แนวเกม แอ็คชั่นผจญภัย
แพลตฟอร์ม PS5, PC (เร็วๆนี้ภายในปี 2022)
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
การกลับมาเสี่ยงโชคหนสุดท้ายอีกครั้งของพระเอกหนุ่ม "นาธาน เดรค" ที่ควงสองสาวผิวสีมาให้สนุกกันเต็มอิ่มแพคคู่ในแบบยกระดับ แถมวิธีซอกแซกเล็กน้อยสำหรับแฟน โซนี่ เพื่อความสบายใจและสบายกระเป๋าในยุคข้าวยากหมากแพง
สำหรับเกมคอลเลคชัน Uncharted: Legacy of Thieves Collection ภายในจะบรรจุเกมผจญภัยล่าขุมทรัพย์สองภาคล่าสุดในแฟรนไชส์ ได้แก่ Uncharted 4: A Thief's End และ Uncharted: The Lost Legacy ที่กลับมาให้เล่นกันอีกครั้งในรูปแบบรีมาสเตอร์บนเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง เพลย์สเตชัน 5 และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของซีรีส์นี้ที่เตรียมพอร์ตลงให้คอพีซีได้เล่นกันอีกด้วย
หากเรียงตามลำดับไทม์ไลน์ เราควรเริ่มต้นเล่นด้วยเกมภาคสี่ A Thief's End ก่อน ซึ่งบอกเล่าการผจญภัยครั้งสุดท้ายปิดตำนานของ "นาธาน เดรค" พระเอกหนุ่มนักล่าสมบัติที่กลับมารวมตัวกับ ซัลลี คู่หูคู่ขา ในการค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งสมบัติของกัปตันเฮนรี เอฟรี ที่สูญหายไปนาน ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือพี่ชายที่กำลังตกที่นั่งลำบากของเขา "แซม เดรค" ขณะที่ตัวเกมภาค Lost Legacy นั้นจะเป็นเหตุการณ์ 1 ปีให้หลังต่อจากภาค 4 เมื่อผู้เล่นต้องมาสวมบท "โคลอี้ เฟรเซอร์" กิ๊กเก่าของนาธาน จับมือร่วมต่อสู้กับทหารหญิงอดีตคู่อริ "เนดีน รอสส์" เพื่อช่วยกันออกตามหา "งาของพระพิฆเนศ" (Tusk of Ganesh) ให้เจอก่อนมันตกไปถึงมือผู้ไม่หวังดี
แม้ตัวละครเอกจะเปลี่ยนหน้าไป แต่เกมเพลย์ทั้งสองภาคจะไม่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างเพราะถูกสร้างโดยใช้เอนจิ้นและระบบพื้นฐานแบบเดียวกัน กับการเล่นที่เป็นแนวชูตติ้งมุมมองผ่านหลังตัวละครดวลปืนสาดกระสุนแลกกับศัตรูสลับก้มหลบหลังที่กำบังแล้วโผล่มายิง เสริมด้วยพัซเซิลแก้ปริศนา ลูกเล่นปีนป่าย และมีคิวบู๊ลื่นไหลสะใจราวกำลังชมภาพยนตร์แอ็คชั่นดีๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจุดเด่นความพิเศษของเกมสองภาคนี้จะอยู่ตรงองค์ประกอบโอเพ่นเวิลด์เล็กๆที่สอดแทรกเข้ามาให้ผู้เล่นได้ขับรถกินลมชมวิวเลือกสำรวจฉากสภาพแวดล้อมได้อย่างอิสระ พร้อมทั้ง AI ศัตรูที่มีการสื่อสารฉลาดเป็นกรด เรียกว่าสติปัญญาของพวกมันก้าวล้ำเหนือชั้นกว่า AI ในเกมยุคเน็กซ์เจนใหม่ๆเสียอีก
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ กับตัวเลือกภาพกราฟิกในเกม ซึ่งจริงๆแล้วมันมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ โหมด Fidelity เน้นความละเอียดสูงสุดแสดงภาพ 4K แท้ๆแต่จำกัดเฟรมไว้ที่ 30fps, โหมดถัดมา Performance ที่เป็นการอัพสเกลภาพพร้อมลดทอนความละเอียดในบางช่วงบางตอนลงเพื่อให้ได้เฟรมเรต 60fps นิ่งๆตลอดทั้งเกม และโหมดสุดท้าย Performance+ ที่ให้เฟรมเรตสูงถึง 120fps ในระดับความละเอียดภาพแค่ 1080p เท่านั้น ซึ่งออพชั่นหลังท้ายสุดนี้จะปรากฏขึ้นมาให้เลือกเมื่อทีวีของเราสามารถรองรับหรือมีค่ารีเฟรชเรต 120hz นั่นเอง
***หลายคนอาจสงสัยว่า อ้าวแล้วเกม PS4 อื่นๆที่มาเปิดเล่นบน PS5 ส่วนใหญ่ก็สามารถรัน 60fps ได้ปกตินี่ ไม่เห็นต้องเสียเงินอัปเกรดเลย นั่นละครับคือปัญหาเพราะเกมอันชาร์ตเต็ดสองตัวนี้ทางทีมผู้พัฒนาเขากั๊กไม่ยอมปล่อยแพทช์อัปเดตส่งผลให้ตัวเกมเวอร์ชัน PS4 ยังรันอยู่แค่ 30fps บนเครื่อง PS5 เหตุผลก็เพื่อต้องการขายตัวเกมเวอร์ชันใหม่นี้ยังไงละ (ร้ายไม่เบา)***
แน่นอนเมื่อพวกเขาตัดสินใจรีมาสเตอร์มันใหม่ย้ายมาลงให้กับ เพลย์สเตชัน 5 มันก็ต้องดึงขุมพลังของเครื่องออกมาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งความสามารถในการอ่านอันรวดเร็วของ SSD ที่คุณจะไม่ได้เห็นเหรียญกลมหมุนติ้วระหว่างรอโหลดอีกต่อไปแล้ว ต่อให้กดปิดเกมแล้วเปิดแอพฯขึ้นมาใหม่คุณก็สามารถ Continue เล่นต่อจากจุดเดิมได้ทันทีไม่มีฉากโหลดใดๆขึ้นมาคอยกวนใจ นอกจากนี้ลูกเล่นทั้งหลายแหล่บนคอนโทรลเลอร์อย่างระบบสั่น Haptic Feedback และแรงต้านไกปืน Adaptive Triggers ก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ยามตัวละครชกต่อย ล้มลุกคลุกคลาน เหนี่ยวไกปืน หรือเหยียบคันเร่ง คุณจะรู้สึกได้ว่ามันสมจริงมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งในฉากมูวี่คัตซีนเล่าเรื่องที่ส่วนใหญ่เรามักจะวางจอยหรือกดข้ามไป คราวนี้คุณจะตกใจเมื่อรู้ว่าเวลาตัวละครพูดคุยแล้วเกิดมีการจับมือถือแขนแตะไหล่กัน สัมผัสเหล่านั้นจะสั่นส่งตรงมายังคอนโทรลเลอร์ที่เรากำลังถืออยู่ด้วย นับเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์เอามากๆ
เรื่องเดียวที่แอบรู้สึกตะขิดตะขวงใจในการกลับมาหนนี้ คือโหมดออนไลน์ Multiplayer ของเกมภาคสี่ ที่ถูกตัดทิ้งออกไปไม่มีให้เลือกเล่นทั้งในเกมเวอร์ชัน PS5 รวมถึง PC เหลือไว้เพียงแค่โหมดเนื้อเรื่องแคมเปญซิงเกิลเพลย์เยอร์ที่เล่นจบแล้วก็จบเลยเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นแฟนฝั่งพีซีคงไม่รู้สึกเสียดายอะไรมากนัก เพราะแค่ซีรีส์อันชาร์ตเต็ดมาโผล่ให้เล่นบนสตีมพวกเขาก็ดีใจเหมือนถูกหวยแล้ว แต่สำหรับแฟนๆทางฝั่งโซนี่แล้ว นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเกิดอาการลังเลใจไม่กล้ากดซื้อ เพราะถ้าเทียบกันแล้วสู้ซื้อตัวเกมเวอร์ชันเก่า PS4 มาอัปเกรดเป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์ PS5 โดยจ่ายเพิ่มเพียง 10 เหรียญจะดีกว่า เนื่องจากได้เล่นโหมดออนไลน์ด้วย (ส่วนใครที่ได้รับตัวเกมภาคสี่มาเล่นฟรีจากการสมัครสมาชิก เพลย์สเตชัน พลัส คุณจะไม่สามารถเลือกอัปเกรดอะไรได้นะจ๊ะ)
"หากเป็นเมื่อก่อนคำว่า "รีมาสเตอร์" อาจจะเป็นแค่การปรับความละเอียดภาพให้เข้ากับจอโทรทัศน์สมัยใหม่ซึ่งเป็นอะไรที่สังเกตความแตกต่างได้ยากหากไม่เข้าไปจ้องใกล้ทีวี แต่การรีมาสเตอร์ในยุคนี้ที่เพิ่มเฟรมเรตจาก 30fps มาเป็น 60fps นั้น เราจะสามารถสังเกตเห็นถึงความต่างได้ทันที แถมความลื่นไหลที่มากขึ้นนอกจากจะดูเพลินเจริญสายตาแล้วมันยังช่วยให้เราเล่นเทพเก่งขึ้นอีกด้วยนะจากการกะจังหวะที่แม่นยำตอบสนองได้ทันท่วงที อีกทั้ง Uncharted: Legacy of Thieves Collection ยังให้คุณสัมผัสตำนานเกมดังแห่งปีถึงสองภาคโดยจ่ายเพียงแค่ครั้งเดียว ฉะนั้นนี่จึงถือเป็นชุดคอลเลคชันที่คอสตีมทุกคนควรต้องมีไว้ประดับไลบรารี แต่สำหรับแฟนบอย โซนี่ ก็อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า แนะนำให้สอยตัวเกมเวอร์ชัน PS4 ภาคใดก็ได้ตอนลดราคามาแล้วค่อยเพิ่มเงินอีกนิดอัพเป็นเวอร์ชัน PS5 ดูน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากกว่า"
| เกมเพลย์ | 10 |
| กราฟิก | 10 |
| เสียง | 10 |
| ความคุ้มค่า (ถ้าซื้อเวอร์ชัน PS5 ตรงๆ) | 8 |
| ภาพรวม | 9.5 |
ข้อดี: เล่าเรื่องได้สุดติ่ง, ระบบเล็งยิงสุดมันส์, ฉากแอ็คชั่นต่อสู้เหมือนดูหนัง, คิดปริศนาได้ชาญฉลาด, โลกกว้างใหญ่สำรวจได้อิสระ, AI ศัตรูน่าท้าทาย, ภาพสวยเลือกปรับได้ไม่ว่าจะคมชัดสุด 4K หรือลื่่นไหลสุด 120fps, เข้าเกมรวดเร็วฉับไวไร้หน้าจอรอโหลด, ลูกเล่นจอย DualSense จัดเต็ม, ให้อารมณ์คล้ายเล่นเกมใหม่ยุคเน็กซ์เจน และเป็นชุดคอลเลคชันที่คอพีซีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ข้อเสีย: กลยุทธ์ล็อคของเก่าไว้ที่ 30fps เพื่อขายของใหม่ดูมัดมือชกไปหน่อย และการหายไปของโหมดออนไลน์ทำให้สาวก โซนี่ ต้องพลิกแพลงเอา
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
