แนวเกม สยองขวัญเอาตัวรอด
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ภาคหลักลำดับที่ 9 ในแฟรนไชส์เกมสยองขวัญผวาที่มีกลุ่มแฟนเบสคอยติดตามเล่นเสพเนื้อเรื่องอยู่ตลอดไม่ขาดสาย ซึ่งในภาคใหม่นี้พวกเขาก็ยังคงมุ่งหมายเจาะกลุ่มผู้เล่นขาประจำเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเปิดโอกาสให้คนนอกอย่างเราเข้าถึงมันได้ด้วย
Five Nights at Freddy's นั้นเป็นซีรีส์เกมที่บอกเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมของแฟรนไชส์ร้านขายพิซซ่าแห่งหนึ่งที่ผ่านเหตุการณ์สุดสะพรึงมาอย่างโชกโชน ทั้งเหตุฆาตกรรมอำพราง วิญญาณเด็กฝังหุ่นที่รอวันแก้แค้น และเหล่าพนักงานที่แวะเวียนสมัครเข้า-ลาออกกันเป็นว่าเล่นไม่มีใครทนอยู่ได้หลายคืน เสมือนอาถรรพ์คำสาปที่ไม่ยอมให้กิจการดำเนินไปอย่างราบรื่นสักที ซึ่งในผลงานภาคล่าสุด Security Breach นี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทางเจ้าของแบรนด์อย่าง Fazbear Entertainment พร้อมทุ่มเงินเปิดร้านใหม่ขึ้นอีกหน ทว่าคราวนี้มันกลับไม่ใช่แค่เพียงร้านอาหารเล็กๆเหมือนแต่ก่อน เพราะพวกเขาคิดใหญ่ทำใหญ่ถึงขั้นสร้างเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับเด็กครบวงจรขนาดกว้างขวางความสูงสามชั้นที่มีชื่อว่า Mega Pizza Plex
ซึ่งเหยื่อที่เราต้องบังคับสวมบทเล่นและเป็นตัวละครเอกในเกมภาคนี้ก็คือเจ้าหนูน้อย "เกรกอรี่" (Gregory) เด็กชายร่างผอมผมน้ำตาล ผู้บังเอิญหลงติดอยู่ภายในศูนย์การค้าแห่งนี้อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย มีเพียงหุ่นหมี Freddy ที่เป็นเพื่อนจักรกลข้างกายคอยช่วยเหลือเขา ในขณะที่หุ่นยนต์อื่นๆทุกตัวภายในห้างฯต่างจดจ้องตาเป็นมันที่จะกวดขันไล่ล่าหาวิธีจับตัวหนูน้อยผู้หลงทางนี้ให้จงได้ ดังนั้นหนทางเดียวที่จะรอดของเกรกอรี่คือต้องยอมไว้เนื้อเชื่อใจมิตรสหายใหม่ อาศัยร่างกายอันใหญ่โตของเจ้าหุ่นหมีในการหลบซ่อนตัว และร่วมกันแก้ปริศนาต่างๆ เพื่อเอาชีวิตรอดผ่านพ้นค่ำคืนโหดร้ายอันแสนยาวนานไปให้ได้จนถึงตอนเช้ายามห้างฯเปิด (ใช่แล้วครับ เหตุการณ์ภาคนี้จะเกิดขึ้นและจบลงภายในระยะเวลาแค่ชั่วข้ามคืน)
รูปแบบการเล่นจะให้เราบังคับหนูน้อยเกรกอรี่เดินสำรวจฉากสภาพแวดล้อมได้อิสระเต็มที่หรือที่เรียกว่าฟรีโรมมิ่งในลักษณะมุมกล้องบุคคลที่หนึ่งมองผ่านสายตาของตัวละคร โดยอุปกรณ์แกดเจ็ทที่มีให้เราได้เลือกใช้ในภาคนี้จะประกอบไปด้วย ไฟฉายเอาไว้ส่องทางในความมืดมิด, กล้องถ่ายรูปเอาไว้เปิดแฟลชใส่หน้าศัตรู, ปืนเลเซอร์เอาไว้ยิงสตันหุ่นบางประเภท (ต้องทำชาเลนจ์เพื่อให้ได้มันมา) และนาฬิกาสมาร์ทวอตช์ที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบแผนที่ ดูกล้องวงจรปิด รวมถึงติดต่อสื่อสารกับเจ้าหุ่นหมีเฟรดดี้ ซึ่งอุปกรณ์บางชิ้นและเจ้าหุ่นหมีเฟรดดี้นั้นจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยพลังงานจากถ่านแบตเตอรี่ หากปล่อยให้แบตฯหมดจนเหลือศูนย์หุ่นยนต์คู่ใจนิสัยดีที่เคยเป็นมิตรก็อาจรวนขัดข้องหันมาแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการสอดส่องมองหาแท่นชาร์จและคอยบริหารเกจพลังงานให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพิชิตเกมนี้
Mega Pizza Plex ที่ตัวเอกต้องมาผจญภัย ดูไปมันก็เหมือนกับห้างสรรพสินค้าที่เรามักนิยมเดินเที่ยวช็อปปิ้งในช่วงวันหยุด ภายในค่อนข้างกว้างใหญ่ซับซ้อนชวนหลงราวกับเขาวงกต มีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน อาทิ โซนของเล่นเด็กเล็ก โซนแข่งรถโกคาร์ท โซนตู้เกมอาร์เขต โซนศูนย์อาหาร โซนโรงภาพยนตร์ โซนจัดแสดงคอนเสิร์ต ไปจนถึงโซนมินิเกมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งแต่ละโซนล้วนถูกออกแบบมาได้ดีสีสันสดใสตามตีมยุค 80 กราฟิกแสงเงาสะท้อนจัดว่าสวยงามสมจริงให้บรรยากาศชวนหลอนระทึกคอนทราสต์ขัดกับภาพลักษณ์ของเล่นเด็กที่ดูไร้พิษภัย งานภาพทุกอย่างคือดีงามมากเว้นเสียเรื่องเดียวคือการดีไซน์ออกแบบภารกิจที่มีแต่มิชชั่นให้เราไปหาของนู่นนี่นั่น แต่กลับไม่ระบุชี้ชัดว่าของมันอยู่ตรงบริเวณไหน บอกแค่คำใบ้กว้างๆปล่อยให้งมหาตั้งนานในฉากอันใหญ่โต อีกทั้งการเลือกใช้วิธีบันทึกข้อมูลการเล่นผ่านจุดเซฟแบบโบราณ มันก็สร้างความยุ่งยากน่ารำคาญอยู่มิใช่น้อย
แน่นอนว่าเสน่ห์หลักของซีรีส์ที่ดึงดูดมัดใจเหล่าเกมเมอร์ทุกคน คงหนีไม่พ้นบรรดาหุ่นยนต์ผีสิง Animatronics ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาวิ่งไล่จับเรามาตั้งแต่ภาคแรกๆ และในภาคนี้ก็มีตัวละครหุ่นที่จะมาคอยจัมป์สแกร์สร้างความหลอนให้เราทุกย่างก้าวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นน้องไก่ Chica, น้องหมาป่า Roxy, น้องเข้ Monty และน้องต่ายตาแดง Vanny ซึ่งหนูน้อยด้อยกำลังอย่างเราทำได้้เพียงแค่หลบซ่อนและวิ่งหนีเผ่นป่าราบเท่านั้น แม้ว่าบ่อยครั้งจะเป็นสิ่งที่แสนลำบากยากเย็นเมื่อพวกมันชอบใช้บัคใช้วิธีโกงเดินลอยเหาะทะลุฉากวาร์ปมาหาเราแบบดื้อๆ หรือจู่ๆก็โผล่มาให้ตกใจแล้วหายไปแบบงงๆ ทั้งที่ตัวเกมมันไม่น่าจะยากอะไรแต่กลับเล่นแล้วชวนหงุดหงิดใจเพราะปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆมากมายที่ไม่ควรถูกปล่อยผ่านออกมาวางจำหน่ายด้วยซ้ำ
การเล่าเรื่องและพล็อตที่หักมุมมิอาจคาดเดาก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของซีรีส์เช่นเดียวกัน โดยตัวเกมภาคนี้จะซุกซ่อนความลับให้ตามหา มีฉากจบดี ฉากจบแย่ และฉากจบอื่นๆอีกหลากหลายรูปแบบให้ได้ตามเก็บ เรียกว่าใครที่เป็นสายเสพเนื้อเรื่องคงเต็มอิ่มจุใจ แต่แอบเสียดายนิดหน่อยตรงที่เนื้อหาความยาวภาพรวมของเกม ที่ถ้าหากเราลัคกี้โชคดีแบบสุดๆเล่นฉลุยไม่ติดขัดเดินหลงทาง ไม่ป๊ะเข้ากับศัตรูนิสัยขี้โกง ไม่พบเจอบัคให้ต้องโหลดใหม่หรือไปต่อไม่ได้ คุณจะสามารถเล่นเคลียร์จบเกมได้แบบรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง
"หากมองย้อนกลับไปในยุคแรกๆที่ยังเป็นเพียงแค่เกม Point and Click แล้วหันกลับมามองดูผลงานภาคล่าสุด Five Nights at Freddy's Security Breach คงต้องชื่นชมว่ามันเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่พัฒนามาไกลจากเดิมมาก ทั้งเนื้อหาการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งเกินเกมอินดี้ขมวดซ้อนซ่อนปมหลายชั้นพูดคุยแลกเปลี่ยนถกเถียงกันได้ไม่รู้จบ และทางด้านเกมเพลย์ที่ถึงจะขี้เหร่ดูเป็นรองตลอดทว่าเราก็เห็นความพยายามปรับปรุงเรื่อยมาเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มตลาดผู้เล่นวงกว้างมากขึ้น แม้มันจะไม่ใช่เกมสยองขวัญที่เลิศเลอเพอร์เฟกต์ยังเต็มไปด้วยปัญหาบัคหงุดหงิดชวนเสียสุขภาพจิต แต่พอสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของทีมงานมันก็ยากที่จะโกรธ กดคะแนนไม่ลงจริงๆ"
เกมเพลย์ | 6 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7 |
ข้อดี: เรื่องราวที่ดูดคนเล่นติดเบาะอยากรู้มันจะเป็นยังไงต่อไป, ห้างกว้างใหญ่มีหลายโซนพื้นที่ให้สำรวจ, ฉากจบหักมุมมากมายให้ตามเก็บ, เหล่าหุ่นแอนิเมตรอนแต่ละตัวที่มีเสน่ห์บุคลิกแตกต่างกัน, มีกิจกรรมมินิเกมให้เล่นเปลี่ยนบรรยากาศ, อินไปกับมิตรภาพของพี่หมีเฟรดดี้คู่ซี้หัวใจน่ากราบ, ภาพสวยแจ่มว้าวยิ่งกว่าภาคไหนๆ และราคาปรับใหม่ที่ถูกมากบนสตีม
ข้อเสีย: เป้าหมายภารกิจค่อนข้างคลุมเครือ, ศัตรูเดินตัวลอยผลุบโผล่ไปทั่ว, AI ชอบมั่วแอบวาร์ปมาถึงตัวอยู่บ่อยครั้ง, บัคอย่างเยอะผิดพลาดได้แม้กระทั่งตอนดูฉากเครดิต และมันคงจะดีหากมีเนื้อหาให้เล่นยาวมากกว่านี้
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*