แนว แอ็คชั่นผจญภัย
ระบบ PS5
เรตเกม PEGI: 7 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป
ผลงานใหม่ล่าสุดในซีรีส์สัตว์หน้าขนกับเจ้าหุ่นกระป๋อง ที่หยิบจับทฤษฎี "มิติคู่ขนาน" มาตีความขยายจักรวาล จึงบังเกิดเป็นการผจญภัยสนุกสนานสุดปั่นป่วนของเหล่าลอมแบกซ์แฝดคนละฝาที่แทคทีมกันมาแบบแพคคู่
สำหรับเนื้อหาของเกม Ratchet & Clank Rift Apart ในภาคนี้ ยังคงเดินเรื่องราวตามแพทเทิร์นสูตรสำเร็จเหมือนอย่างเคย ประเดิมเริ่มต้นเปิดฉากด้วยภาพบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองของเหล่าฮีโร่ที่รักษาความสงบสุขของกาแลคซี่เอาไว้ได้ แต่ช่วงเวลาปลื้มปิติดีใจของพวกเขามักสั้นเสมอ เมื่อจอมวายร้ายขาประจำผู้ไม่ยอมเข็ดหลาบ Doctor Nefarious หวนกลับมาพร้อมกับแผนการร้ายครั้งใหม่หมายล้างจักรวาลด้วยเครื่อง Dimensionator อุปกรณ์ไฮเทคที่สามารถฉีกอวกาศเพื่อเดินทางข้ามไปสู่มิติอื่นๆได้ แต่ด้วยการทำงานที่ผิดพลาดจึงส่งผลให้เกิดรอยแยกมิติขึ้นและดูดนำพาตัวเราเข้าสู่มิติใหม่ที่ปกครองโดยจอมจักรพรรดิ Emperor Nefarious ซึ่งเราในฐานะฮีโร่ต้องพยายามหาทางแก้ไขความวิบัติหายนะแบบดับเบิ้ลคูณสองในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามท่ามกลางวิกฤตเลวร้ายขั้นสุด ไปๆมาๆกลับเป็นโชคดีของ Ratchet ที่จะได้พานพบกับตัวเขาเองในอีกมิติเป็นครั้งแรก
ตัวละครอีกมิติที่เราพูดถึง เธอคนนั้นก็คือ Rivet ลอมแบกซ์สาวแขนกลขนสีเทา ผู้นำแห่งกลุ่มกองกำลังต่อต้านที่คอยขัดขวางปั่นป่วนแผนการของจอมจักรพรรดิอยู่ตลอด โดยรูปลักษณ์ดีไซน์ของเธอเชื่อว่าใครๆต้องตกหลุมรักในแวบแรกทันทีที่ตาเห็น เพราะเธอช่างดูน่ารักขนฟูแววตาบ้องแบ๊วกลมโตจมูกนิดปากหน่อย เห็นแล้วใจอ่อนระทวยอยากเก็บไปเลี้ยง แต่ด้วยภาระหน้าที่ของผู้นำปฏิวัติเธอจึงต้องทำตัวเข้มแข็งดุดันขัดกับลุคอันบอบบางน่ากอดของเธอ ถือเป็นการเพิ่มความลึกน่าสนใจให้กับตัวละครดูแล้วยิ่งมีเสน่ห์น่าค้นหาเข้าไปอีก หากจะให้เปรียบเทียบความรู้สึกที่เรามีต่อตัวละครตัวนี้ ฟีลอารมณ์ของเธอคงเหมือนกับเจ้ากระต่ายน้อยสายสืบในหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Zootopia นั่นแหละ เป็นอะไรที่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูน่าลุ้นเอาใจช่วยในเวลาเดียวกัน ตรงข้ามสวนทางทุกอย่างกับรุ่นพี่ Ratchet ที่ดูห้าวๆก้าวร้าวไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ดังนั้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกอินเห็นอกเห็นใจอยากปกป้องตัวละคร Rivet จึงนำโด่งชนะแบบขาดลอย แถมในเกมเราจะได้เล่นเป็นเธอบ่อยมากเรียกได้ว่าครึ่งๆเลยทีเดียว
ใครที่ติดตามซีรีส์นี้มานานนม คงคุ้นเคยกับระบบเกมเพลย์กระโดดยิงอยู่ใกล้ใช้ประแจฟาดอยู่ไกลใช้ปืนส่องของเกมเป็นอย่างดี คงไม่ต้องสอนอธิบายอะไรให้มากความ ดังนั้นเราจึงขอมุ่งโฟกัสไปที่ลูกเล่นใหม่ๆแทนละกัน ซึ่งก็ตรงตามชื่อไตเติ้ลในภาคนี้จะมีบางจุดที่เห็นเป็นรอยแยกมิติสีส้มๆอยู่ หากเราเข้าใกล้อยู่ในระยะจะสามารถกดปุ่ม L1 เพื่อใช้แส้ดึงตัวเราแหวกเข้าสู่รอยแยกวาร์ปทะลุไปยังตรงจุดนั้นหรือฉากใหม่ได้ในทันทีไม่เสียเวลารอโหลดแม้แต่วินาทีเดียว (งานนี้ต้องยกเครดิตความดีความชอบให้กับ SSD ของเครื่อง PS5) โดยลูกเล่นฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ทั้งการสำรวจเก็บของ แก้ปริศนาแพลตฟอร์ม วาร์ปเข้าไปตีโอบตุ๋ยข้างหลังศัตรู หรือแม้กระทั่งตอนดวลสู้กับบอสใหญ่ที่สังเวียนอาจแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ถึงแม้ลูกเล่นการแหวกทะลุมิติจะถูกยกให้เป็นไฮไลทฺ์หลักสำหรับภาคนี้ แต่ทว่าในมุมมองของเราแล้วมันคงไม่มีอะไรที่แจ่มจรัสเด็ดดวงเท่า Phantom Dash (กดปุ่ม O) สกิลแดชหลบหลีกขั้นเทพที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่อีกแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันซีรีส์เกม Ratchet & Clank ที่ผ่านๆมา ตัวละครของเรามักทำได้เพียงแค่กดปุ่ม X กระโดดเหยงเป็นจิงโจ้เพื่อหลบกระสุนของศัตรูเท่านั้น ซึ่งบางครั้งกระสุนมาเต็มจอหรือเจอลำแสงเลเซอร์ที่พุ่งมาเร็ว แอนิเมชั่นที่เชื่องช้าของการกระโดดคงไม่อาจตอบสนองได้ไวทันท่วงที แต่ด้วยการมาถึงของสกิลพุ่งแดชหลบหลีกอันรวดเร็วทันใจ ที่ทำให้เราเป็นอมตะชั่วคราว แถมยังกดสแปมใช้ต่อเนื่องได้เรื่อยๆนี้ ปัญหากวนใจที่พวกเราเคยมีในอดีตก็มลายหายสิ้นพลัน หนำซ้ำยิ่งถ้าหากคนกะจังหวะเก่งๆด้วยแล้ว มันจะไม่มีอันตรายใดๆในเกมที่สามารถแตะต้องสัมผัสตัวคุณได้แม้แต่ปลายเล็บ เรื่องนี้ผมขอการันตี!
ด้านคลังอาวุธที่ขนมาให้เลือกใช้ก็ผสมกันทั้งปืนเก่าและใหม่ วิธีใช้งานความเหมาะสมต่อสถานการณ์ก็ต่างกันไป บางกระบอกเช่นปืนช็อตไฟฟ้าเหมาะจัดการศัตรูที่มาเป็นฝูง ปืนใหญ่อนุภาคพลังทำลายล้างสูงเหมาะใช้กับบอส ปืนกระสุนชิ่งเหมาะใช้กับศัตรูที่ถือโล่ป้องกันอะไรทำนองนี้ โดยเราสามารถหน่วงเวลาเลือกปืนที่ต้องการได้จากหน้า Weapons Wheel หรือใครต้องการความไวจะกดเลือกจากชอร์ตคัต 4 ปุ่มกดทิศทางที่เราเป็นคนเซตตั้งค่าเลือกกำหนดเองก็ได้ นอกจากนี้ปืนแต่ละกระบอกมันยังใช้ประโยชน์ครบครันจากฟังก์ชันจอย DualSense ทั้งลูกเล่น Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ยกตัวอย่างปืนพกพื้นฐานเริ่มแรกที่เหนี่ยวไกลงไปเพียงครึ่งกระสุนก็ออกนัดเดียว แต่หากกดลงไปจนสุดจะเป็นการสาดรัวกระสุน, ปืนลูกซองลำกล้องคู่ที่เราสามารถกะน้ำหนักการกดได้ว่าจะยิงธรรมดาหรือให้กระสุนออกพร้อมกันทั้งสองลำกล้อง และปืนสว่านเจาะที่กดนิดจะเป็นการล็อคเป้าหมายแล้วยิงสว่านติดตามตัวออกไปด้วยการกดแบบจมมิด เป็นต้น
ในส่วนวิธีการปลดล็อคอาวุธมาใช้งานนั้น เราจำเป็นต้องเก็บเงินซื้อเอาเองจากร้านค้าที่จะมีสินค้าอัปเดตใหม่ๆเพิ่มเข้ามาในสต็อกเมื่อเราเล่นไปเรื่อยๆ โดยอาวุธแต่ละชิ้นจะมีการอัปเลเวลยิ่งเราใช้งานบ่อยเลเวลของมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นสูง หากแตะถึงระดับแม็กซ์เมื่อไหร่รูปลักษณ์หน้าตาและชื่อเรียกของมันก็จะเปลี่ยนไปทันที แถมประโยชน์อีกอย่างของการฟาร์มอาวุธเลเวลสูงๆนั่นคือมันจะมีช่องอัปเกรดสกิลของอาวุธชิ้นนั้นมาให้เลือกปลดเยอะขึ้น ซึ่งหน้าตาจะเป็นลักษณะช่องตารางหกเหลี่ยมที่เราต้องไล่ปลดบัฟสีฟ้าที่อยู่รายล้อมรอบนอกให้หมดก่อนถึงจะสามารถปลดบัฟพิเศษสีส้มที่อยู่วงในได้ โดยวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการอัปเกรดอาวุธก็คือ แร่หายากสีฟ้า Raritanium ที่ซุกซ่อนกระจายอยู่ตามฉาก แต่ถ้าหากใครขี้เกียจเดินหาก็สามารถฟาร์มมันได้แบบไม่มีจำกัดในแมตช์สังเวียนอารีน่า
นอกเหนือจากอาวุธปืนแล้ว ตัวละครเอกของเราเขาก็มีการอัปเกรดค่าพลังความแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน อันดับแรกคือการอัพเลเวลตัวละครผ่านการสะสมค่า Exp ที่จะส่งผลโดยตรงต่อหลอดค่าพลัง HP ยิ่งเวลสูงตัวละครก็จะยิ่งอึดถึกทนเลือดเยอะตายยากขึ้นนั่นเอง อันดับที่สองคือการเพิ่มบัฟโบนัสให้กับตัวละครผ่านการสะสมชุดเกราะส่วนหัว ตัว และขา ยิ่งเราหามาได้ครบเซตสกิลบัฟของชุดเกราะนั้นก็จะยิ่งแรงขึ้น โดยทุกสกิลที่ได้มานั้นจะติดตัวเราไปตลอดถาวรแม้ว่าเราจะถอดชุดเกราะนั้นออกไปแล้วก็ตาม นับเป็นข้อดีอีกอย่างของเกมนี้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกปรับแต่งตัวละครมิกซ์แอนด์แมตซ์แฟชั่นได้อิสระตามใจชอบ โดยไม่ต้องคิดหนักเรื่องสกิลหรือห่วงกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเกมเพลย์
เนื่องด้วยมันเป็นเกม PS5 เอ็กคลูซีฟจัดหนักกราฟิกได้เต็มที่ไม่ต้องผ่อนแรงเผื่อเครื่องรุ่นเก่า ดังนั้นภาพที่ออกมาจึงดูสวยงามตระการตาสุดจัดจนปลัดต้องร้องว้าว ทั้งเอฟเฟกต์ระเบิดแสงสีตอนต่อสู้แลกหมัดสาดกระสุนกันที่ดูดีเวรี่กู้ด บอดี้ร่างกายของศัตรูใกล้ตายที่ปรากฏแผลร่องรอยความเสียหายอันเกิดจากฝีมือเรา ไม่ว่าจะเป็นรอยไหม้จากสะเก็ดระเบิด รอยร้าวแตกหักจุดต่างๆที่เป็นกระจก เห็นประกายไฟแปลบๆตามตัวเมื่อโดนเราช็อตไฟฟ้่า เรียกได้ว่าเก็บงานละเอียดสะใจคนชอบทำลายล้างเอามากๆ นอกจากนี้ฉากสภาพแวดล้อมบนดาวเคราะห์ต่างๆก็ช่างงามหยดดูล้ำจินตนาการ มีการจำลองวิถีความเป็นอยู่ของเหล่าเอเลี่ยน อสูรสัตว์ และจักรกล ชวนให้รู้สึกว่ามันมีชีวิตชีวามีประชากรอาศัยอยู่จริงไม่ใช่ดาวร้างที่มีแค่ตัวเรากับศัตรู โดยผู้เล่นนั้นสามารถเลือกโหมดภาพกราฟิกได้ 3 รูปแบบเหมือนเกมไอ้แมงมุม ได้แก่ Fidelity ที่จัดเต็มความสวยงามความละเอียดของภาพแต่จำกัดความลื่นไหลไว้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที, Performance โหมดที่ตัดฟีเจอร์ทุกอย่างทิ้งเพื่อเฟรมเรตนิ่งคงที่ 60 fps และสุดท้าย Performance RT ที่ปรับแต่งความละเอียดให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ทั้งแอ็คชั่นที่มีความลื่นไหลในขณะที่ยังคงเทคนิค Raytracing และองค์ประกอบอื่นๆแบบเบาบางให้ได้เห็น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีรีส์ Ratchet & Clank มักถูกนำเสนอถ่ายทอดสู่สายตาแฟนคลับในฐานะเกมแอ็คชั่นผจญภัยที่มีการเดินเรื่องตะลุยฝ่าด่านในรูปแบบเส้นตรง และถึงแม้ว่าภาคใหม่นี้จะยังคงอนุรักษ์อะไรเดิมๆเอาไว้ แต่ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้แอบสอดแทรกสิ่งใหม่ๆลงไปให้ตัวเกมแลดูทันสมัย โดยเฉพาะองค์ประกอบโอเพ่นเวิลด์ที่ภายในเกมเราจะได้เห็นดาวเคราะห์บางดวงที่มีลักษณะภูมิประเทศเปิดโล่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลให้ท่องสำรวจ มีออพชั่นเควสต์ให้เลือกทำ มีของลับซุกซ่อนให้ได้ออกตามหาอย่างพวก Spybots หรือน็อตทองคำ Gold Bolts ที่ใส่มาทุกภาค และด้วยความกว้างใหญ่ของแม็พนี้เองตัวเกมจึงต้องมียานพาหนะมาคอยช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง อาทิเช่น สัตว์ขี่ท้องถิ่น หรือว่าจะเป็น อุปกรณ์แกดเจ็ตสุดเซอร์ไพรส์ ที่จะทำให้คุณเอ็นจอยหลงลืมการเดินทางปกติในเกมโอเพ่นเวิลด์อื่นๆทั่วไปเลยละ
มาถึงประเด็นเรื่องข้อตำหนิกันบ้าง อันที่จริงมันก็ไม่เชิงเป็นจุดบกพร่องของเกมหรอกนะ ออกแนวเป็นความรู้สึกชวนตะหงิดใจเสียมากกว่า กับเรื่องที่ตัวละครเอกทั้งสองแชร์ทุกสิ่งอย่างร่วมกันหมด ไล่ตั้งแต่เงิน อาวุธปืน การอัปเกรด ชุดเกราะ ลามไปจนถึงลีลาท่วงท่าการต่อสู้ จนบางทีหากสวมใส่ชุดเซตสีเดียวกันคงแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าทีมงานคงไม่อยากให้ผู้เล่นปรับตัวอะไรมาก หยิบจับสลับใช้ตัวไหนก็เล่นต่อเนื่องได้เลยทันทีไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เพิ่มเติม ถึงพวกเขาจะอ้างทฤษฎีว่าสองตัวละครนี้เขาเป็นคนๆเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าอีกคนเขาอยู่ในโลกต่างมิติที่ทุกอย่างล้วนแปลกออกไปทั้งสถานะทางสังคม สีผิว รูปร่างหน้าตา เพศสภาพ และบริบทแวดล้อมที่เติบโตมา ดังนั้นการกำหนดให้เขาทั้งคู่มีพฤติกรรมการต่อสู้ที่คล้ายคลึงราวกับร่างโคลนนิ่งถอดแบบกันมานั้น จึงฟังดูตลกไม่ค่อยเมคเซนส์สักเท่าไหร่ ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดสิ่งที่เราต้องการก็แค่เส้นคั่นแบ่งชัดเจนสักเส้น อาจเป็นการเพิ่มอบิลิตี้แทรกซึมอำพรางที่โชว์ให้เห็นในมูวี่ตอนต้น, ใส่ความสามารถพิเศษของแขนกลลงไปนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือเปลี่ยนแอนิเมชั่นท่าพุ่งแดชของอีกตัวละครหนึ่งมาเป็นการวาร์ปล่องหนหายตัวอะไรก็ได้ เพื่อให้เป็นอัตลักษณ์เฉพาะรับรู้ได้ว่านี่คือ Ratchet ส่วนนั่นคือ Rivet นะ ก็ไม่รู้ที่พูดมานี้จะมีใครคิดเห็นตรงกันมั้ย? หรือนี่อาจเป็นเพียงความเรื่องมากส่วนตัวกระผมเองก็ได้ที่อยากลิ้มลองสัมผัสความแตกต่างอย่างอื่นที่มากกว่าแค่สีสันระหว่างไอศกรีมกะทิกับวานิลา
"Ratchet & Clank Rift Apart พูดแล้วค่อนข้างประหลาดใจเหลือเชื่อที่ซีรีส์เกมแอ็คชั่นเด็กๆซึ่งแต่ก่อนเรามักมองข้ามเห็นเป็นเกมไม้ประดับเล่นฆ่าเวลา จะเดินทางมาไกลเทียบชั้นแฟรนไชส์ใหญ่ๆระดับ AAA ได้ถึงเพียงนี้ ต้องขอกล่าวชื่นชมในฝีมือทีมงาน Insomniac Games ที่สามารถเปลี่ยนความคิดของเราทลายกำแพงภาพลักษณ์เก่าๆเดิมๆของซีรีส์นี้ไปจนหมดสิ้น และนับเป็นการตัดสินใจถูกของ โซนี่ ที่ไม่เข็นมันออกมาชนกับภาคต่อเกมดังอย่าง Horizon Forbidden West เพราะถ้าหากมีงบประมาณจำกัดเลือกซื้อได้แค่เกมเดียว ด้วยคุณภาพของมันคงทำให้ใครหลายคนต้องลำบากใจ"
เกมการเล่น | 10 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 10 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
ภาพรวม | 9.8 |
ข้อดี: งานภาพสวยจริงสวยจังเก็บรายละเอียดยันเส้นขน, สอดแทรกโอเพ่นเวิลด์เล็กๆให้เรามีอิสระท่องสำรวจ, อาวุธปืนหลากหลายบางกระบอกแอบซุกซ่อนทีเด็ด, ตัวละครลอมแบกซ์สาวพราวเสน่ห์โดดเด่นราศีจับ, พล็อตเรื่องที่หักมุมพลิกผัน, ระบบแฟนธอมแดชหลบหลีกได้ดั่งใจ, อุปกรณ์แกดเจ็ตใหม่ช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องน่าสนุก, ดาวเคราะห์แต่ละดวงมีสีสันชีวิตชีวามีกิมมิคที่ไม่จำเจ และเป็นเกมที่ต้องหามาเล่นหากคุณเป็นเจ้าของเครื่อง PS5
ข้อเสีย: บางภารกิจติดบัคแต่แก้ได้ไม่ร้ายแรง กับสองดารานำที่มีสไตล์การเล่นคล้ายกันจนแยกไม่ออก
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*