แนว ส่งของผจญผี
ระบบ PS5
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ผลงานวอล์คกิ้งซิมูเลเตอร์เวอร์ชันอัปเดตปรับปรุงใหม่ ที่เสมือนจดหมายปลอบประโลมแสดงคำขอโทษของ "ฮิเดโอะ โคจิมะ" อดีตนักพัฒนาปีกหักเจ็บหนัก ผู้เคยโหดร้ายทารุณกับแฟนคลับมากเกินไปในเกมต้นฉบับ
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำสักเล็กน้อยว่า ตัวเกม Death Stranding Director's Cut นี้มันเป็นเพียงเวอร์ชันอัปเกรดปรับปรุงภาพเพิ่มเติมคอนเทนต์เนื้อหาคล้ายๆกับ Ghost of Tsushima Director's Cut ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้า ฉะนั้นแล้วใครที่เคยเล่นและเป็นเจ้าของตัวเกมเวอร์ชัน PS4 จึงสามารถโอนถ่ายข้อมูลเซฟเก่ามาเล่นต่อได้บนเครื่อง PS5 ผ่านหน้าจอเมนูซิสเต็มภายในเกม ซึ่งถ้าให้แนะนำเราว่าควรเล่นต่อจากเซฟเดิมจะดีกว่า เพราะเทียบกับจำนวนเนื้อหาที่เสริมเข้ามามันไม่คุ้มที่เราจะเสียเวลาเริ่มต้นใหม่ ดูตัวอย่างผู้รีวิวเป็นต้นที่เผลอลบเซฟเก่าที่เล่นจบทิ้งไปแล้ว เนื่องจากไม่คิดว่ามันจะมีเวอร์ชันใหม่ออกมาขายอีกรอบ กว่าจะเล่นไปให้ถึงคอนเทนต์ใหม่ๆที่ว่านั่นก็แทบทำเอาเข่าทรุดถึงกับน้ำตาร่วงเปลืองทั้งแรงเสียทั้งเวลามากเลยทีเดียว
เนื่องด้วยคอนเทนต์ใหม่ๆเป็นเพียงแค่องค์ประกอบเสริมเล็กน้อยที่ถูกสอดแทรกเข้ามา ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อเนื้อหาแกนหลักของเกม เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบจึงยังคงเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งเล่าติดตามการเดินทางของ "แซม" หนุ่มพนักงานเดลิเวอรี่ที่ต้องคอยส่งของจำเป็นให้กับเหล่าผู้คนในบังเกอร์หลุมหลบภัยต่างๆ ท่ามกลางโลกรกร้างว่างเปล่าที่กำลังถูกสิ่งมีชีวิตประหลาดกลืนกินหลอกหลอน ซึ่งจะสอนให้เราได้เรียนรู้ถึงความรัก ความแค้น ดวงวิญญาณ การทรยศหักหลัง และโลกหลังความตาย ผ่านทฤษฎีนิยายวิทยาศาสตร์สุดลึกล้ำดำดิ่งที่สามารถอธิบายเรื่องราวเชื่อมโยงได้เป็นตุเป็นตะตามสไตล์ของเฮียโคจิมะ
เมื่อย้ายมาอยู่บนเครื่องคอนโซล PS5 เราจึงได้เห็นความละเอียดของภาพที่ถูกอัปขึ้นมาแตะระดับมาตรฐาน 4K 60 เฟรมต่อวินาที ดูลื่นไหลคมชัดยิ่งกว่าเก่า รวมไปถึงลูกเล่นของคอนโทรลเลอร์ DualSense ก็ใส่มาให้ครบครัน ทั้งแรงต้านปุ่มกดทริกเกอร์เวลาทรงตัวที่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักสัมภาระที่เราแบก และระบบสั่น Haptic Feedback ที่ช่วยให้ผู้เล่นสัมผัสแยกแยะได้ถึงพื้นผิวต่างๆที่เท้าตัวละครของเราเหยียบอยู่ ไม่ว่าถนนคอนกรีต ก้อนหิน พื้นหญ้า หรือหิมะ ต่างก็มอบประสบการณ์ความรู้สึกเวลาก้าวย่างเดินผ่านที่ไม่เหมือนกัน แถมยังสั่นแบบแบ่งข้างซ้ายข้างขวาแยกตามเท้าแต่ละข้างที่แตะลงพื้นด้วยนะ
นอกจากนี้ตัวเกมเวอร์ชันใหม่ยังมีตัวเลือกการแสดงผลภาพโหมดจอกว้าง Ultra Wide Screen ในอัตราส่วน 21:9 ที่ถูกเสริมเพิ่มเข้ามา (ของเดิม คือ 16:9) โดยมุมมองแบบกว้างพิเศษนี้มันจะมีแถบสีดำโผล่ขึ้นมาปกปิดด้านบนด้านล่างเหมือนกำลังรับชมภาพยนตร์ พร้อมกับขยับมุมกล้องถอยซูมออกไปไกลเพื่อให้เราเห็นฉากตรงมุมขอบซ้ายขวารอบข้างได้มากขึ้น แต่ตัวละครรวมถึงวัตถุสิ่งของต่างๆก็จะดูหดเล็กตามไปด้วยนะ เพราะเครื่อง PS5 ไม่ได้ถูกดีไซน์มาให้รองรับมุมมองอัลตร้าไวด์แบบพีซี ซึ่งตรงจุดนี้มันก็แล้วแต่คนชอบนะ บางคนชอบมุมกล้องแบบใหม่เพียงแค่บังคับตัวละคนเดินไปตรงๆก็เห็นบรรยากาศฉากวิวทิวทัศน์ได้หมด แต่ส่วนตัวผู้รีวิวแล้วกลับชอบแบบเก่าเสียมากกว่า เพราะเป็นคนชอบอะไรที่มันเต็มจอ ตอนดูมูวี่คัตซีนก็ได้อารมณ์กว่าเพราะเห็นสีหน้าตัวละครชัดเจน ส่วนเรื่องระบบเสียง 3D Audio หากใครอยากสัมผัสมันจริงๆ แนะนำว่าให้หาหูฟังมาใช้จะดีกว่า เนื่องจากการจำลองเสียง 3D ผ่านลำโพงทีวีบ้านๆที่ โซนี่ เพิ่งอัปเดตเข้ามาผ่านเฟิร์มแวร์นั้น มันยังอู้อี้คุณภาพสู้เสียงปกติไม่ได้เลย
ด้วยวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านมาร่วมๆเกือบสองปีแล้ว จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นอุปกรณ์ตัวช่วยมากมายของผู้เล่นคนอื่นๆถูกวางเรียงรายทิ้งไว้ให้เราได้ใช้ประโยชน์อยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ของใช้เล็กๆอย่างบันได ที่พักพิงหลบฝนหลบภัย ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่อย่างสะพานข้าม หรือถนนหนทางที่ดูแล้วมีความเจริญศิวิไลซ์กว่าตอนที่เราจับมันครั้งแรกสมัยเครื่อง PS4 แต่ถ้านั่นยังไม่พอสำหรับคุณ ตัวเกมเวอร์ชันอัปเกรดนี้ยังเสริมของเล่นใหม่สุดไฮเทคมาช่วยงานจัดส่งสินค้าให้ทันเวลาของเราเป็นเรื่องง่ายสบายตัวขึ้นไปอีก อาทิ แท่นยิงคาตาพัลท์ที่สามารถส่งวัตถุลอยขึ้นไปในอากาศแล้วเลือกจุดตกได้ตามต้องการ, เนินแรมจัมป์ให้เราบิดมอเตอร์ไซค์เหาะข้ามแม่น้ำหุบเหว, ทางข้ามสะพานสายรุ้งล่องหน, หุ่นบอท AI คู่ใจที่คอยช่วยถือกระเป๋าหรือแบกตัวเราไปยังที่ต่างๆ ส่วนทางด้านเกมเพลย์การต่อสู้ก็มีลูกเล่นใหม่เพิ่มเติมเล็กน้อยอย่าง ท่ากระโดดถีบขาคู่ของแซม หรือว่าอาวุธปืนใหม่ Maser Gun ที่ยิงสายฟ้าออกไปรัดศัตรูคล้ายๆกับปืนยิงเส้นลวดมัดตัวของเก่าดั้งเดิมนั่นแหละ เพียงแต่มันจะสามารถใช้ช็อตยานพาหนะของศัตรูได้ด้วยก็เท่านั้นเอง
สำหรับกิจกรรมใหม่ๆให้เราได้ทำแก้เบื่อจากงานส่งของในโลกอันเวิ้งว้าง ที่เห็นก็จะมีสนามซ้อมยิงปืนเอาไว้ทดสอบอาวุธและจำลองสถานการณ์ต่างๆให้เราได้ฝึกปรือฝีมือ, ดันเจี้ยนใหม่อย่าง Ruined Factory ที่เป็นโรงงานร้างให้เราแทรกซึมเข้าไปเลียนแบบตีมเกมเมตัลเกียร์โซลิด ในขณะที่มินิเกมแข่งรถจะเป็นการขับรถในสนามแทร็กเพื่อจับเวลาของเราไปเทียบกับเวลาของผู้เล่นคนอื่นๆทั่วโลก แต่ก็เหมือนกับทุกสิ่งอย่างภายในเกมนี้นั่นแหละคือมันจะไม่ได้เป็นการปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้เล่นจริงๆ เล่นสนุกไปได้สักพักเดี๋ยวก็กลับมานั่งเหงาเศร้าเปล่าเปลี่ยวใจอีกตามเคย นี่ถ้าหากทีมงานลองเปลี่ยนมานำเสนอใส่โหมด PvP หรือ Co-op เข้ามาแทน ไม่แน่มันอาจช่วยสร้างสีสันดึงดูดให้คนทนอยู่กับตัวเกมได้นานมากกว่านี้
"Death Stranding Director's Cut จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับเวอร์ชันอัปเดตสมบูรณ์ของหนึ่งในเกมแปลกที่ชาตินี้คุณต้องหามาลองสักครั้ง เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ไม่เคยสัมผัสตัวเกมเวอร์ชัน PS4 มาก่อน ส่วนคนที่ผ่านนรกขุมนั้นมาแล้ว ถึงแม้มันจะมีหลายสิ่งที่สะดวกสบายเล่นง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก แต่จะมีใครละที่อยากพาตัวเองกลับไปทรมานตกระกำลำบากซ้ำอีกหน นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบคลั่งไคล้การส่งของเป็นชีวิตจิตใจ หรือมีสายเลือดบ้าหอบฟางไหลเวียนอยู่ในกระแสโลหิตจริงๆ"
| เกมการเล่น | 8 |
| กราฟิก | 9 |
| เสียง | 9 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
| ความคุ้มค่า | 8 |
| ภาพรวม | 8.4 |
ข้อดี: กราฟิกสวยคมชัดขึ้น, เรื่องราวสตอรี่แสนล้ำลึกไม่ธรรมดา, ดนตรีประกอบสนองตอบเข้าถึงอารมณ์, จมดิ่งไปกับนานาฟีเจอร์ของจอย DualSense, ของเล่นเครื่องทุ่นแรงใหม่ๆหลายหลาก และราคาอัปเกรดจาก PS4 ที่ถูกมากแค่ร้อยกว่าบาท
ข้อเสีย: ตัวเกมยังเหงาๆแม้เต็มไปด้วยลูกเล่นแปลกใหม่, ความน่าเบื่อเหนื่อยหน่ายที่ไม่เคยจางหาย, โหมดภาพอัลตร้าไวด์ดูแย่ไม่เหมือนฝั่งพีซี, เควสต์ที่มีให้ทำก็ยังเป็นแค่การส่งของคือเก่า และเนื้อเรื่องใหม่ที่บางเบาน้อยนิดตามราคา
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
