แนว MMO ชูตติ้งอาร์พีจี
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
เมื่อมหันตภัยเชื้อไวรัสแพร่ระบาด ณ มหานครนิวยอร์ก เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น พวกเขาเหล่าสมาชิก ดิวิชั่น จึงต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง
สำหรับเนื้อหาใน The Division 2 จะนำเสนอเรื่องราว 7 เดือนให้หลัง ถัดจากเหตุการณ์ไข้หวัดมรณะแพร่ระบาด อันเป็นเหตุให้สังคมมนุษย์ที่เรารู้จักถึงคราวล่มสลาย กฎหมายกลายเป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษ และตึกอาคารบ้านเรือนแปรสภาพเป็นเมืองร้างไร้ผู้อยู่อาศัย ซึ่งในภาคนี้เราจะได้รับรู้ว่า "เชื้อไวรัส" มันไม่ได้จำกัดวงแคบแค่เฉพาะ นิวยอร์ก แต่กระจายไปตามหัวเมืองต่างๆทั่วทั้งสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมืองหลวง กรุงวอชิงตัน ดีซี ที่ขาดแคลนกำลังพลอย่างหนัก และเฝ้าหวังรอคอยความช่วยเหลือจากเรา
ในฐานะเจ้าหน้าที่ต่างถิ่นสังกัดหน่วย ดิวิชั่น ที่ถูกส่งตัวมาตามรอยสัญญาณ SOS ผู้เล่นจะต้องให้ความช่วยเหลือเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผองประชาชน ที่อาศัยอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ในการต่อสู้ทวงคืนผืนแผ่นดิน กลับคืนมาจาก 3 กลุ่มแก๊งค์มหาวายร้ายอย่าง "ไฮยีน่าส์" (Hyenas), "ทรูซันส์" (True Sons) และ "เอาท์แคสต์" (Outcasts) ที่ต่างฝ่ายต่างหมายมั่นขึ้นมาเป็นใหญ่ปกครองเมืองแห่งนี้
ตัวเกมยังยึดแนว อาร์พีจีโอเพ่นเวิลด์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สร้างตัวละคร เดินสำรวจพูดคุยรับเควสต์ และออกตระเวนเท้าเปล่าไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้น ภารกิจชักปืนดวลบู๊ยิงต่อสู้กับศัตรู AI ปราบบอสจอมอึด เพื่อเก็บของดีๆมาสวมใส่ให้ตัวละครของเราพร้อมลุยสู้ศึกในภารกิจต่อไป เวียนวนเช่นนี้เรื่อยไปไม่จบสิ้น โดยที่เราสามารถเตรียมพร้อมฟอร์มทีมกับเพื่อนมาจากฐาน หรือจะไปจับคู่หาผู้เล่นออนไลน์คนอื่นๆเอาที่หน้างานก็ได้ ผ่านระบบ Matchmaking อันแสนง่ายดาย ซึ่งตัวเกมจะมีการเพิ่มปริมาณศัตรูภายในฉาก ตามอัตราส่วนที่พอเหมาะพอดีกับจำนวนคณะปาร์ตี้ของเราเองให้อัตโนมัติ
ในภาคนี้ ตัวเลขเลเวลที่ปรากฏแสดงอยู่บนหัวศัตรู และตัวละครของเรา ยังคงถูกใช้เป็นตัวชี้วัดตัดสินผลลัพธ์การต่อสู้อยู่เหมือนเดิม หากตัวเราเลเวลน้อยใช้ปืนแรงค์ต่ำ ก็เป็นเรื่องยากที่จะไปหาญสู้กับศัตรูแรงค์สูง ซึ่งก่อนเริ่มทำภารกิจทุกครั้ง หรือเข้าสู่บริเวณพื้นที่แอเรียใหม่ๆ ตัวเกมจะมีการบ่งบอกระดับเลเวลที่เหมาะสมเอาไว้ เพื่อเป็นกำแพงขวางกั้นให้ผู้เล่นพาตัวเองข้ามไป ด้วยการขยันหมั่นเพียรเคลียร์ Side Mission เก็บกิจกรรมตามรายทางแสนน่าเบื่อ เพื่ออัพเลเวลตัวละครให้สูงพอทำภารกิจหลัก Story Mission ถัดไปที่มักเกทับเรียกร้องเลเวลขั้นต่ำเหนือขึ้นไปสองสามขั้นอยู่เสมอ
ด้านระบบเกมเพลย์ ยังคงสไตล์ชูตติ้งหลังพิงฝาโผล่หน้าขึ้นมายิง ผสมกับการกดเรียกใช้สกิลอุปกรณ์แกดเจ็ตสุดไฮเทค เหมือนเช่นเคย แต่ภาคนี้จะมีการปรับแอ็คชั่นเข้า-ออกที่กำบังให้ดูต่อเนื่องลื่นไหลมากยิ่งขึ้น มีสกิลโดรนสุดเจ๋งที่บินลอยตามติดตัวเราไปทุกที่ รวมถึงมีระบบเกราะ Armor หลอดสีขาวเหนือพลังชีวิต เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้กับเรา ขณะเดียวกันทางฝั่งศัตรูเอง ก็มีการอัปเกรดชนิดไม่ธรรมดา บางตัวสามารถฉีดยาเด้งเลือด ชุบชีวิตเพื่อนที่ตาย เริ่มหยิบนำเทคโนโลยีมาใช้เหมือนเรา เช่น รถวิทยุบังคับติดระเบิด หรืออุปกรณ์ทันสมัยต่างๆนานา ไปจนถึงเหล่าบอสใหญ่เสริมเกราะหนา สาดกระสุนใส่หมดไปหลายแม็กก็ยังไม่สะท้าน ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ปัญหา Bullet Sponges มันไม่เคยจางหายไปจากซีรีส์
ความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งเรื่องที่เราสังเกตได้ชัด นั่นคือความต้องการของทีมงานโปรแกรมเมอร์ ที่พยายามสร้างให้ AI ศัตรูดูฉลาดเหมือนมนุษย์มากขึ้น แม้ว่าจะเกินขีดความสามารถของพวกมันก็ตาม ซึ่งในเกมเราจะเห็นพวกมันขยันเปลี่ยนที่กำบัง วิ่งออกจากเซฟโซนปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหามุมยิงเราให้ได้อย่างถนัดถนี่ โดยไม่สนสภาพแวดล้อมรอบตัวมันว่า จะมีอุปสรรคขวางกั้น มีเพื่อนของเราดักรอยิงสอยอยู่แล้ว หรือต่อให้อยู่บนดาดฟ้าระเบียงสูงหลายชั้น มันก็พร้อมที่จะเสี่ยงตาย กระโดดลงมาวัดดวงหวังตีโอบพวกเราจากด้านข้าง และด้านหลังอยู่เสมอ ซึ่งความลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขของเหล่าศัตรู AI ที่ชอบวิ่งฝ่าดงกระสุนตีท้ายครัวแบบไม่ดูกาลเทศะ ขัดกับกลยุทธ์แทคติคในโลกความเป็นจริงนี้เอง มันเลยบีบให้เราต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่น บ้ายอย้ายที่กำบังแข่งกับมันไปด้วย จะมามัวก้มหัวปักหลักตั้งมั่นอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว
แน่ละ เมื่อเปลี่ยนฉากหลังมาเป็นกรุง วอชิงตัน ดีซี สภาพแวดล้อมทุกสิ่งที่ตาเห็นย่อมดูแปลกใหม่ เหมือนลูกนกลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นตึกทำเนียบขาว อาคารรัฐสภา อนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถานรำลึกเหตุการณ์สำคัญ ล้วนต่างถูกจำลองถ่ายทอดออกมาในเกมได้อย่างสมจริง โดยทั้งหมดจะถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์พืชพันธุ์เขียวชะอุ่มดูชุ่มชื่น จากการถูกปล่อยทิ้งร้างมาแรมเดือน นับเป็นภาพลักษณ์ที่ฉีกแตกต่างไปจากฉากเมืองหิมะขาวโพลนในภาคที่แล้วพอสมควร ถึงแม้ว่าขุมพลังหลักจะยังคงเป็น Snowdrop เอนจิ้นเก่าแก่ตัวเดิมก็ตามที และเช่นเคย หากอยากได้ประสบการณ์เกมเพลย์เล็งยิงง่าย ภาพสวยคมชัด เราก็คงต้องแนะนำให้เล่นเวอร์ชัน พีซี เป็นดีที่สุด
ในส่วนเขตพื้นที่โซนสีม่วง Dark Zone ที่ให้ผู้เล่นเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งไอเทมของดีกันจากภาคก่อน ก็ยังคงมีอยู่ในภาคนี้ พร้อมเสริมเติมทัพด้วย Conflict โหมดการเล่น PvP รูปแบบใหม่ ที่ให้ผู้เล่นแบ่งทีมสู้กัน 4 ต่อ 4 แข่งขันตามกฎกติกาสากล อย่างยึดจุด และทีมเดธแมทช์ แต่น่าเศร้าที่ตัวระบบไม่ค่อยยืดหยุ่น เพราะจำเป็นต้องจับคู่ผู้เล่นให้ครบ 8 คนเท่านั้น แมตช์ถึงจะเริ่มได้ หากมากันแค่หก ก็ต้องนั่งรอต่อไปอยู่อย่างนั้น ซึ่งบางทีนานเป็นชั่วโมง หรืออาจนานมากกว่านั้น แถมยังต้องลุ้นหนักให้คนที่รออยู่ อย่าเพิ่งท้อแท้หมดกำลังใจไปเสียก่อน
Tom Clancy's The Division 2 มันคือเกมออนไลน์ ไลฟ์เซอร์วิส ที่ถูกออกแบบมาให้เราติดหนึบอยู่กับตัวเกมไปตลอดวงจรชีวิตของมัน ต่อให้นั่งเล่นเคลียร์เนื้อเรื่องจนจบเลเวลตันแล้ว คุณก็ยังสามารถอัปเกรดตัวละครให้แข็งแกร่งทะลุเพดานต่อไปได้อีก รวมถึงกลุ่มศัตรูคู่อาฆาต ที่มีการขยับอัปเกรดไล่ตามเป็นเงา ไม่มีวันไหนที่คุณจะได้เดินชิลควงปืนยืนยิงแบบสบายๆทำตัวคล้าย ซูเปอร์ฮีโร่ แม้ในตัวจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ของสวมใส่ขั้นเทพ คุณก็ยังต้องคิดปรับเปลี่ยนแผนแทคติคอยู่ตลอดเวลาเหมือนตอนแรกที่เปิดเกมนี้ขึ้นมา อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ เราก็กำลังจะได้สัมผัสกับโหมดใหม่อย่าง Raid Event ภารกิจรุมทึ้งบอสสุดโหดที่สามารถเล่นพร้อมกันได้ถึง 8 คน ซึ่งเตรียมบรรจุอัปเดตฟรีเข้ามาสู่เกมในเร็ววันนี้
แม้ผลงานภาคต่อนี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างถูกเพิ่มเข้ามา แต่มันก็มีหลายเรื่องเช่นกันที่ถูกมองข้ามราวกับว่าพวกเขาไม่แคร์ จากความพยายามเอามือเกาไม่ตรงจุดที่คัน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความสมจริง กระหน่ำยิงใส่ศัตรูเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมล้มสักที ที่นอกจากจะไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขตามใจนักเล่นทั่วไปแล้ว ยังประชดประชันด้วยการเสริมเติมเขี้ยวเล็บให้พวกมันดูรับมือลำบากมากขึ้นไปอีก ยิ่งผสมกับบรรยากาศในเกมที่ตึงเครียดกดดัน มันจึงไม่ต่างจาก "กาแฟดำ" ที่ถูกชงมาเพื่อกลุ่มแฟนคลับผู้หลงรักคลั่งไคล้ในซีรีส์นี้จริงๆ
| เกมการเล่น | 8 |
| กราฟิก | 9 |
| เสียง | 9 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
| ภาพรวม | 8.8 |
ข้อดี : กราฟิกงามกว่าเก่าแม้เพียงเล็กน้อย, แอ็คชั่นกันเพลย์-การขยับเคลื่อนไหวดูลื่นไหลขึ้น, ฉากกรุง วอชิงตัน ดีซี ที่จำลองถ่ายทอดมาได้อย่างสมจริง, ศัตรูที่ถูกอัปเกรดยกระดับความท้าทายบีบให้ต้องคิดแก้ทางตลอดเวลา, การเล่น Co-op ทีมเวิร์คกับเพื่อนที่ยังสนุกเหมือนเดิม, ศึก PvP ถอดยศสู้กันไม่เอาเลเวลเข้ามาเกี่ยว, คอนเทนต์ที่สามารถเล่นต่อไปได้เรื่อยๆหลังจบเกม และโหมดร่วมกันตบบอสที่จะตามมาอีกในอนาคต
ข้อเสีย : เควสต์ยิงกันซ้ำซากน่าเบื่อมาก, เป็นเรื่องยากหากคิดจะลุยฝ่าภารกิจไปคนเดียว, ไร้ช่วงเวลาสบายๆผ่อนคลายอารมณ์, ของแต่งมากมายที่บังคับจ่ายด้วยเงินจริง, AI ตั้งใจตีโอบมากไปจนดูประหลาด, โหมด Conflict ที่รอนานเป็นชาติกว่าจะได้เล่น และเริ่มหนักไปทางเกมเฉพาะกลุ่ม
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท ยูบิซอฟต์
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
