แนว กีฬา
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
การกลับมาของแฟรนไชส์เกมกีฬาลูกหนังประจำปี ที่น่าจะโดนใจคอบอลสายสตรีทผ้าใบ แต่อาจไม่ถูกใจคอเกมภาคหลักสักเท่าไหร่
หลังการอวสานสิ้นสุดลงของตำนานแข้งผิวสี "อเล็กซ์ ฮันเตอร์" ในโหมด The Journey ที่ได้เดินทางมาถึงบทสรุปไปในภาคก่อน แน่นอนว่าบริษัท EA คงต้องคิดสรรหาอะไรมานำเสนอทดแทนเพื่อไม่ให้เรารู้สึกจำเจจากโหมดการเล่นปกติแบบเดิมๆที่แทบไม่เห็นพัฒนาการเปลี่ยนแปลงใดๆในแต่ละภาค ซึ่งทางออกสำหรับปีนี้ พวกเขาได้ตัดสินใจเลือก "สตรีทซอคเกอร์" กีฬาลูกหนังพื้นปูนข้างถนน มาเป็นตีมไฮไลท์หลักประจำเกม FIFA 20
สำหรับโหมดใหม่สุดไฉไลดังกล่าว มันมีชื่อว่า Volta Football โหมดเนื้อเรื่องแคมเปญของตัวละครเอก Revvy และเหล่าแก๊งค์นักเตะรองเท้าผ้าใบ ที่ต้องไต่เต้าพาทีมรักก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดแห่งวงการลูกหนังข้างถนน ด้วยการตระเวณลงแข่งขันเอาชนะคว้าถ้วยในศึกทัวร์นาเมนท์รายการใหญ่สำคัญต่างๆ เพื่อสั่งสมบารมีสร้างชื่อเสียงของตนให้เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก บนเส้นทางล่าฝันที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามสุดท้าทาย เรื่องราวดราม่าชีวิต และมิตรภาพที่พานพบเจอในระหว่างทาง
ระบบการเล่นนั้น ดูไปค่อนข้างคล้ายคลึงกับซีรีส์เกม FIFA Street ชื่อดังในอดีต กับกติกาการเล่นแบบสตรีทซอคเกอร์ ใช้โกลรูหนูขนาดจิ๋วเท่าตัวคนบนพื้นที่สนามขนาดเล็ก รายล้อมไปด้วยรั้วเหล็กกั้นเป็นกำแพงสูงรอบขอบสนาม สามารถใช้เทคนิคชิ่งบอลกับผนังเพื่อหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ต้องกลัวลูกออก พร้อมกับเน้นงัดทริคลีลาออกมาโชว์ของกันอย่างเต็มที่ ผ่านก้านอนาล็อคขวาที่สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย ซึ่งการเล่นจะมีทั้งแบบเป็นทีม 3 คน, ทีม 4 คน หรือทีม 5 คนแบบฟุตซอล แล้วแต่กฎกติกา โดยก่อนเล่นเราสามารถเลือกได้ว่า จะบังคับคุมเองทั้งทีม, บังคับแค่ตัวเอกคนเดียวที่เหลือให้เป็นหน้าที่ AI หรือจะชักชวนเพื่อนข้างๆมานั่งร่วมเล่นด้วยกันเป็นปาร์ตี้ก็ย่อมได้
กุญแจสำคัญของโหมดนี้ คือการพยายามชนะทีมคู่แข่งทะลุผ่านเข้าไปสู่รอบลึกๆของทัวร์นาเมนท์ เพื่อคว้าเงินรางวัลเอาไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ ตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกตัวละครอวตาร์ที่เราสร้างขึ้นมาให้แลดูเท่โฉบเฉี่ยว อีกทั้งของแต่งบางอย่างยังกำหนดเงื่อนไขในการปลดล็อค เช่นเน้นจ่ายแอสซิสต์ให้เพื่อน หรือยิงประตูให้ไว ยิ่งทีมเราทำผลงานได้ดียิงถล่มยับ ค่าพลัง Overall Rating ของเราก็จะยิ่งพวยพุ่งได้แต้มปลดล็อคสกิลใหม่ๆที่จำเป็นในสนาม ซึ่งพอเล่นไปเรื่อยๆสมาชิกในทีมก็จะเริ่มเติบโตขยายใหญ่จากการที่มีนักเตะหน้าใหม่ๆมาให้เราจิ้มเลือกเข้าทีม แถมยังสามารถนำทีมของเราไปแข่งขันกับทีมของผู้เล่นออนไลน์คนอื่นๆผ่านโหมด Volta League ได้อีกด้วย
จบจากโหมดเนื้อเรื่องข้างถนน ตัวเกมฟีฟ่าภาคนี้ก็ยังมีอีก 3 โหมดหลักพื้นฐานให้ได้เล่นกันต่อ อาทิ Uefa Champions League ศึกทัวร์นาเมนท์ชิงชัยความเป็นจ้าวยุโรป, My Career โหมดอาชีพนักเตะ-ผู้จัดการ ที่มีเรื่องของค่าพลังใจ Morale เข้ามาเป็นปัจจัยให้เราต้องพะวงระวังคำพูดออกสื่อ การเลือกจัดวางตำแหน่ง 11 ตัวจริง รวมถึงคอยเอาใจใส่นักเตะทุกคนให้มีสุขภาพจิตอยู่ในโซนสีเขียวอยู่เสมอ และปิดท้ายท้ายสุดกับ Ultimate Team โหมดสุ่มเปิดแพคการ์ดนักเตะสำหรับสายเติมเงิน ที่นำเสนอระบบเมนูรูปแบบใหม่จัดการนักเตะภายในทีมได้ง่ายดายขึ้น และสามารถแข่งขันกับเพื่อนแบบขำๆได้ในแมตช์กระชับมิตร ที่ไม่ต้องกลัวเสียแรงค์อันดับ หรือเปลืองสัญญาค่าเหนื่อยนักเตะแต่อย่างใด
FIFA 20 ขนมาพร้อมลิขสิทธิ์กว่า 30 ลีก มีทีมให้เลือกกว่า 700 สโมสร และอีกกว่า 90 สนามแข่งขันออฟฟิเชียลอย่างเป็นทางการ เรียกได้ว่าเรื่องลิขสิทธิ์อัดแน่นครบครันหายห่วงเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะมีขัดหูขัดตาอยู่บ้างตรงชื่อสโมสรม้าลาย Juventus ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อปลอม Piemonte Calcio และใช้ชุดแข่งขันอบต.ที่ทีมงานมโนอีดิธขึ้นมาเอง จากการที่พวกเขาเสียลิขสิทธิ์ไปให้กับทางโคนามิ นั่นเอง
ทางฝั่งเกมเพลย์บนพื้นสนามหญ้า ฟีฟ่าภาคนี้ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเกมรับมากเป็นพิเศษ ทั้งการกดปุ่ม L2 ให้ตัวรับขยับดักปิดทางฝ่ายตรงข้ามที่ดูตอบสนองทันเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น และการนำเสนอระบบเข้าสกัดรูปแบบใหม่ ที่เราสามารถกดปุ่ม Tackle ค้างเพื่อสั่งให้กองหลังชาร์จหนักเข้าสกัดแบบเล่นที่บอลไม่เสียฟาวล์ ซึ่งหากเลือกกดใช้ให้ถูกจังหวะ โอกาสความสำเร็จในการแย่งบอลจากเท้าฝ่ายตรงข้ามของเราจะสูงกว่า 90 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว บอกได้เลยว่าเหนียวแน่นต่อให้ใช้ Messi ก็ยังเลี้ยงผ่านลำบาก ส่วนลูกตั้งเตะเซตเพลย์ยามได้ฟรีคิกหรือจุดโทษ ก็จะผุดเป้าวงกลมโผล่ขึ้นมาตรงโกลให้เราได้กะทิศทางง่ายๆ ขณะที่แอนิเมชั่นการขยับเคลื่อนไหวของนักเตะในสนามก็ยังคงลอยๆเหมือนเดิมตามสไตล์ฟีฟ่า (ไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไขมันสักที)
พูดถึงความสมจริงสมจัง เรื่องของสีสันบรรยากาศ จัดได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ชวนให้เรารู้สึกฟินอินตาม ซึ่งอันที่จริงตัวเกม FIFA 20 ก็ได้มีการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ HDR มาช่วยแสดงเฉดสีสันเฉกเช่นเดียวกับภาคก่อนๆ แต่ทำไมตัวเราดูแล้วกลับรู้สึกว่าสีมันไม่สดใสเหมือนเคย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของทีมงานที่ต้องการแยกตีมสีสันเกมเพลย์ระหว่างพื้นสนามปูนกับพื้นสนามหญ้า ให้ดูแตกต่างกันชัดเจนหรือเปล่า? ถึงได้เลือกใช้โทนสีสันเสื้อผ้าชุดแข่งขันเวลาเล่นในโหมดปกติที่ดูจืดชืดชวนหม่นหมองยิ่งนัก อารมณ์ประมาณซักผ้าแล้วเกิดสีตก หรือเอาชุดแข่งต้นฉบับมาผสมสีเทาทาทับลงไปอีกทียังไงยังงั้น
"จากการหยิบนำเอาระบบเกมเพลย์ภาคเก่าๆที่มีปัญหามาปรับปรุงแก้ไข ไม่ยอมลงทุนโละทิ้งสร้างขึ้นใหม่ FIFA 20 จึงคล้ายๆกับตัวเกมภาคอัปเดตแพทช์ขัดตาทัพคั่นเวลา แม้ว่าองค์ประกอบ "สตรีทบอล" ที่ถูกยัดใส่เพิ่มเข้ามาจะพอทำให้แฟนๆรู้สึกรีเฟรชสดใหม่ได้บ้าง แต่มันก็ยังไม่ใช่โหมดหลักที่เราสามารถนั่งเล่นติดพันได้ยาวๆเป็นปี ดังนั้นใครที่อยากเห็นพัฒนาการแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ก็อาจต้องเฝ้ารอความหวังต่อไปกับภาคใหม่บนเครื่องคอนโซลยุคหน้า เว้นเสียแต่ว่าคุณจะคันไม้คันมืออยากสัมผัสอารมณ์ดิบเถื่อนข้างถนน อดทนหักห้ามใจไม่ไหวแล้วจริงๆ"
| เกมการเล่น | 8 |
| กราฟิก | 7 |
| เสียง | 8 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
| ภาพรวม | 8 |
ข้อดี : ลิขสิทธิ์อัดแน่นเหมือนเดิม, ฟีเจอร์ตัวช่วยเยอะแม้เป็นเพียงแค่ปลีกย่อย, เกมรับวิธีเข้าสกัดถูกปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น และโหมดสตรีทซอคเกอร์ที่มาช่วยเติมชีวิตให้กับซีรีส์
ข้อเสีย : ความเปลี่ยนแปลงในโหมดปกติมีน้อยมาก, แอนิเมชั่นนักเตะยังลอยๆเหนือพื้น, โทนสีสันการเล่นบนพื้นสนามหญ้าดูซีดจางเป็นไก่ต้ม และสโมสรม้าลายที่กลายเป็นจุดด่างพร้อย
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท EA
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
