แนว แอ็คชั่นอาร์พีจี
ระบบ PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ตบเท้าก้าวขาสู่ศักราชเน็กซ์เจนอย่างเป็นทางการสำหรับค่าย บันไดนัมโค กับผลงานเกมดีมีคุณภาพที่ส่งสาส์นบอกให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่า "อาร์พีจีญี่ปุ่น" ก็สามารถยกระดับมาตรฐานเทียบชั้นสากลได้เหมือนกัน
ต้องบอกเลยว่าเมื่อก่อนทุกครั้งที่ได้ยินชื่อ บันไดนัมโค ตัวผู้รีวิวเองมักจะตั้งการ์ดระแวงเป็นพิเศษจากบทเรียนสุดแสนเจ็บปวดในอดีตอันมากมาย คล้ายๆคนรักเก่าที่ชอบหักอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรู้สึกเข็ดขยาดไม่อยากคาดหวังอะไรให้มันสูงนัก แต่ไม่รู้ทำไมพักหลังๆเรื่อยมา เรากลับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นราวกับพวกเขาหันมาประณีตเน้นคัดสรรเอาใจใส่ในผลงานเกมที่ปล่อยออกมามากขึ้น จวบจนกระทั่งมาถึงเกมใหม่ Scarlet Nexus มันก็เปรียบเสมือนตะปูที่ตอกย้ำให้เรามั่นใจในสิ่งเหล่านั้น
***ตัวเกมนั้นรองรับทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ซึ่งคอนโซล PS5 จะเลือกเปลี่ยนให้อัตโนมัติตามโซนภาษาเครื่องคอนโซลที่เราเซตกำหนดไว้ ดังนั้นหากใครเปิดเกมขึ้นมาแล้วเจอแต่ตัวหนังสือญี่ปุ่นเต็มหน้าจอ ก็ไม่ต้องตกใจแค่ปิดเกมเข้าไปตั้งค่าเลือกภาษาอังกฤษในเมนูระบบของเครื่อง PS5 แล้วเปิดเกมขึ้นมาใหม่ตัวหนังสือก็จะเป็นอังกฤษแล้ว***
พล็อตเรื่องของเกมกล่าวถึงญี่ปุ่นในโลกยุคอนาคต เมื่อเทคโนโลยีของมนุษยชาติพัฒนาไปไกลจนถึงขั้นสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมอง อย่างไรก็ตาม โลกงดงามในฝันของพวกเรากลับมิได้สงบสุขเนื่องจากต้องคอยรับมือกับพวก The Others สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ปริศนาที่มักร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าเพื่อสูบกินมันสมองของมนุษย์ เพื่อตอบโต้ผู้รุกรานหน่วย Other Suppression Force (OSF) จึงถูกจัดตั้งขึ้นมาเฉพาะโดยมีเป้าหมายระดมเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังพิเศษมาต่อสู้ปกป้องผู้บริสุทธิ์ และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นในฐานะสมาชิกหน้าใหม่ที่ต้องฝึกฝนพัฒนาทักษะให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเส้นทางเดินของเขาก็คล้ายๆตัวละครเอกในอนิเมะฮีโร่ที่พวกเราดูกันบ่อยๆนั่นแหละ โดยเมื่อเริ่มเกมคุณจะต้องเลือกสวมบทบาทเป็นใครคนใดคนหนึ่งระหว่างสองตัวละครเอก Yuito Sumeragi และ Kasane Randall จะเล่นเขาก่อนเธอทีหลังหรือว่าสลับกันยังไงก็ได้แล้วแต่เราเลย
ดูภายนอกผิวเผิน มันก็อาจจะเหมือนเกม Action JRPG ดาษดื่นทั่วๆไป ให้ผู้เล่นเดินสำรวจพูดคุยกับชาวบ้านชาวเมือง รับเควสต์แล้วออกไปผจญภัยทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายในฉากฟิลด์ดันเจี้ยน ปะทะต่อสู้กับอสูรมอนสเตอร์ในนั้น และก็กลับมาส่งเควสต์เพื่อรับของรางวัลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเงินและค่าประสบการณ์ Exp อัพเลเวลปลดล็อคสกิลตัวละครที่ได้จากการสังหารศัตรู หรือว่าจะเป็นอาวุธ อุปกรณ์ เครื่องประดับตกแต่งตัวละครเฉพาะที่ได้จากการทำเควสต์นั้นๆ แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์หลักที่ทำให้เกมนี้ดูแตกต่างออกไปจากเกมแนวเดียวกัน นั่นคือพลังความสามารถพิเศษของตัวเราและเหล่าผองเพื่อนในหน่วย ที่ไม่เพียงแค่ดูอลังการงานสร้างเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสไตล์การเล่นของเราที่ต้องอแดปต์ปรับเปลี่ยนไปตามสมาชิกแต่ละคนภายในทีมปาร์ตี้อีกด้วย
สำหรับพลังอบิลิตี้พื้นฐานของตัวเอกทั้งสอง นั่นก็คือ Psychokinesis หรือความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุสิ่งของลอยไปลอยมาในอากาศได้อิสระตามใจแบบเดียวกับ อัศวินเจได ในหนังสตาร์วอร์ส ซึ่งนอกจากจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในท่วงท่าฟาดฟันสุดพลิ้วไหวไม่เหมือนใครร่วมกับดาบแสงแล้ว สิ่งของภายในฉากแทบทุกชิ้นไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เรายังสามารถหยิบยกมันขึ้นมาขว้างปาทุ่มใส่ศัตรูได้เกือบทั้งหมด ตั้งแต่กล่อง ถัง ตู้ โต๊ะ ม้านั่งเก้าอี้ จักรยาน รถยนต์ ยันสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ขอเพียงแค่มีสัญลักษณ์ปุ่ม R2 หรือ L2 แสดงปรากฏอยู่ โดยการต่อคอมโบในเกมนี้จะเป็นลักษณะปาของ-เข้าประชิดฟัน-ถอยห่างทุ่มของใหม่ใส่ สลับวนเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าเกจค่าพลังจะหมดเกลี้ยงหลอด หนำซ้ำลูกเล่นการขว้างปาสิ่งของดังกล่าว มันยังสอดแทรกมินิเกมเล็กๆ ให้เราต้องคอยดันสองก้านอนาล็อกขึ้นบน ลงล่าง ซ้ายขวา หรือหมุนควงสว่าน ให้ตรงตามไอคอนที่โชว์ขึ้นมาบนจอภาพ ซึ่งจะแตกต่างออกไปตามทรวดทรงรูปลักษณ์ของวัตถุชิ้นนั้นๆ นั่นเอง
แม้การที่ได้สวมบทบาท โอบีวัน ในโลกอนิเมะจะสนุกเพลิดเพลินเจริญใจแล้ว แต่ว่าความบันเทิงของเกมมันยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเรายังมีผองเพื่อนคณะปาร์ตี้หน่วย OSF ติดสอยห้อยตามเราไปด้วยในทุกที่ พวกเขาเหล่านี้แต่ละคนก็มีพลังความสามารถพิเศษที่ล้วนฉีกแตกต่างออกไปจากเรา บางคนถนัดใช้ไฟ บางคนถนัดใช้สายฟ้า บางคนใช้ลม บางรายสายแทงค์ บางคนสามารถล่องหน หรือหยุดเวลาได้อะไรแบบนี้เป็นต้น ซึ่งความสามารถบางอย่างก็อาจช่วยให้การกำจัดศัตรูบางตัวที่น่าปวดหัวกลายเป็นเรื่องง่ายดาย อีกทั้งพลังพิเศษของเพื่อนๆเหล่านี้ยังสามารถแชร์ถ่ายโอนมาถึงตัวเราผ่านฟีเจอร์ Brain Link ได้ด้วย โดยเราสามารถกดยืมใช้พลังของเพื่อนตอนไหนก็ได้ในระหว่างต่อสู้เพียงแต่ต้องรอเวลาคูลดาวน์สักพักเสมือนการกดเรียกใช้งานสกิลในเกมอื่นๆนั่นแล คุณลองจินตนาการนึกภาพถึง ตัวละครโร้ก ในจักรวาลเอ็กซ์เมน ที่มีเพื่อนกลายพันธุ์พร้อมสนับสนุนหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ามาให้คุณยืมพลังอัดศัตรูดูสิว่า มันจะสุขสำราญบานตะไทขนาดไหน
ในตอนปกติที่เราไม่ได้กดปุ่มสั่งการเรียกใช้งานพลัง เหล่าผองเพื่อน AI ในทีมของเรานี้ แต่ละตัวก็สามารถคิดตัดสินใจออกแอ็คชั่นหลบหลีก ฮีลฟื้นฟู หรือโจมตีใส่ศัตรูอัตโนมัติได้อิสระตามใจปรารถนา แต่ถ้าหากใครไม่ชอบอยากควบคุมพฤติกรรมของเหล่าผู้ติดตามสมองกลนี้ด้วยตัวเอง คุณสามารถเข้าไปเซตเงื่อนไขตั้งค่าสไตล์การต่อสู้ของพวกมันแต่ละคนแบบง่ายๆได้ที่หน้าจอเมนูปาร์ตี้ ซึ่งจะมีให้เลือกว่าเราต้องการให้เขาทุ่มใส่สุดตัวหรือจะเอาแบบบาลานซ์สู้ไปด้วยฮีลไปด้วย ให้เขามาช่วยรุมศัตรูตัวเดียวกันหรือว่าต่างคนต่างลุย จิ้มเลือกกำหนดได้หมดตามใจเรา
นอกจากนี้ ภายในเกมยังมีระบบที่คล้ายกับเกมจีบสาว ยิ่งถ้าหากเราเลือกใช้บริการมิตรสหายคนไหนมากๆ ไม่ว่าจะจับเขาลงสู่สนามรบ พูดคุยสนทนาในยามว่าง ให้ของขวัญที่เขาโปรดปราน หรือหมั่นพิมพ์ส่งข้อความโต้ตอบหากันบ่อยๆ ค่าระดับเลเวลพันธะ Bond ระหว่างเรากับเขาก็จะยิ่งเพิ่มพูนสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อสกิลความสามารถและประสิทธิภาพของเขาในฉากต่อสู้ เป็นการบีบบังคับให้เราต้องคอยเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคน มิเช่นนั้นก็จะห่างเหินหมางเมินทำงานกันแบบไร้ทีมเวิร์คเหมือนในชีวิตจริง
สภาพของโลกในยุคอนาคตสไตล์เบรนพังค์ที่ตัวเกมนำเสนอนั้น ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี Unreal Engine 4 ดังนั้นหากคาดหวังให้กราฟิกของมันเทียบระดับชั้นเกมเน็กซ์เจนคงจะลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นภาพแอนิเมชั่น 3D ที่ดูสวยงามสร้างความประทับใจแก่เราได้อย่างน่าอัศจรรย์ อาจเป็นเพราะด้วยบรรยากาศบ้านเมืองไฮเทคที่ผู้คนต้องคอยหลบลี้หนีภัยจากพวกอสูรซึ่งกระตุกต่อมสายอนิเมะได้เป็นอย่างดี บวกกับดีเทลรายละเอียดปลีกย่อยริมทางอย่างเช่นป้ายไฟ รถยนต์ และผู้คนที่สัญจรเดินผ่านไปมาที่ดูมีชีวิตชีวาไม่ใช่เมืองร้าง ถึงแม้ว่าตัวเราจะไม่มีอิสระในการสำรวจสิ่งต่างๆมากนัก ทางเดินก็ค่อนข้างจำกัดเป็นเส้นตรงแค่เดินไปตามบล็อคที่กำหนดไม่ต่างอะไรจากเกมยุคสมัยเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ด้วยโลกที่พวกเขารังสรรค์และองค์ประกอบต่างๆที่ผสมใส่ลงมาอย่างกลมกลืน มันจึงเป็นโลกที่รู้สึกดีฟีลกู๊ดชวนให้เราอยากอาศัยใช้ชีวิตอยู่กับมันนานๆได้น่าประหลาดใจยิ่งนัก
เนื้อหาของเกมจะถูกแบ่งย่อยออกเป็นเฟสๆ หากนับรวมทั้งช่วงมิชชั่นหลักและช่วงพักเบรกที่ให้เรา ฟาร์มเลเวล เก็บไซด์เควสต์ พัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละคร รวมๆแล้วกว่าจะเล่นจบคุณต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมง เรียกว่าไม่สั้นเกินไปและไม่นานจนรู้สึกว่ามันลากยาวน่าเบื่อ เพราะระหว่างทางมันจะสอดแทรกลูกเล่นระบบกลไกใหม่ๆมาให้เราได้เซอร์ไพรส์สดชื่นอยู่ตลอด มีอะไรให้เรียนรู้ให้ได้ลองเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เรามองว่าแบบนี้มันเวิร์คกว่าหลายๆเกมอาร์พีจีที่มีเนื้อหาเกิน 100 ชั่วโมงแต่สนุกเพียงแค่ช่วงต้นอีกนะ ถึงแม้วัดความยาวมันจะสั้นกว่าแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมล้นเต็มไปด้วยคุณภาพ
หนำซ้ำความยาวของเกมนี้จะถูกเบิ้ลคูณสองทันที เมื่อคุณเลือกที่จะเล่นเนื้อเรื่องของอีกตัวละครต่อหลังจากจบเรื่องราวของตัวละครตัวแรก สมมติคุณเริ่มเล่นด้วยตัวละคร "ยูอิโตะ" ก่อนแล้วค่อยมาเล่นตัวละคร "คาซาเนะ" ภายหลัง เนื้อเรื่องของเธอก็จะเปรียบเสมือนเหรียญอีกด้านหนึ่งที่รอให้คุณกลับไปสัมผัสเรื่องราวเดิมแต่ในอีกมุมมอง ซึ่งคุณจะได้รับรู้ว่าตอนที่อีกตัวละครหายหน้าแยกทางไป เขาไปอยู่ไหน ทำอะไร มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขาบ้าง หรืออาจพูดได้ว่าหากเล่นครบทั้งสองเนื้อเรื่องปมเคลือบแคลงสงสัยในการกระทำตัดสินใจต่างๆของตัวละครจะได้รับความกระจ่างคลี่คลายหายไปจนหมดสิ้น และถือว่าคุณได้เล่นเกมนี้จบแบบครบถ้วนสมบูรณ์อย่างแท้จริง
"Scarlet Nexus นับเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับบรรดาเกมอาร์พีจีญี่ปุ่นทั้งหลายที่ต้องการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยที่เกมจากชาติตะวันตกครองตลาดเสียเป็นส่วนใหญ่ สิ่งที่พวกเขาทำได้แสดงให้ใครๆเห็นว่าการอยู่รอดในวงการเกมยุคปัจจุบัน คุณไม่จำเป็นต้องเดินตามฝรั่งทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องสร้างโลกโอเพ่นเวิลด์ที่มีความซับซ้อน ไม่ต้องมีกราฟิกเวอร์วังอลังการ หรือมีระบบเกมเพลย์ที่ฉีกโดดเด่น เพราะอะไรง่ายๆที่เบสิคเดิมๆก็ยังคงขายได้ ขอเพียงแค่ปรุงแต่งมันออกมาให้เล่นสนุก เล่าเรื่องได้น่าติดตาม เท่านี้มันก็ตอบโจทย์เพียงพอต่อใจคอเกมส่วนใหญ่แล้ว"
| เกมการเล่น | 9 |
| กราฟิก | 9 |
| เสียง | 9 |
| การเล่าเรื่อง | 8 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
| ภาพรวม | 9 |
ข้อดี: กราฟิกการ์ตูน 3D สวยงามดูดี, เรื่องราวที่ถูกจริตโดนใจสายอนิเมะ, ระบบกระชับความสัมพันธ์แบบเกมจีบสาว, เกมเพลย์ต่อคอมโบเคลื่อนย้ายวัตถุสุดอลัง, นานาพลังความสามารถเหนือโลกจากผองมิตรให้เลือกใช้, มีเซอร์ไพรส์อะไรใหม่ๆให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา, เนื้อหายาวเหยียดอัดแน่นถึงสองตัวละคร และเป็นเกมอาร์พีจีที่เล่นเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่ม
ข้อเสีย: ศัตรูที่จ้องเล่นงานแต่ผู้เล่นชวนรู้สึกประหลาด, แอนิเมชั่นตัวละครยังดูแข็งๆกะจังหวะลำบาก และเลือกใช้ภาพนิ่งบอกเล่าเรื่องราวบ่อยมากทั้งที่ฉากคัตซีน CG สวยๆพวกเขาก็ทำได้
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
