แนว ต่อสู้รวมดารา
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
***รองรับภาษาไทย***
แอ็คชั่นต่อสู้รวมดาวจากฝั่ง บันไดนัมโค ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับ ผลงานตัวเต็งชิงรางวัลเกมยอดแย่แห่ง 2019 กันตั้งแต่หัวปี
สำหรับ Jump Force เป็นผลงานเกมที่ถูกทำมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระโอกาสครบรอบ 50 ปี นิตยสารการ์ตูนชื่อดังของฝั่งญี่ปุ่น โดยมอบหมายให้ทาง Spike Chunsoft ค่ายเดิมที่เคยผลิตเกม J Star Victory VS มาเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถงัดเอาเสน่ห์ของการรวมดารา มาใช้เป็นจุดขายมัดใจเกมเมอร์ได้ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแค่ทุ่มเทใส่ใจกับมันหน่อย เหล่าโอตาคุก็พร้อมให้อภัยในข้อผิดพลาดปลีกย่อยต่างๆนานา มิใช่ทำมาสั่วๆ จนมีเรื่องให้บ่นกันยาวเหยียดบานตะไทถึงเพียงนี้
ด้านเนื้อหาของเกมนั้น แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นชวนน่าติดตาม เพราะเป็นเส้นตรงคาดเดาง่ายเหมือนดู ขบวนการห้าสี มีฝ่ายร้าย ฝ่ายดีต่อสู้กัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนจบจะเป็นเช่นไร โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้โลกจริงของเรา ผสานรวมเป็นหนึ่งกับโลกการ์ตูน จัมป์ ที่อยู่คู่ขนานกัน อันเป็นเหตุให้พวกวายร้ายลายเส้นบุกเข้ามาหวังยึดครอง โดยอาศัยพลังจาก คอสมิคคิวบ์ ในการครอบงำเหล่าประชากรผู้มีจิตใจชั่วร้าย รวมไปถึงบรรดาตัวการ์ตูนผู้มากตัณหา จึงเป็นหน้าที่ของ เลขาธิการ โกลฟเวอร์ ที่ต้องระดมพลเหล่าฮีโร่การ์ตูน และมนุษย์อย่างเราผู้มีจิตใจดี มาจัดตั้งเป็นกองกำลังพิเศษ J Force เพื่อกอบกู้สถานการณ์
เกมนี้เป็นเกมแนวแอ็คชั่นต่อสู้ 3v3 ที่มีระบบตื้นเขินเรียบง่ายไม่ต่างจากพล็อตเรื่อง เน้นการโจมตีเบา สลับโจมตีหนักสร้างเป็นคอมโบ มีเกจพลังที่สามารถชาร์จเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายได้ พร้อมกับกลไกพุ่งแดช หลบหลีก เรียกเพื่อนมาช่วยโจมตีแบบเดียวกับซีรีส์เกม นารูโตะ เพียงแต่เป็นเวอร์ชันเลียนแบบที่ค่อนข้างจำกัด และหละหลวม มิอาจกำหนดตัวละครต่อไปที่อยากส่งลงสนามได้ ต้องหมุนเรียงตามคิวเท่านั้น เช่น หากเราใช้ตัวละคร A อยู่ แล้วเกิดอยากใช้ตัวละคร C ก็ต้องเปลี่ยนตัวละคร B ลงมาก่อน แล้วรอเวลาคูลดาวน์เพื่อกดเปลี่ยนตัวละครอีกครั้ง ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเวลา เสียโอกาส และเสียจังหวะมากทีเดียว
เรื่องปวดหัวยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เมื่อทางทีมผู้พัฒนาเกม ได้ใช้มันสมองอันชาญฉลาดของพวกเขา ตัดสินใจมัดรวมหลอดเลือด HP ของสามตัวละครนักสู้ในทีม ให้แชร์ร่วมกันเป็นหลอดเดียว ฉะนั้น ผู้เล่นจึงไม่ต้องคิดแผนวางกลยุทธ์ให้มากความว่า จะสังหารใครในทีมฝ่ายตรงข้ามก่อนดี เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่กันครบทีมพร้อมหน้าไปจนจบ และยิ่งทำให้ลูกเล่นสับเปลี่ยนตัวละครแทบไร้ความหมาย และไม่มีความจำเป็นเลยในการต่อสู้
หากใครเป็นมือใหม่ ไม่ถนัดแนวต่อสู้ เกมนี้จัดได้ว่าเป็นแดนสวรรค์สำหรับคุณ เพราะเพียงแค่กดปุ่ม R1 ยกแขนสองข้างขึ้นมาตั้ง การ์ดป้องกัน คุณก็สามารถผ่านพ้นทุกช่วงเวลาวิกฤตภายในเกม ไม่ว่าจะเจอบอลเก็งกิลูกใหญ่ ถูกไพ่แห่งเทพลงทัณฑ์ โดนอัดเกียร์สี่ใส่ หรือท่าไม้ตายอัลติเมททำลายทั้งฉากใดๆ ก็มิอาจทะลุผ่านโล่กำบังที่ไม่มีวันแตกของคุณได้ ซึ่งการออกแบบระบบเกมเพลย์ที่เน้นป้องกันแล้วสวนกลับ ต่างฝ่ายต่างจดจ้องคุมเชิงตั้งการ์ดกลัวๆกล้าๆที่จะลงไม้ลงมือ มันช่างชวนให้เรานึกถึงเกมมือถือ Dragon Ball Legends ซะเหลือเกิน ที่ทุกคนเอาแต่แดชหลบ เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงชิงโจมตีก่อนให้ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แม้ภาพกราฟิก 3D แอนิเมชั่น สวยสดงดงามตระการตาภายในเกม จะได้รับอิทธิพลผลบุญมาจากเอนจิ้นชื่อดังอย่าง Unreal Engine แต่มันก็แลดูไร้ค่า เมื่อมาอยู่ในมือของทีมงานผู้ขาดความชำนาญ แถมมีนิสัยเกียจคร้าน ด้วยระยะเวลารอโหลดที่แสนนาน แอ็คชั่นการต่อสู้อันไวว่องมองไม่รู้เรื่องยากเกินกว่าสายตามนุษย์จะตามทัน และการบอกเล่าเรื่องราวผ่านฉากคัตซีนไม่ไหวติงไร้ชีวิตชีวา พร้อมกับมีข้อความคำเตือน บล็อคห้ามเผยแพร่ มาคอยกวนใจอยู่ร่ำไปในทุกครั้งที่ตัดฉาก ราวกับพวกเขาคิดว่า การที่ได้เห็นตัวละครหน้านิ่งยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้พูดคุยกัน มันคงมีความสำคัญยิ่งใหญ่พอๆกับ ฉากมูวี่ CG แห่งมหากาพย์ ไฟนอลแฟนตาซี
ฝั่งรายชื่อกว่า 40 ตัวละคร ที่มีให้เล่นนั้น ล้วนถูกคัดเลือกมาโดยเอา ความดัง ตั้งเป็นบรรทัดฐาน มังงะไหนได้รับความนิยมมากอย่าง Dragon Ball, One Piece, Naruto และ Bleach ก็จะได้รับโควตาพิเศษขนกันมาเยอะหน่อย ส่วนมังงะเรื่องอื่นๆจะถูกหั่นลดหลั่นกันไปเหลือเพียงตัวสองตัว ซึ่งรวมๆแล้วก็ยังดูน้อยเมื่อเทียบกับเกมรวมดาราทั่วไป ที่อย่างต่ำต้องมีหลักร้อยขึ้นไป ขนาดผลงานก่อนหน้าของพวกเขา ยังใจดีให้ตัวละครมาเยอะกว่านี้ หนำซ้ำรูปแบบท่วงท่าการโจมตี และระดับความรุนแรงยังเท่าเทียมหมดทุกตัวละคร ไม่ว่าจะพลังคลื่นเต่าของโกคู หรือกระสุนปืนลูกโม่ของซาเอบะเรียว ก็ทำเอาเราเจ็บหนักพอๆกัน และในเมื่อไร้การแพ้ทาง ไม่มีตัวไหนเก่งเกินโหดโดดเด่นไปกว่าใครนี้เอง ยามตัดสินใจเลือกตัวละคร เราจึงแทบไม่ต้องใช้สมองคิดไตร่ตรองอะไรเลย
ลักษณะการเล่นของเกมนี้ จะให้เราสร้างตัวละคร อวตาร์ จากตัวเลือกของแต่งที่มีอยู่จำกัด ออกเดินสำรวจรับภารกิจภายในศูนย์บัญชาการโอ่โถงขนาดใหญ่ ที่มีทั้งโหมดออนไลน์แบทเทิล และมิชชั่นเนื้อเรื่องแคมเปญให้ได้เล่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กระดูกสันหลังของทีมงานค่อนข้างยาว ฐานทัพที่มั่นดังกล่าว มันจึงดูเหมือนอาคารร้างโล่งๆ ที่ไม่มีกิจกรรมให้เราทำมากนัก ขณะที่ลูกศรชี้บอกตำแหน่งเป้าหมายต่อไปก็ไม่มี ต้องเสียเวลาเดินหาเอาเอง อีกทั้งมิชชั่นหลักแรกเริ่มประเดิมหลังจบ Tutorial ก็แสนยากมหาโหด เลือดตาแทบกระเด็น กันตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยทีเดียว
ด้วยภาพรวมที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และการออกแบบระบบต่อสู้ที่ดูเหมือนขาดประสบการณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวเกม Jump Force จะได้เสียงตอบรับด้านลบจากแฟนๆเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากพูดกันตามตรงแบบไม่อวย เราเองก็รู้สึกอ้ำอึ้งจนบอกไม่ถูกเลยว่า นี่มันเป็นโปรเจกต์ทดลองทำเกมของเด็กฝึกงาน หรือโครงการวิทยานิพนธ์ก่อนจบของนักศึกษากันแน่!
เกมการเล่น | 4 |
กราฟิก | 8 |
เนื้อเรื่อง | 5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 5 |
ภาพรวม | 5.5 |
ข้อดี : เอฟเฟกต์ท่าไม้ตายสุดอลังการ, งานการ์ตูน 3D แอนิเมชั่นดูเรียลไปอีกแบบ และตัวหนังสือที่ล้วนเป็นภาษาไทย
ข้อเสีย : แคมเปญสั้นแถมยากเกินกว่าเหตุ, ตัวละครค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเกมรวมดาราทั่วไป, ค่าพลังทุกตัวละครเท่าเทียมกันหมด, โหลดบ่อยโหลดนาน, ฐานที่มั่นร้างว่างเปล่าไร้กิจกรรมให้ทำ, ของแต่งตัวละครช่างน้อยนิดไม่หลากหลาย, โหมดออนไลน์มีปัญหาแลคบ้าง, กลไกต่อยตีแสนตื้นเขินโยนแทคติคกลยุทธ์ออกนอกหน้าต่าง, แอ็คชั่นที่รวดเร็วปานวอกจนมองตามไม่ทัน, เนื้อหาปัญญานิ่มเหมือนดูการ์ตูนตอนพิเศษ, คัตซีนหุ่นขี้ผึ้งคุยกัน-บล็อคมันหมดทุกฉาก, ระบบการ์ดป้องกันรุ่นสักยันต์อาจารย์หนู, ผู้เล่นเอาแต่ตั้งการ์ดไม่มีใครอยากเสี่ยงโจมตีก่อน และบีบให้ทุกคอมโบต้องเริ่มต้นด้วยสี่เหลี่ยมเพื่อแย็บดูว่าศัตรูกดแช่ R1 อยู่หรือเปล่า?
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*