xs
xsm
sm
md
lg

Review: Final Fantasy Brave Exvius ศึกรวมพล คนหน้าหยก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ระบบ iOS / Android
ผู้พัฒนา Alim, Gumi
ผู้ให้บริการ Square Enix

*หมายเหตุ ผู้รีวิวทดลองเล่นจนถึงเลเวล 23

รอคอยกันมานานกว่าสี่ปี ในที่สุด "Final Fantasy Brave Exvius" ก็ได้ฤกษ์ออกแพทช์ภาษาไทยให้เกมเมอร์ผู้ไม่สันทัดภาษาอังกฤษได้เล่นเกมแบบรู้เรื่องกับเขาเสียที

"Final Fantasy Brave Exvius" (FFBE) เป็นเกมอาร์พีจีบนมือถือ พัฒนาโดย Gumi ทีมเดียวกับผู้สร้าง "Brave Frontier" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองเกมจะมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งเกม FFBE เป็นการนำเกม Brave Frontier มาพัฒนาต่อยอด โดยใส่องค์ประกอบความเป็น Final Fantasy เข้าไป อาทิ การสำรวจเมืองหรือดันเจี้ยน, การปรับแต่งตัวละคร, การอัญเชิญมนต์อสูร ฯลฯ


เนื้อเรื่องของเกม FFBE กล่าวถึง Lapis โลกแห่งคริสตัลเวทมนต์ ที่ซึ่งมนุษย์ใช้พลังของคริสตัลในการรักษาสมดุลของโลกและสร้างความเจริญรุ่งเรือง จนกระทั่งความมืดเริ่มคืบคลาน เมื่ออัศวินแห่งความมืด Veritas ปรากฎตัวขึ้นหมายจะทำลายคริสตัลทั้งหมด Rain และ Lasswell สองอัศวินหนุ่มได้รับพลังในการอัญเชิญดวงจิตของเหล่าวีรชนในตำนานที่เรียกว่า Vision ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของ Veritas และนำความสงบสุขของโลกกลับคืนมา


ระบบการเล่นเป็นแนว Turn-based จัดทีมต่อสู้ตะลุยดันเจี้ยน โดยในหนึ่งทีมใส่ได้สูงสุด 5 ตัวละคร และก่อนเข้าดันเจี้ยนสามารถยืมตัวละครของเพื่อนมาช่วยได้ รวมเป็น 6 ตัวละคร เมื่อเข้าสู่ฉากต่อสู้ ในเทิร์นของเราสามารถเลือกใส่คำสั่งให้กับทุกตัวละคร โดยเรียงลำดับก่อนหลังยังไงก็ได้ และสามารถเลือกโจมตีศัตรูตัวใดก่อนก็ได้ ทำให้ง่ายต่อการวางแผนในการเคลียร์ดันเจี้ยน แถมการควบคุมก็ง่ายแสนง่าย เพียงกดค้างที่เมนูตัวละครเลื่อนบนล่างซ้ายขวาเพื่อเลือกคำสั่งโจมตี ป้องกัน ใช้ไอเทม หรือใช้สกิล แล้วกดซ้ำเพื่อใช้คำสั่งนั้น หรือจะเปิดระบบเล่นอัตโนมัติก็ทำได้เช่นกัน


การเข้าดันเจี้ยนจะต้องเสียค่า Energy (ฟื้นฟู 1 แต้มทุก 5 นาที จำนวนสูงสุดเพิ่มขึ้นตามเลเวลไอดี) ซึ่งจำนวนและประเภทของศัตรูก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละดันเจี้ยน ทั้งนี้ แม้เราจะไม่รู้รายละเอียดของศัตรูที่จะต้องเจอ แต่เรายังสามารถตรวจสอบระดับความยากได้จากค่า Difficulty ในหน้าเมนูก่อนเข้าดันเจี้ยน ซึ่งจะช่วยให้เราประเมินได้ว่าทีมของเราแข็งแกร่งพอจะลุยดันเจี้ยนนั้น ๆ หรือไม่


นอกจากดันเจี้ยนประเภทต่อสู้ ยังมีดันเจี้ยนแบบ Exploration และ Town ที่สามารถเดินสำรวจได้ โดยดันเจี้ยน Exploration จะมีโอกาสสุ่มเจอศัตรู ระหว่างทางมีไอเทม หรือเส้นทางลับที่จะนำไปสู่หีบสมบัติที่ซ่อนไว้ ซึ่งเราจะต้องเดินสำรวจเอง ไม่มีสัญลักษณ์บอกใบ้ และปลายทางจะมีบอสให้ปราบเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน ส่วน Town หรือเมือง ก็จะมีฉากให้เดินสำรวจที่กว้างไม่แพ้กัน ซึ่งมีทั้งร้านค้าและ NPC ที่คอยมอบภารกิจต่าง ๆ ให้เรา รวมถึงหีบสมบัติและเส้นทางลับที่จะนำไปสู่ดันเจี้ยนใหม่ที่ไม่มีในเนื้อเรื่อง เรียกว่าได้บรรยากาศความเป็น JRPG แบบคลาสสิกอย่างชัดเจน


จากเรื่องย่อที่เกริ่นไว้ว่าตัวเอกของเราได้รับพลังในการอัญเชิญนักรบจากต่างมิติ จึงนำมาซึ่งความพิเศษที่เป็นจุดเด่นของ FFBE คือเป็นเกมกาชาที่รวมตัวละครจากซีรีส์ Final Fantasy ครบทุกภาค ขนมาหมดไม่ว่าจะเป็นพระเอก นางเอก พระรอง ตัวประกอบ หรือตัวร้าย มีไปจนถึงตัวละครที่คอลลาโบกับเกมในเครือของ Square Enix เอง เช่น Dragon Quest, Valkyrie Profile, Kingdom Hearts, Nier ฯลฯ ทุกตัวละครแม้จะมาในรูปแบบ 16 บิท แต่ก็เก็บรายละเอียดเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะสกิล Limit Burst ที่จำลองมาจากท่าไม้ตายในเกมดั้งเดิมของตัวเองแบบเป๊ะ ๆ แถมบางตัวละครมีฉาก CG สุดตระการตาเวลาใช้ท่าให้ชมอีกด้วย


สำหรับการพัฒนาตัวละครของเกมนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เมื่อตัวละครเลเวลอัพจากการต่อสู้หรือเสริมพลังด้วยตัวละครอื่นก็จะได้รับสกิลตามประเภทของตัวละคร ซึ่งบางสกิลสามารถปลุกพลังโดยใช้ไอเทมวัตถุดิบตามที่กำหนดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้ และบางสกิลจะต้องใช้แต้ม Enlightenment ที่ได้จากดันเจี้ยน Vortex ในการปลดล็อค

เมื่อตัวละครเลเวลเต็มจะสามารถปลุกพลังโดยใช้ไอเทมวัตถุดิบเพื่อเพิ่มระดับดาวได้ ซึ่งรูปลักษณ์ของตัวละครจะเปลี่ยนไป เลเวลสูงสุดของตัวละครและค่าความสามารถต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น โดยระดับดาวสูงสุดคือ 7 ดาว เลเวลสูงสุดคือ 120 แต่ไม่ใช่ทุกตัวละครที่จะสามารถปลุกพลังได้ถึง 7 ดาว


ทุกตัวละครสามารถติดตั้งอาวุธ อุปกรณ์สวมใส่ และเครื่องประดับ รวมกันทั้งหมด 6 ส่วน และสามารถติดตั้งสกิลจากลูกแก้ว Materia ได้ไม่เกิน 4 ลูก (ช่องใส่ Materia ปลดล็อคตามระดับดาวของตัวละคร) โดยไอเทมสวมใส่และ Materia สามารถหาได้จากร้านค้าในเมือง ทำเควสต์ เคลียร์ดันเจี้ยน หรือคราฟท์ขึ้นมาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีระบบ Trust Master Reward ที่จะปลดล็อคไอเทมหรือ Materia ระดับหายากเฉพาะของแต่ละตัวละคร ซึ่งเราจะได้รับเมื่อเพิ่มค่าความเชื่อใจของตัวละครนั้นถึง 100% โดยการนำไปต่อสู้หรือเสริมพลังด้วยตัวละครพิเศษ


เมื่อพูดถึง Final Fantasy ก็จะต้องนึกถึงการอัญเชิญ "มนต์อสูร" ซึ่งมีอยู่ในซีรีส์ Final Fantasy เกือบทุกภาค และใน FFBE ก็มีมนต์อสูรให้ใช้เช่นกัน โดยในเกมจะเรียกว่าระบบ Esper ทุกคนจะได้รับ Esper ตนแรกจากการเคลียร์ดันเจี้ยนตามเนื้อเรื่อง ส่วน Esper ตนอื่น ๆ จะได้จากการเคลียร์ดันเจี้ยนลับที่เราจะต้องค้นหาเอง มีทั้งหมด 19 ตน ทุกตนมาพร้อมฉาก CG เปิดตัวสุดอลังการสมศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่แห่งมนต์อสูร

สำหรับวิธีการอัญเชิญ เราจะต้องติดตั้ง Esper ลงในตัวละครที่ใช้ต่อสู้ ตัวละครที่ติดตั้ง Esper จะได้รับค่าสเตตัสและสกิลอัญเชิญ Esper ตนนั้น โดยจะสามารถใช้สกิลอัญเชิญได้เมื่อสะสมแต้ม Evocation จากการทำดาเมจใส่ศัตรูจนเต็ม เราสามารถเพิ่มเลเวล Esper ได้ด้วยไอเทม Magicite ที่หาได้ตามดันเจี้ยนทั่วไป เมื่อ Esper เลเวลอัพจะได้รับแต้มสำหรับปลดล็อคสกิลของ Esper และเมื่อเลเวลเต็มจะสามารถอัพเกรดข้ามขีดจำกัดของ Esper ได้ โดยการกลับไปสู้กับ Esper ที่ดันเจี้ยนเดิมอีกครั้ง หากชนะ Esper ของเราจะได้รับปลุกพลังเพิ่มระดับดาว ขยายขีดจำกัดเลเวลและตารางสกิล ทำให้แนวทางในการพัฒนา Esper เพิ่มขึ้น โดยระดับดาวสูงสุดของ Esper ณ ปัจจุบัน คือ 3 ดาว


นอกจากโหมด World หรือโหมดเนื้อเรื่อง ยังมีโหมดอื่น ๆ ให้เราได้ท้าทายฝีมือ อาทิ Vortex ดันเจี้ยนกิจกรรมสำหรับตามล่าวัตถุดิบหรือไอเทมหายาก, Arena ลานประลองสำหรับท้าดวลกับทีมของผู้เล่นอื่น (ควบคุมด้วย AI) สะสมคะแนนเพื่อจัดอันดับรับของรางวัลประจำสัปดาห์หรือประจำเดือน, Colosseum ต่อสู้กับมอนสเตอร์และบอสเพื่อรับรางวัลตามระดับยศที่ทำได้, Expedition จัดทีมส่งตัวละครออกไปทำภารกิจ โดยเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จขึ้นอยู่กับประเภทของตัวละครในทีม เราสามารถจัดทีมทำภารกิจพร้อมกันได้สูงสุด 5 ทีม แต่มีข้อควรระวังคือตัวละครที่ถูกส่งไปทำภารกิจจะไม่สามารถนำมาใช้ต่อสู้ในโหมดเนื้อเรื่องได้

ส่วนใหญ่เวลาที่เกมคอนโซลถูกดัดแปลงมาลงมือถือมักจะสูญเสียความเป็นตัวเอง จนกลายเป็นเกมมือถือดาด ๆ ไป แต่ Final Fantasy Brave Exvius ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของ Final Fantasy เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้น เกมเพลย์สไตล์อาร์พีจียุคคลาสสิก ตัวละครและมนต์อสูรที่ทุกคนคุ้นเคย ถือเป็นเกมมือถือที่แฟน ๆ ซีรีส์ Final Fantasy ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ระดับความสนุก


ข้อดี : เกมเพลย์ได้บรรยากาศแบบอาร์พีจียุคคลาสสิก, ระบบเกมเข้าใจง่าย, มีตัวละครให้สะสมกว่าพันตัว
ข้อเสีย : กราฟฟิกแนว 16 บิท อาจไม่ถูกจริตกับเกมเมอร์รุ่นใหม่


ช่องทางดาวน์โหลด
iOS
Android
















*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*


กำลังโหลดความคิดเห็น