แนว ชูตติ้งออนไลน์ Co-op (เล่นคนเดียวได้ แต่ไม่แนะนำ)
ระบบ PS4, Xbox One, PC, Switch
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ผลงานเกมที่เป็นทั้งภาคต่อ และภาคเสริมของสงครามชูตติ้งล้างพันธุ์นาซี ที่กล้าลองเสี่ยงละทิ้งตัวตนไปสู่สิ่งใหม่ แต่ยังมีจุดบกพร่องไม่ลงล็อคอย่างใจหวัง
แม้เราจะเป็นฝ่ายกำชัยปลดแอกอเมริกาได้สำเร็จในศึกครั้งก่อน แต่สงครามระหว่างเหล่าพลทหารใจกล้า กับกองทัพนาซีเยอรมัน ก็ไม่มีวันจบสิ้นง่ายๆ และยังคงดำเนินต่อเรื่อยมาเป็นเวลาหลายสิบปี จวบจนถึงปัจจุบันในผลงานภาคล่าสุด Wolfenstein: Youngblood ที่วีรกรรมเชื้อบ้าของตัวละครเอก B.J. Blazkowicz ได้ถูกถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูกเจเนอเรชันใหม่ ผู้เปรียบเสมือนลูกไม้ที่หล่นห่างไกลต้นเป็นกิโลฯ
สำหรับเหตุการณ์ในภาคนี้ จะสืบเนื่องโดยตรงต่อจากภาค The New Colossus เล่าเรื่องราวตอนที่พระเอกหนุ่ม B.J. Blazkowicz ของเรา เริ่มแก่เฒ่าเข้าสู่วัยชรา อาศัยอยู่ในบ้านพักอันแสนสงบคู่กับศรีภรรยา Anya พร้อมด้วยลูกสาวฝาแฝด Sophia และ Jessica แต่อยู่มาวันหนึ่ง พ่อของพวกเธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงคำบอกใบ้เกี่ยวกับภารกิจลับที่ทิ้งไว้เป็นปริศนา ด้วยเชื้อห้าวที่ไหลวนเวียนอยู่ในกระแสเลือด จึงทำให้พวกเธอไม่รอช้าอุตริคิดตัดสินใจขโมยเฮลิคอปเตอร์ เหน็บพกพาชุดเกราะเหล็กมหาประลัย แล้วรุดหน้าไปยัง กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อันเป็นสถานที่เงื่อนงำสุดท้ายของบิดา ซึ่งปัจจุบันกำลังถูกปกครองโดยเหล่าอริเจ้าเก่าขาประจำ
ถึงตัวละครหลักของเกม จะเป็นลูกแท้ๆในไส้ของ Blazkowicz รวมถึงผ่านการฝึกสอนทักษะเอาตัวรอดมาบ้างแล้วจากบิดา แต่พวกเธอก็เป็นเพียงแค่สาวน้อยในช่วงวัยว้าวุ่น ที่ยังอ่อนหัดประสบการณ์ เพิ่งเคยจับปืนยิงหัวคนเป็นครั้งแรก ดังนั้นการที่จะฝ่าฟันกองทัพนาซีไปให้ตลอดรอดฝั่ง พวกเธอจึงต้องผสานจับมือช่วยเหลือลุยกันไปแบบเป็นทีมแพคคู่ ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ของแฟรนไชส์ ที่เราจะได้ Co-op จับคู่กับเพื่อนหรือผู้เล่นออนไลน์คนอื่นๆถล่มล้างบางนาซีไปด้วยกัน โดยที่บริเวณด้านข้างขวามือของจอภาพ จะปรากฏไอคอนรูป หัวใจ แสดงจำนวนชีวิตที่เราแชร์ร่วมกับเพื่อน อันเป็นตัวกำหนดจำนวนครั้งที่เราทั้งคู่สามารถตายได้คล้ายๆกับจำนวนชีวิตในซีรีส์เกมมาริโอ หากใครในทีมเกิดพลาดท่าล้มลงไปกองกับพื้น แล้วเพื่อนอีกคนเข้าไปช่วยชุบชีวิตไม่ทัน ก็จะต้องสูญเสียหัวใจหนึ่งดวงเพื่อแลกกับการคืนชีพ และถ้าใช้หัวใจหมดจนไม่มีใครในทีมสามารถเกิดใหม่ได้อีก นั่นแหละคือจุดจบอวสานเกมโอเวอร์ของจริง
Wolfenstein ในภาคนี้มีลักษณะของเกมอาร์พีจีอยู่หน่อยๆ และมีกลิ่นอาย Dark Souls ปนแอบแฝงอยู่นิดๆ ตรงที่จะมีหลอดเลือดของศัตรู พร้อมกับตัวเลขบอกระดับเลเวลแสดงโชว์ให้ได้เห็น แถมกลุ่มศัตรูที่ถูกสังหารไปแล้ว มันยังสามารถ Respawn รีเซ็ตเกิดใหม่พร้อมให้เราฟาร์มเก็บเลเวลอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกไม่ค่อยพบเห็นในเกม FPS สักเท่าไหร่ โดยยามปะทะกับศัตรู นอกเหนือจากเรื่องระดับเลเวลที่เราต้องห่วงพะวงแล้ว ทีมพัฒนายังเสริมความโหดท้าทายให้ตัวเกมดูฮาร์ดคอร์เล่นยากขึ้นไปอีก ด้วยนานาศัตรูตั้งแต่ลูกสมุนไล่ยันบอส ที่พร้อมใจกันสวมเกราะหนาป้องกันหลายชั้น คอยดูดซับสูบกระสุนของเราไปจนหมดแม็ก ชวนให้รู้สึกท้อแท้ละเหี่ยใจไม่ต่างจากเกม The Division แต่ในความตายยากของศัตรูนั้น มันก็มีทริคเล็กๆน้อยๆในการกำจัดอยู่ เพราะหากลองสังเกตดีๆศัตรูแต่ละประเภทจะมีสัญลักษณ์ รูปไอคอนเกราะ (สีขาวๆข้างหลอดเลือด) ที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็เป็นรูปขีดเล็กๆ บ้างก็เป็นรูปบล็อกสี่เหลี่ยม ถ้าเราเลือกใช้ปืนที่มีชนิดหัวกระสุนตรงกับรูปไอคอนดังกล่าว เราก็จะสามารถเจาะทะลวงเกราะของมันได้สะดวกง่ายดายขึ้น นั่นเอง
แม็พแผนที่ กรุงปารีส ที่สองสาวไปเยือน จะถูกแบ่งแยกออกเป็นโซนพื้นที่ที่เชื่อมโยงถึงกันด้วยสถานีรถไฟใต้ดิน โดยพื้นที่แต่ละโซนจะเป็นแผนที่ปิดตายกว้างๆ เต็มไปด้วยชอร์ตคัตทางลัดตรอกซอกซอยเยอะแยะมากมายรอให้ได้ค้นพบ หรือปลดล็อคร่นระยะทาง ซึ่งการดำเนินเกมจะเป็นไปในลักษณะให้ผู้เล่นตระเวนรับมิชชั่นจากกลุ่มกองกำลังต่อต้านที่อาศัยกบดานอยู่ในรังลับใต้พิภพ แล้วกลับขึ้นมาด้านบนเพื่อปฏิบัติภารกิจ แต่เนื่องจากโซนพื้นที่ในเกมค่อนข้างมีจำกัดไม่ค่อยหลากหลาย จึงทำให้ทั้งภารกิจหลักตามเนื้อเรื่อง, ภารกิจรองไซด์มิชชั่น รวมถึง Raid Mission ลุยดันเจี้ยนสุดหิน ถูกกระจุกมัดรวมอัดแน่นยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังอยู่ภายในฉากแผนที่เดียวกัน เสียเป็นส่วนใหญ่ แถมไม่มีเส้นเขตแดนคั่นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างภารกิจ ฉะนั้นหากเราเดินหลงตัดสินใจเลี้ยวผิดหัวมุมเดียว ก็อาจทำให้ภารกิจแปรเปลี่ยนไปจากเดิม และบ่อยครั้งเรามักสงสัยว่าศัตรูแกร่งสุดอึดที่อยู่ตรงหน้า หรือสิ่งที่เรากำลังปฏิบัตินั้น มันใช่ภารกิจที่เราตั้งใจเตรียมตัวมาทำตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
ในเกมนั้นเราสามารถเลือกได้อิสระว่า จะเล่นกับเพื่อนแบบ Online Co-op หรือลุยเดี่ยวบุกไปคนเดียวแบบ Offline ซึ่งถ้าหากเลือกอย่างหลัง ก็คงต้องกล้ำกลืนฝืนใจทนยอมรับกับความโง่เขลาเบาปัญญาของ AI สมองกลวง ที่เข้ามาสิงร่างตัวละครคู่หูออกท่องตะลุยร่วมไปกับเรา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นภาระมากกว่าจะมาช่วยเหลือ เพราะพฤติกรรมของมันที่เรามักพบเห็นเป็นประจำ นั่นคือการถือปืนเข้าไปบู๊ใส่ยืนวัดแลกกระสุนกับฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด ราวกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้พบปะพูดคุยกันมานาน ครั้นจะกดปุ่มสั่งการให้มันโจมตี เข้าประจำยังจุดต่างๆ หรือรอจังหวะลอบสังหารศัตรูสองตัวในเวลาเดียวกัน ก็มิอาจทำได้ เนื่องจากตัวเกมไม่ได้บรรจุระบบดังกล่าวมาให้ เป็นเหตุให้บ่อยครั้งเรามักต้องออกจากที่กำบัง ออกจากจุดยุทธศาสตร์ชัยภูมิที่กำลังได้เปรียบ เพื่อวิ่งฝ่าดงกระสุนเสี่ยงตายเข้าไปช่วยมันอยู่เสมอ
แม้การบุกลุยเดี่ยวไปพร้อมกับ AI คู่หู จะดูเป็นเรื่องสิ้นคิดเหมือนการฆ่าตัวตาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว หากเรารู้จักทำความเข้าใจ แล้วหาวิธีกลบจุดอ่อนอุดรอยรั่วของมันซะ ด้วยการเลือกอัพสายสกิลเจ๋งๆที่จำเป็นมาแก้ทาง เช่น ถ้าเห็นมันชอบเดินหน้าหาเรื่องตายนัก เราก็เลือกจัดติดตั้งสกิลชุบชีวิตระยะไกล ให้มันแทงค์ไปในขณะที่เราคอยยิงซัพพอร์ตอยู่ห่างๆ หรือใครถนัดสายบู๊อยากสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ มันก็มีสกิลเด้งเลือด HP ฟื้นเกราะ Armor เต็มแม็กซ์ ให้ต่างฝ่ายต่างติดตั้งได้กดใช้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นคู่อมตะมหากาฬที่ยากจะมีใครโค่นลง
เทียบกับ Wolfenstein ภาคก่อนๆ ที่เป็นเกมแนวยิงฮาร์ดคอร์ เน้นสกิลทักษะของผู้เล่นเป็นหลักในการผ่านอุปสรรคอันโหดหิน เล่นลึกเจอบอสสุดแกร่ง ก็เพียงแค่คิดให้ไว หลบให้ว่อง แล้วยิงให้แม่นขึ้นเท่านั้น แต่พอมาภาคนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เพราะตัวเราจะรู้สึกได้ถึง พลังความแข็งแกร่งของตัวละคร ที่จะค่อยๆเพิ่มพูน อึดขึ้น โจมตีแรงขึ้นเมื่อตัวละครเลเวลอัพ ยิ่งเล่นก็ยิ่งโอเวอร์พาวเวอร์ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหย่อม ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ชุดเกราะเหล็กมหาประลัย ที่สองสาวของเราสวมใส่ ซึ่งในภาคนี้ได้ถูกอัปเกรดสมรรถนะ เพิ่มเติมความสามารถมากมายจนล้นทะลัก ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งชน กระโดดสูง แดชหลบ ล่องหน ยกของหนัก อีกทั้งยังมีสกิลลับแอบแฝงซุกซ่อนอยู่ ที่ทำเอาเราถึงกับอ้าปากค้าง
นอกจากความแข็งแกร่งของตัวละครแล้ว ทางด้าน อาวุธปืน ก็มีการเลเวลอัพเช่นเดียวกัน โดยคิดคำนวณจากจำนวนไมล์ยอดคิลสะสม ปืนกระบอกไหนยิ่งเราใช้บ่อย สังหารศัตรูได้เยอะ พลังแดมเมจปืนนั้นก็จะยิ่งทวีความรุนแรงยกระดับขึ้นไปอีก แถมเราสามารถเลือกปรับแต่งติดตั้งลำกล้อง เปลี่ยนแม็กกระสุน พานท้าย ไกปืน เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านต่างๆได้โดยใช้เหรียญเงิน Silver Coins ที่ได้มาจากการเคลียร์มิชชั่น หรือเปิดหีบกล่องภายในฉาก ซึ่งถ้าไม่อยากเหนื่อยเสียเวลา ก็สามารถใช้เงินจริงในรูปลักษณ์ของทองคำแท่ง Gold Bar ซื้อปลดล็อคแทนได้ โดยไอเทมส่วนใหญ่จะมีออพชั่นให้เลือกซื้อได้ทั้งเงินในเกม และเงินจริง แต่สำหรับพวกสกินชุดเกราะสวยๆ และลวดลายพรางบางอย่างที่ไม่มีผลต่อเกมเพลย์ อาจบังคับให้ต้องเติมเงินจริงซื้อสถานเดียวเท่านั้น ซึ่งหากคุณไม่ใช่พวกห่วงภาพลักษณ์ หรือชอบอวดชอบโชว์ยั่วใจให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนเป็นนิสัย การมีตัวตนอยู่ของระบบ Microtransaction ดังกล่าว มันก็ไม่น่าจะสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับใคร
ด้วยความที่มันเป็นภาคเสริม Spin-off เล่าการเดินทางตามหาพ่อของแฝดสาวเกรียนสุดเพี้ยน โดยมีเหล่านาซีมาเป็นอุปสรรคแซมระหว่างทาง หาได้มีปมปริศนาลึกลับซ่อนเงื่อนให้น่าจดจำ เนื้อหาความยาวของเกมจึงค่อนข้างสั้น หากไม่มัวเสียเวลาหลงไปทำอะไรอย่างอื่น แค่แคมเปญหลักเพียวๆไม่น่าจะเกิน 10 ชั่วโมง หนำซ้ำตัวเกมก็ไม่ได้ดำเนินเดินหน้าเป็นเส้นตรง เล่นเปลี่ยนฉากไปเรื่อยๆ จบแล้วจบเลยเหมือนเกม FPS ส่วนใหญ่ แต่จะให้ผู้เล่นเดินวนเป็นวงกลมทำภารกิจใหม่อยู่ในฉากสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา รีไซเคิลหมุนเวียนใช้กันอยู่แค่ 3 - 4 ฉากตลอดทั้งเกม ดูแล้วเหมือนเป็นเส้นก้ำกึ่งบางๆคั่นกลางระหว่างความกล้าบ้าบิ่นคิดต่าง กับความเกียจคร้านของทีมพัฒนา ซึ่งหากลองหยิบนำชิ้นส่วนต่างๆของเกมมาพิจารณาประกอบกันเป็นภาพใหญ่ ทั้งฉากหลังที่ได้ทีมงาน Arkane Studios (ผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์เกม Dishonored) มาช่วยออกแบบให้ มีชาเลนจ์รายวัน-ประจำสัปดาห์ให้ได้ทำ ศัตรูที่เกิดใหม่ไม่หยุดหย่อน รวมถึงไซด์มิชชั่นที่สุ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ และตัวละครที่อัพเลเวลไปได้แบบไม่มีขีดจำกัด ทุกอย่างล้วนสอดคล้องสะท้อนถึงเจตนาความตั้งใจของทีมงานที่ต้องการฉีกกรอบนำเสนอความแปลกใหม่ แม้จะไม่มีใครในโลกนี้เข้าใจ ถ้าถามความเห็นเราในฐานะคนที่จ่ายเงินซื้อมันมาเล่นเอง บอกตามตรงมันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายน่าเกลียดเกินไปนัก กับตัวเกมภาคส่วนขยายขอท้าลองอะไรใหม่ๆที่ตั้งราคาขายไว้เพียงไม่ถึงหนึ่งพันบาท
"สิ่งที่ Wolfenstein: Youngblood แย้มให้เราเห็น มันคือภาพเค้าลางในอนาคตของซีรีส์ แต่กลับเป็นอนาคตที่มาถึงรวดเร็วเกินไป ไม่ให้โอกาสผู้เล่นได้ทันตระเตรียมตัว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโดยพลการไม่ถามไถ่ความเห็นชอบ หรือคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนรอบด้านเสียก่อนนั้น ภาระจึงถูกผลักไปตกอยู่กับบรรดา หนูทดลอง อย่างพวกเราที่ต้องปรับตัวทำใจยอมรับมัน เหมือนกับเป็นบททดสอบวัดใจว่า ใครจะแกร่งพอสามารถยืนหยัดรับไหว กับการบังคับ "หัวรถจักร" นำพาแฟรนไชส์ขบวนด่วนทอดยาว เลี้ยวหักดิบพุ่งชนประสานงากับกำแพงกรอบเหล็กหนาที่พวกเราสร้างกันขึ้นมา เข้าอย่างจัง"
เกมการเล่น | 7 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7 |
ข้อดี : แอ็คชั่นกันเพลย์ลื่นไหลสะใจที่ยังยืนหนึ่ง, เอฟเฟกต์ระเบิดแสงสีจัดเต็ม, ด่านน้อยแต่ทดแทนด้วยรายละเอียดมิติความลึกมีเส้นทางความลับมากมายให้ค้นหา, เลเวลตัวละครสามารถอัพได้เรื่อยๆไร้ทีท่าว่าจะตัน, ความเทพของชุดเกราะที่ยกระดับความมันส์ขึ้นไปอีกขั้น, มีสิ่งให้ทำอยู่ตลอดเล่นได้นานกว่าภาคไหนๆ และราคาถูกเมื่อเทียบกับเกมออกใหม่ด้วยกัน
ข้อเสีย : เนื้อหาแคมเปญสั้นไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร, ฟังก์ชัน Dual-wield ที่จำกัดแค่ปืนพก (แต่พออนุโลมได้เพราะลุยกันสองคน), AI คู่หูสุดบ้องตื้นแสนเป็นภาระ, กิริยาจริตจะก้านของสองสาวดูล้นเกินจริงผิดมนุษย์, ภารกิจเวียนวนซ้ำซากอยู่กับฉากเดิมๆเพียงแค่ไม่กี่ด่าน, หาคนเล่นออนไลน์ด้วยยากมาก เนื่องจากต้องอาศัยทีมเวิร์คจึงไม่มีใครอยากจับคู่กับคนแปลกหน้า และการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ อาจทำแฟนคลับไม่เข้าใจเกลียดชังซีรีส์นี้ไปเลย
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
พื้นที่สีแดงเข้ม และสีแดงจางๆ คือด่านทั้งหมดที่มีให้เล่น น้อยมั้ยละ?
ชุดเกราะสวย แต่เงินไม่มี รอไรเติมสิจ๊ะ
ช่วงหลังๆ ศัตรูแกร่งแค่ไหนก็ไม่กลัวแล้ว