ค่ายโซนีอินเตอร์แอคทีฟเอนเตอร์เทนเมนท์ร่วมกับสแควร์เอนิกส์ เปิดจองเกม Final Fantasy VII Remake สำหรับผู้เล่น PS4 ในไทย มาพร้อมทางเลือกชุดใหญ่ของพรีเมียมจัดเต็ม
ภายในงานไทยแลนด์เกมโชว์ ทางค่ายสแควร์เอนิกส์ก็ส่งโปรดิวเซอร์ โยชิโนริ คิตะเสะ มานำเสนอเอง ซึ่งถ้าใครเดินในงานก็อาจได้กระทบไหล่ไปบ้างแล้ว ถือเป็นผู้มีบทบาทเด่นอยู่กับเกมตระกูลไฟนอลแฟนตาซีมาตลอดหลายภาครวมถึงการรีเมกนี้
โปรดิวเซอร์คิตะเสะกล่าวว่าไฟนอลแฟนตาซี 7 เป็นเกม RPG ที่สำคัญ การรีเมกจึงอยากจะเจาะลึกลงไปให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่รีมาสเตอร์ธรรมดา มีการสร้างโลกขึ้นใหม่ที่ต้องใช้ข้อมูลเยอะมากถึง 2 แผ่นบลูเรย์เพื่อจะไม่ให้ลดทอนจากต้นฉบับ
ระหว่างการพัฒนาเกม พวกเขามีคีย์เวิร์ดสำคัญ 3 อย่างคือการคิดค้นสิ่งใหม่ ท้าทายขีดจำกัด และสร้างความประหลาดใจให้ผู้เล่น ซึ่งการรีเมกก็จะนำแนวคิดเดียวกันนี้มาใช้ต่อ เทียบขนาดแล้วเหมือนกับการสร้างภาคหลักอันใหม่ทั้งภาคเลยทีเดียว
สำหรับทีมงาน พวกเขาก็มีรุ่นเก่าที่เคยทำไฟนอลแฟนตาซี 7 ต้นฉบับในอดีต ผสมกับเด็กรุ่นใหม่รวมถึงชาวต่างชาติด้วย โดยตั้งใจว่าจะทำอะไรให้มากกว่ากราฟิกที่ปรับปรุงขึ้น ไปให้ไกลกว่าเดิมและใช้นวัตกรรมล่าสุด
เมืองมิดการ์ที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องจะคงบรรยากาศมืดมนในแบบสตีมพังก์ผสมความทันสมัยตามต้นฉบับและจะมีความหลากหลายแสดงให้เห็นสีสันด้านที่สว่างด้วย ซึ่งการสร้างใหม่นี้จะต้องเพิ่มองค์ประกอบที่ไม่มีในของเดิมอย่างเสียงพากย์ มุมกล้อง และการทำโมชันแคปเจอร์ให้ตัวละครแสดงออกได้มากขึ้น
ด้านระบบต่อสู้แม้จะเป็นแบบแอคชัน แต่พวกเขาก็ยังเก็บการใช้กลยุทธ์ใส่คำสั่งเอาไว้ เมื่อเรียกเปิดเมนูขึ้นมาก็จะทำให้เวลาเดินช้าลงเพื่อคิดวางแผน หรือถ้าใครชอบจังหวะเร็วก็จะมีโหมดตั้งปุ่มลัดกดทีเดียวออกท่าได้เลยเช่นกัน
การพัฒนาตัวละครจะยังใช้ระบบมาทีเรียเป็นแกนหลักให้ใส่ลงไปบนอาวุธชุดป้องกัน มีทั้งประเภทคาถา เพิ่มคำสั่ง อบิลิตี้พิเศษ รวมถึงอสูรอัญเชิญซึ่งภาคนี้ต้องรอสะสมแถบพลังเต็มแล้วจะเรียกมาช่วยสู้ได้ แถมยังมีการสะสมพลังต่ออีกแถบเพื่อปล่อยไม้ตายใหญ่ด้วย
จุดน่าสนใจอีกอย่างคือแต่ละตัวละครจะมาพร้อมลูกเล่นเฉพาะของตนเอง อย่างเช่นคลาวด์จะมีการเปลี่ยนโหมดโจมตีหนักแลกกับเคลื่อนไหวช้าลง ส่วนบาร์เร็ตจะมีท่ายิงรัวและชาร์จยิงแรง ให้สลับตัวบังคับเพื่อสู้ระยะประชิดหรือยิงไกลประยุกต์ตามสถานการณ์
นอกจากนี้ เหล่าศัตรูจะมีแถบพลังอีกอันแยกจากพลังชีวิตเรียกว่าโฟกัส เมื่อผู้เล่นโจมตีต่อเนื่องให้เต็มก็จะเข้าสู่ภาวะ Staggered เสียหลักชั่วครู่โดนอัดแรงกว่าปกติ เป็นระบบคล้ายกับที่เคยใช้ในเกมภาค 13
การวางจำหน่ายแบบแผ่นลงกล่องจะมีชุดธรรมดาราคา 1,890 บาทและชุดพิเศษ Deluxe Edition ราคา 2,490 บาท เพิ่มของสมนาคุณอย่างเช่น CD ดนตรีประกอบ กล่องเหล็ก หนังสือรวมภาพศิลป์ รวมถึงมาทีเรียอสูรอัญเชิญ Cactuar เป็นเนื้อหา DLC และถ้าสั่งจองล่วงหน้าจะได้รับมาทีเรียอัญเชิญเจ้านก Chocobo Chick เพิ่มอีกอันด้วย
สำหรับแฟนตัวยง ทางค่ายก็จะมีชุดใหญ่เรียกว่า 1st Class Edition ราคา 10,990 บาท ได้ทุกอย่างเหมือนชุด Deluxe และเพิ่มหุ่นจำลอง Play Arts Kai ตัวเอกคลาวด์กับมอเตอร์ไซค์เข้าไปอีก ซึ่งทั้งหมดสามารถสั่งจองได้ทันทีภายในงานไทยแลนด์เกมโชว์
หากซื้อแบบดาวน์โหลด ตัวเกมธรรมดาจะมีราคา 1,740 บาท ส่วนแบบ Digital Deluxe Edition จะอยู่ที่ 2,390 บาทได้เนื้อหา DLC เหมือนกัน โดยหนังสือภาพและเพลงประกอบจะให้มาเป็นแบบดิจิตอลแทน
Final Fantasy VII Remake จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการบนเครื่อง PS4 ในวันที่ 3 มีนาคม 2020 พร้อมกันทั่วโลก
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*