัน ส่วนเกจความหิวสีชมพูนั้นจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเราออกแอ็คชันใช้พลังบ่อยๆ ถ้าหากปล่อยให้เกจความหิวนี้พุ่งสูงจนเต็มแม็กซ์ ตัวละครเราก็จะคลั่งเสียสติไม่มีสมาธิในการเจรจาต่อรองกับใคร ดังนั้นวิธีเล่นที่ถูกต้องเราจึงควรหมั่นเติมเกจพลังสีฟ้าและดับความกระหายลดเกจสีชมพูด้วยการดื่มเลือดจากเหยื่อ โดยเราต้องหลอกล่อเหยื่อเข้าไปในสถานที่ปิดลับตาแล้วทำการสูบโลหิตจากพวกมัน แต่ก็ต้องดูดดื่มอย่างระวังด้วยนะเพราะถ้าละโมบโลภมาก​ดูดหมดเกลี้ยงในทีเดียวหรือดูดรายเดิมเบิ้ลซ้ำสอง เหยื่อก็อาจถึงตายและทำให้มนุษย์​คนอื่นเกิดระแวงสงสัยขึ้นมาได้

ต้องรักษาเกจสีฟ้าให้พอมีใช้ ขณะที่เกจสีชมพูอย่าให้สูงเกินไป

ดูดเลือดเติมพลัง ระวังอย่าดื่มหมด
ตัวละครเอกแวมไพร์ทั้งสามตน เราสามารถอัปเกรดปลดล็อกสกิลเสริมทักษะให้กับพวกเขาได้แบบเดียวกับเกมอาร์พีจี โดยสกิลเฉพาะทางแต่ละอย่างต่างก็จำเป็นต่อแอ็คชันปฏิสัมพันธ์​ที่ต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น สกิลแฮคที่สามารถใช้เจาะข้อมูลในคอมพิวเตอร์​ หรือสกิลงัดแงะเอาไว้สะเดาะล็อคกุญแจ ซึ่งสกิลแต่ละอันก็มีระดับชั้นเลเวลระบุกำกับไว้ด้วย อุปสรรคยิ่งยากก็ต้องใช้เลเวลทักษะนั้นๆที่สูงตาม ดังนั้นการเล่นรอบแรกส่วนใหญ่ตัวเลือกแอ็คชันจึงค่อนข้างจำกัดมักอึดอัดติดขัดไปหมด ทำนั่นทำโน่นไม่ได้เพราะเลเวลทักษะไม่ถึง เหมือนทีมผู้พัฒนาจงใจวางดักเอาไว้เพื่อให้เราย้อนกลับมาเล่นมันใหม่ในรอบที่สองสามสี่ นี่ถ้าพล็อตเนื้อหาและการแสดงสีหน้าอารมณ์​ของตัวละครมันดีเลิศประเสริฐ​ศรีเหมือนภาพยนตร์ชิงรางวัลออสการ์ เราก็อยากกลับไปเล่นซ้ำอยู่หรอกนะ แต่ในเมื่อความเป็นจริงทุกสิ่งภายในเกมมันกลับสวนทางกับทุกอย่างที่พูดมา เราว่าแค่ฝืนอดทนเล่นมันจนจบรอบเดียวได้คุณก็แกร่งเกินคนแล้วละ

ปลดล็อกสกิลความสามารถใหม่ๆ

เพื่อใช้ในการเข้าถึงสิ่งต่างๆ

ตรวจสอบวัตถุพยาน

หากสกิลไม่มีหรือสูงไม่ถึงขั้น ก็อาจเลือกทำบางสิ่งไม่ได้
อีกหนึ่งเรื่องที่ชวนให้เราอยากลบเกมทิ้งไปจากเครื่องนั่นก็คือ ปัญหาบัคจุกจิกกวนใจที่มีอยู่เต็มไปหมด บางอย่างยังพอทนไหวเช่นต้องรอให้เล่นเคลียร์จบ Scene นั้นๆก่อนถึงจะกดข้ามบทสนทนาอันยืดยาวของตัวละครได้ ตราบใดที่เรายังเล่นไม่จบด่านต่อให้เคยผ่านบทสนทนานั้นมาแล้วแต่กด Restart เพื่อเล่นใหม่ ไอคอน Skip ก็ยังคงเป็นสีเทาอยู่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันปัญหาบางอย่างมันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ อย่างการบังคับเปลี่ยนตัวเลือกหรือเลื่อนดูเมนูออพชั่นต่างๆด้วยปุ่มกดทิศทาง ที่บางครั้งก็กดขึ้น-ลงไม่ติดซะงั้นต้องอาศัยก้านอนาล็อกซ้ายเลื่อนดูแทน, ผลลัพธ์จากการ​ตัดสินใจเลือกคำตอบก็สุดแกว่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีเปอร์เซ็นต์โอกาสความ​สำเร็จสูงลิ่วกลับเฟล แต่พอเปอร์เซ็นต์​น้อยกลับให้ชนะเฉย หรือแม้กระทั่งตอนเข้าเมนู Setting ไปตั้งค่าต่างๆเสร็จเรียบร้อยเราต้องย้อนกลับไปที่หน้าแท็บเดิมก่อนถึงจะกดเซฟบันทึกได้อะไรแบบนี้ แถมระยะเวลาในการโหลดเข้าสู่เกมก็อืดนานแสนนานทั้งๆที่เราเปิดรันมันด้วย SSD ของเครื่อง PS5

ต่อให้เล่นบนเครื่อง PS5 ก็ไม่ช่วยให้โหลดเร็วขึ้น

ต้องกดออกมาที่แท็บด้านซ้ายก่อน ถึงบันทึกการตั้งค่าได้ (ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่น่ารำคาญ!!)
"พูดไปมันก็น่าเห็นใจนะ สำหรับทีมงาน Big Bad Wolf Studio ที่ประสบการณ์​ด้านพัฒนาเกมยังน้อยอยู่แต่ดันทะเยอทะยาน​ฝันใหญ่คิดไกลเกินตัว จนคลอดผลงานเกมที่ออกมาดูแย่ในสายตาเกมเมอร์ และยังเป็นการทำลายชื่อเสียงของแฟรนไชส์ Vampire​ the​ Masquerade​ ที่ทีมพัฒนาเกมอื่นๆเขาอุตส่าห์สั่งสมบารมีสร้างกันมาดีๆ นี่ถ้าหากพวกเขาลองใจเย็นค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยเริ่มต้นจากโปรเจกต์เกมแนวง่ายๆเล่นสบาย แล้วค่อยขยายไต่ระดับมาทำเกมแนวสลับซับซ้อนตอนที่พวกเขาพร้อม ผลลัพธ์​มันอาจกลับตาลปัตรพลิกจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ ก็เป็นได้"

เกมเพลย์5
พล็อตเรื่อง5
กราฟิก8
เสียง6
แอนิเมชันตัวละคร5
ความคิดสร้างสรรค์6
ภาพรวม5.8

ข้อดี: ลูกเล่นดื่มเลือดบริหารเกจความหิวดูน่าสนใจ, สกิลแวมไพร์แต่ละตัวมีความหลากหลายแตกต่าง และขุมพลังอันเรียลเอนจิ้นที่เป็นเดอะแบก

ข้อเสีย: แอนิเมชันตัวละครท่อนไม้เรียกพี่, ดวงตาสีหน้าอารมณ์​สอบตก, เสียงพูดไม่ซิงค์ตรงกับปาก, ฉากบู๊แอ็คชันน้อยนิด, มีแต่ก้มๆเงยๆสำรวจสิ่งของ, ขนาดพื้นที่-ทักษะเลเวลที่ถูกจำกัดห้ามนั่นห้ามนี่มอบความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุก, นานาบัคปัญหากวนจิต, ดำเนินเรื่องได้น่าเบื่อชวนหลับ, ผลลัพธ์​ถาม-ตอบใช้วิธีมั่วเดาสุ่ม และปุ่มทิศทางที่กดติดบ้างไม่ติดบ้าง (จอยไม่ได้เสียนะจ๊ะ)

สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Ripples Thailand








*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*


กำลังโหลดความคิดเห็น