ตัวแทน Infinity Ward แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเกมยิงทหารภาคใหม่ พร้อมกับวอนแฟนฝั่งคอนโซลอย่าได้กังวลใจ ที่จะได้บู๊ดวลกับผู้เล่นบนแพลตฟอร์มอื่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สืบเนื่องจากข่าวการประกาศคอนเฟิร์มเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ Cross-platform อันเปิดโอกาสให้เกมเมอร์ทั้งฝั่งพีซี, เอ็กบ็อกซ์วัน และเพลย์สเตชัน 4 ได้จับปืนกราดกระสุนใส่กันเป็นครั้งแรก ในผลงานชูตติ้งภาคใหม่ Call of Duty: Modern Warfare ไปก่อนหน้านี้ คงเป็นธรรมดาที่บรรดาแฟนคลับโดยเฉพาะกลุ่มผู้เล่นบนคอนโซลผู้ถนัดใช้จอย ต่างรู้สึกหวาดระแวงเกรงว่าตนจะเสียเปรียบเวลาที่ต้องเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่ใช้เมาส์-คีย์บอร์ด
ล่าสุดทาง "Joe Cecot" ดีไซน์ไดเร็กเตอร์แห่งสตูดิโอ Infinity Ward ก็ได้ออกมาตอบคำถามชี้แจงคลายความกังวลข้อสงสัยในประเด็นเรื่องดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ PlayStation Blog โดยเจ้าตัวได้ยืนยันชัดเจนว่า ถึงแม้ตัวเกม โมเดิร์นวอร์แฟร์ จะเปิดอิสระเสรีให้ผู้เล่นจากทุกแพลตฟอร์มมาแจมเล่นด้วยกัน แต่คู่ต่อสู้ที่เราจะได้ปะทะเจอะเจอด้วยนั้น เขาจะใช้อุปกรณ์ที่ไม่แตกต่างไปจากเรา
"หนึ่งในหนทางเมนหลักของเรา ในการปรับสมดุลบาลานซ์ระหว่างผู้เล่นต่างแพลตฟอร์ม นั่นคือทางเรากำลังเตรียมแผน Matchmaking จับคู่ผู้เล่นตามอุปกรณ์ที่พวกเขาเลือกใช้ อีกทั้งเกมของเรายังพร้อมรองรับสนับสนุนอุปกรณ์ที่มีความหลากหลาย ดังนั้นถ้าหากอยากเสียบ เมาส์-คีย์บอร์ด ของคุณเข้ากับตัวเครื่องคอนโซล PS4 คุณก็สามารถทำได้" Cecot กล่าว
นอกจากนี้ Cecot ยังได้กล่าวถึงลูกเล่นใหม่ของเกมตามที่เราได้เห็นกันในเทรลเลอร์ อย่างเช่น เทคนิค Tactical Sprint หรือบางคนเรียกว่า Super Sprint การวิ่งยกปืนเหนือบ่าที่มีความเร็วกว่าปกติ ด้วยการกดปุ่ม L3 ลงไปสองครั้ง ซึ่งทำให้เราเข้าถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น แลกกับอาการหน่วงดีเลย์ยามเปลี่ยนจากท่าวิ่งมาเล็งยิงศัตรู ในส่วนของม็อด Customisation ปรับแต่งปืน ก็มีให้เลือกแต่งเยอะกว่าภาคก่อนๆ โดยปืนแต่ละกระบอกจะมีม็อดแต่งเฉลี่ยราวๆ 30-60 ชิ้นส่วน อย่างไรก็ตาม ปืนที่ติดตั้งม็อดแต่งมากเกินไป เวลาใช้งานจริงอาจลำบาก เพราะการประทับเล็งยิงย่อมเชื่องช้ากว่าปืนที่ปรับแต่งมาน้อย นั่นเอง
ทางด้าน แผนที่มัลติเพลย์เยอร์ ในภาคนี้จะแบ่งแม็พออกเป็น 3 ประเภท ตามขนาดไซส์ความใหญ่ ไล่ตั้งแต่เล็กสุด Flash Maps ที่ใช้ในโหมดสองปะทะสอง Gunfight, แม็พขนาดกลาง Tactical Maps ที่ใช้ในโหมดการเล่นส่วนใหญ่ ไปจนถึงแม็พขนาดใหญ่ยักษ์ Battle Maps ที่ทางทีมงานตั้งเป้ารองรับผู้เล่นมากสูงสุดเกินกว่า 100 คน อีกทั้งยังบรรจุแม็พมืดพิเศษเน้นต่อสู้กันยามค่ำคืน ที่ผู้เล่นทั้งสองฝั่งจำเป็นต้องสวมใส่แว่น Night-vision เพื่อมองเห็นสิ่งต่างๆ เข้ามาด้วย
สุดท้ายท้ายสุด กับเรื่องของ Engine ตัวใหม่ ที่ได้ถูกนำมาใช้สร้างฉากสภาพแวดล้อม รวมถึงแสดงเอฟเฟกต์แสงเงา ระเบิด หมอกควัน ให้แลดูสมจริงสมจัง ร่วมด้วยเหล่า ยวดยานพาหนะ ซึ่งถูกจับยัดใส่ลงมาในโหมดออนไลน์เป็นครั้งแรก เหมือนกับเป็นการอัพสเกลซีรีส์ครั้งใหญ่ ให้ดูคู่คี่สูสีกับแฟรนไชส์ แบทเทิลฟิลด์
Call of Duty: Modern Warfare เตรียมออกวางจำหน่ายในวันที่ 25 ตุลาคมปี 2019 โดยมีแผนจัดช่วงเบต้าให้สาวก PS4 ได้ทดลองกันก่อนในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ตามต่อด้วยแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่จะสามารถร่วมทดสอบตัวเกมได้ ในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
eurogamer
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*